Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 188 คิดหรือข้าไม่ทราบว่าเจ้าแสร้ง...
“กรี๊ด!”
โท่วปาเซียงเพียวกรีดร้อง
นางไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองเมื่อเห็นว่าเยี่ยฉวนไม่อาจหลบเลี่ยงและกําลังจะถูกตบให้กลายเป็นเศษเนื้อ อย่างไรเสียแม้จะเกลียดชังเยี่ยฉวนเพียงใด แต่ตอนนี้เขาคือผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้เขาเพิ่งช่วยชีวิตนางไว้มิใช่หรือ?
ปัง! หลุมขนาดใหญ่ปรากฏบนพื้น ทั้งหมดนี้คือฝีมือของอสูรนเศียร์พยัคฆ์ แผ่นดินทั้งหมดสั่นไหวชั่วขณะพร้อมกับฝุ่นหนาลอยคละคลุ้ง
อ๊ะ! แล้วคนที่อยู่ตรงนั้นล่ะ?
อสูรหินเศียร์พยัคฆ์เบิกตากว้างเพื่อค้นหา แม้แต่โท่วปาเซียงเนียวก็จับตามองไม่ห่างเช่นกัน
ไม่มีใดปรากฏภายในหลุมยักษ์ ไม่มีแม้ศพของเยี่ยฉวนหรือเลือดเพียงสักหยด
“เฮ้! ข้าอยู่นี่ ขอดูหน่อยเถิดว่าหัวของเจ้าสร้างจากหินหรือไม่?”
ขณะที่ทุกคนกําลังสับสน เสียงของเยี่ยฉวนดังขึ้นจากด้านบนเขายืนอยู่บนก้อนหินด้านข้างศีรษะของอสูรหินเศียร์พยัคฆ์แล้ว
อสูรหินเศียร์พยัคฆ์เงยหน้าขึ้นอย่างมีนงง ดูเหมือนว่ามันจะไม่เข้าใจการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มเลยสักนิด
เยี่ยฉวนกระโดดลงมาพร้อมกับกระชับหินหนักหนึ่งพันจินไว้ในมือเขาทุบมันลงบนศีรษะของอสูรร้ายอย่างไร้ปรานี
“เยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก!”
“ประเสริฐนัก!”
หลิวหงพร้อมกับพี่ใหญ่สู่ส่งเสียงตะโกน แม้ว่าระดับการฝึกฝนของเยี่ยฉวนจะต่ําต้อย แต่การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นว่าเขากล้าหาญเพียงใด แม้แต่พี่ใหญ่ลู่ยังไม่กล้าเข้าใกล้อสูรหินเศียร์พยัคฆ์เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ดวงตาของหนาซานและหนาสู่ยทอประกายเจิดจ้าด้วยความยินดีแม้พวกเขาจะไม่ได้กล่าวคําใด แต่ใบหน้าทั้งห มดแสดงออกถึงความชื่นชมยิ่งสําหรับโท่วปาเซียงเนียวแล้วแววตาของนางฉายแววระยิบระยับพร้อมกับมองเยี่ยฉวนตรงหน้าด้วยมุมมองใหม่
ผู้ใดจะสามารถอดทนต่อการโจมตีด้วยก้อนหินน้ําหนักหนึ่งพันจินนี้ได้?
ใบหน้าของหลิวหงและคนอื่นๆ แสดงออกถึงความยินดีอย่างไรซะการฝึกฝนของพวกเขาไม่อาจต่อกรกับก้อนหินหนักหนึ่งพันจินตรงหน้าได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของสํานักก็อาจจะไม่สามารถรับมือได้เช่นกันทว่าอสูรหินเศียร์พยัคฆ์สามารถรับการโจมตีเมื่อครู่ได้อย่างง่ายดายหินในมือของเยี่ยฉวนแตกสลายไปแล้วแต่ศีรษะของมันยังคงอยู่ดีโดยไร้รอยขีดข่วนเห็นได้ชัดว่าศีรษะของมันไม่ได้กสร้างขึ้นจากหินแต่มันถูกสร้างด้วยวัสดุที่แข็งแกร่งกว่าหินธรรมดาทั่วไปแน่นอน
“โจมตี! ใช้ดาบบินเพื่อคุ้มกันข้า!”
เยี่ยฉวนไม่ฉวยโอกาสนี้เพื่อโจมตีอีกครั้ง แต่เขากลับมุ่งหน้าไปที่ปาหินใกล้ๆอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ายันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งสี่ใบไม่สามารถฆ่าอสูรหินเศียร์พยัคฆ์ได้อย่างไรก็ตามหนาสู่ยแห่งสํานักเบญจลักษณ์กล่าวเอาไว้ว่าตราบใดที่เขาสามารถดึงความสนใจจากอสูรยักษ์ตัวนี้ได้ก็เพียงพอแล้วเช่นนั้นเขาจะแบกรับภาระต่างๆ ไว้ที่ตนเองเพื่ออะไรกัน?
เยี่ยฉวนยกยิ้มเย็นชา เขาต้องการดูว่าหนาสู่ยจะจัดการกับอสูรยักษ์ตัวนี้อย่างไร
โฮก! อสูรหินเศียร์พยัคฆ์คํารามลั่นพร้อมกับไล่ตามเยี่ยฉวนอย่างดุเดือดแม้ว่าการเคลื่อนไหวของมันจะเชื่องช้าแต่ก้าวเดียวของมันครอบคลุมไปกว่ายี่สิบเมตร
แม้ว่ามันจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดหลังจากถูกทุบศีรษะแต่มันก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยอสูรยักษ์พุ่งตัวเข้าหาเยี่ยฉวนอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจหลิวหงและคนอื่นๆสายตาของมันจับจ้องเพียงเยี่ยฉวนเท่านั้น
พลันมีเสียงดังขึ้นจากระยะไกล ฟับ ฟับ พี่บ!
หลิวหง หนาซานและหนาสู่ยกําลังเคลื่อนไหวพวกเขาใช้กระบี่บินล้อมรอบร่างกายของอสูรหินเศียร์พยัคฆ์ที่กําลังไล่ตามเยี่ยฉวนอย่างบ้าคลั่ง
แม้พวกเขาจะไม่ได้ชื่นชอบเยี่ยฉวนนักในก่อนหน้านี้แต่ตอนนี้ทั้งหมดอยู่บนเรือลําเดียวกันแล้ว รางวัลของคนๆ หนึ่งก็คือรางวัลของทุกคนและการสูญเสียเพียงหนึ่งก็เท่ากับว่าทุกคนสูญเสียเช่นกันอย่างน้อยที่สุดหากเยี่ยฉวนตายตกไป หมายความว่าพวกเขา สูญเสียคนที่สามารถถ่วงความสนใจของเหล่าอสูรร้ายเช่นกัน
โท่วปาเซียงเนียวและพี่ใหญ่ลู่เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นกระบี่บินหรือหินยักษ์ก็ไม่อาจทําอันตรายใดกับอสูรหินเศียร์พยัคฆ์ตนนี้ได้เลยมันไม่สนใจพวกเขาพร้อมกับไล่ล่าเยี่ยฉวนอย่าง ไม่ลดละ เป้าหมายเดียวของมันคือการสังหาร!การโจมตีของชาย หนุ่มเมื่อครู่ทําให้ความโกรธปะทุขึ้นในใจของมันอย่างรุนแรงตอนนี้ระยะห่างของมันกับเยี่ยฉวนลดลงเรื่อยๆ จนมันสามารถเอื้อมมือออกไปหมายมั่นว่าจะคว้าตัวของชายตรงหน้าได้
ตอนนี้เยี่ยฉวนกําลังพยายามอย่างสุดความสามารถความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อหลบเงื้อมมือของอสูรหินเศียร์พยัคฆ์หลังจากนั้นสักครู่เขาเริ่มใช้วิธีการวิ่งหลบซ้ายขวาเพื่อสร้างความลําบากให้กับอสูรยักษ์เพิ่มขึ้นไปอีก ถ้าหากมันก้าวไปหนึ่งก้าวก็จะเลยตําแหน่งของเยี่ยฉวนและเมื่อถึงจังหวะนั้นชายหนุ่มจะหันหลังกลับทันทีแต่ถ้ามันลดความยาวของก้าวลง มันก็จะไม่สามารถติดตามเยี่ยฉวนได้ทันดังนั้นไม่ว่ามันจะทําอย่างไรก็ไม่สามารถคว้าตัวชายหนุ่มตรงหน้าได้
เมื่อเยี่ยฉวนรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายช้าลงไปมาก เขาจึงชะลอความเร็วลงเพื่อให้ความหวังกับมันสักหน่อย อีกทั้งบางครั้งยังมีเวลาหยิบหินขึ้นมาแล้วขว้างใส่ศีรษะของมันอย่างหยอกเย้าอีกด้วยแม้ว่าพลังจะไม่รุนแรงนักแต่ในทุกการขว้างล้วนไม่พลาดเป้า! มีหลายค รั้งที่อสูรหินเศียร์พยัคฆ์ต้องการที่จะเลิกไล่ล่าชายตรงหน้าแต่เปลวไฟแห่งความโกรธก็ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่องจนมันไม่อาจรามือได้ในที่สุดหลังจากพยายามอย่างหนักเยี่ยฉวนก็สามารถนํามันเข้ามาภายในปาหินที่อยู่ใกล้ๆ ได้สําเร็จ
ภายในปาหมื่นอสูรเต็มไปด้วยปีศาจร้ายมากมาย หินน้อยใหญ่เรียงรายพร้อมกับเส้นทางคดเคี้ยวแคบๆ ทางเดินบางแห่งยิ่งเดินยิ่งแคบและบางครั้งเป็นทางตัน อสูรหินเศียร์พยัคฆ์ที่ไล่ล่าและพยายามโจมตีอย่างดุเดือดถึงกับมึนงงเมื่อเข้าสู่ปาหินแห่งนี้ มันเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองอยู่บนถนนแคบๆและเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางมากมายการจะหันหลังกลับในตอนนี้กลายเป็นเรื่องยากเสียแล้วนอกจากนี้เยี่ยฉวนที่เคยวิ่งอยู่ตรงหน้าก็พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกด้วย
“ฮ่าๆๆ พี่ชายหนาสู่ย….โชคดีจริงๆ ที่ข้าไม่ได้ทําภารกิจล้มเหลวเอาล่ะจากนี้ข้าจะเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของเจ้า!”
เยี่ยฉวนหัวเราะพร้อมกับตะโกนออกมา เขาเห็นหนาสู่ยยืนอยู่บนกระบี่บินที่กําลังพุ่งมาอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายเพียงยกยิ้มเย็นชาให้เยี่ยฉวนเท่านั้น
“อย่างนั้นจงดูซะให้เต็มตา!”
หนาสุยวิ่งออกไปพร้อมกับซ่อนตัวอยู่ระหว่างก้อนหินสองก้อนเขาเหยียดขาออกพร้อมกับเริ่มโคจรพลังที่จะใช้จัดการกับอสูรหินเศียร์พยัคฆ์
อสูรหินเศียร์พยัคฆ์มองหาเยี่ยฉวนอย่างร้อนรน ในใจของมันต้องการจะฉีกชายหนุ่มให้เป็นหมื่นชิ้นด้วยมือตนเองแต่ขณะที่กําลังวุ่นวายใจมีสิ่งหนึ่งกระแทกเข้ากับขาของมันอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อ๊าก…”
เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองและโหยหวนดังก้องขึ้นในปาหมื่นอสูร
อสูรหินเศียร์พยัคฆ์ที่ถูกซุ่มโจมตียังคงไร้รอยขีดข่วน เยี่ยฉวนที่ยังอยู่ด้านหน้าหันหลังกลับด้วยความตกตะลึงคราวแรกเขาคาดหวังกับการโจมตีของหนาสู่ย ทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผันหนาสู่ยกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งราวกับกําลังจะตาย ดูเหมือนว่ากระดูกขาขวาของเขาแตกหักจนหมดสิ้น
“พี่รอง
พี่รอง…”
หนาซานศิษย์สํานักเบญจลักษณ์รีบวิ่งและพยุงร่างของหนาสุยที่ เจ็บปวดราวกับกําลังจะตายอย่างระมัดระวังอย่างไรซะอาการบาด เจ็บนี้ไม่อาจพรากชีวิตเขาได้ แต่ขาขวานั้นพิการไปแล้วโดยสมบูรณ์มันไม่ใช่แค่กระดูกเคลื่อน แต่กลายเป็นกระดูกทั้งหมดหักออกเป็น ชิ้นๆตอนนี้มีเพียงผิวหนังเท่านั้นที่คอยพยุงให้ขาของเขายังติดคงอยู่กับร่างกายยิ่งไปกว่านั้นการจะใช้ขี้ผึ้งเพื่อสมานกระดูกกลับคืน ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกด้วยหนทางรักษาคือการตัดทิ้งเท่านั้น
หลังจากตรวจสอบอย่างระมัดระวัง หนาซานก็ยังไม่สามารถปล่อยมือจากเขาได้เพราะทั้งสองเป็นพี่น้องกันส่วนหลิวหงสูดลมหายใจเย็นชาพร้อมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดนางกวัดแกว่งกระบี่บินพร้อมกับสับลงที่ขาขวาของหนาซานในทันทีบุคคลที่อยู่โดยรอบพลันกรีดร้องออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ะ ช่างน่าสงสารอย่างแท้จริง เป็นเพราะเขาประมาทเกินไป!หินก้อนใหญ่ถึงเพียงนั้นแต่กลับใช้ขาตนเองเตะมันโดยตรงงั้นหรือ?มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ต้องใช้เสาหินต่อสู้จึงจะถูกต้อง!”
เยี่ยฉวนเดินเข้ามาพร้อมกับมองดูหนาซานที่คล้ายกับใกล้ตายเขาสายศีรษะอย่างเฉยชาและเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เขาลากเสา หินใหญ่ยักษ์นั้นมาด้วย
“คุณชายเยี่ย…ท่านคิดจะใช้เสาหินยักษ์นี้ทุบอสูรหินเศียร์พยัคฆ์ใช่หรือไม่?” หลิวหงร้องถาม
“ใช่ เจ้าไม่เห็นงั้นหรือว่าผลของความประมาทเป็นอย่างไร?เป็นเพราะพี่ชายหนาสู่ยคิดเองตามใจจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ คราวแรกข้าก็คิดว่าเขามีอาวุธที่หนักกว่าเสาหิน แต่… อืมเขาทั้งประมาทและไร้ความสามารถอย่างแท้จริง!”
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะพร้อมกล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจราวกับว่าเขาห่วงใยอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง แต่ว่าสําหรับหลิวหงแล้วคําพูดเหล่านี้ทําให้นางรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย