Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 179 ชิงจังหวะลงมือ
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 179 ชิงจังหวะลงมือ
บทที่ 179 ชิงจังหวะลงมือ
ทันใดนั้นแดนสวรรค์โผล่ขึ้นมาจากใต้พิภพอย่างไม่คาดฝัน!
เมื่อเห็นดังนั้น หลิวหงที่รีบเร่งมาถึงเพื่อขอความช่วยเหลือและกล่าวโทษเยี่ยฉวนรีบหันหลังนําศิษย์สํานักเบญจลักษณ์กลับ พลางคิดหาทางเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์
ตํานานเล่าขานมาแต่โบราณกาลว่ามีอาณาจักรสวรรค์เก่าแก่ซุกซ่อนอยู่ในเทือกเขาหมอกเมฆา ผู้ใดได้รับสืบทอดขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์นี้จะสามารถสัมผัสนภาได้ภายในอึดใจเดียว หลิวหงผู้เย้ายวนแท้จริงแล้วเป็นคนเจ้าเล่ห์และกระหายในพลังอํานาจยิ่ง นางย่อมไม่ปล่อยให้ผู้อื่นได้โอกาสฉกฉวยของดีไปก่อนเป็นแน่!
“คุณชาย ระวังสตรีผู้นั้นให้ดี”
ปีศาจเพลิงเอ่ยเตือนเยี่ยฉวนเสียงต่ําพร้อมเผยสีหน้าเย็นเยียบ ขณะมองตามแผ่นหลังของหลิวหง
“ข้ารู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร วางใจได้”
เยี่ยฉวนกล่าวตอบแผ่วเบา เขาระแวดระวังหลิวหงผู้มีเสน่ห์น่าหลงใหลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเผยที่ซ่อนสมบัติล้ําค่าในเหมืองแร่มณีครามกับนางเพียงเพราะไม่อยากมีเรื่องติดค้างอันใด โดยไม่คาดคิดว่าจะนําไปสู่อาณาจักรสวรรค์ในตํานาน เขานึกสงสัยว่าอาณาจักรสวรรค์ตรงหน้านี้ปรากฏขึ้นเองหรือมีคนจากสํานักเบญจลักษณ์ไปแตะต้องอาณาเขตบางอย่างเข้าจนทําให้มันโผล่ขึ้นมาเช่นนี้
ปีศาจเขาโค้งเดินเข้ามาพร้อมกล่าวออก “นายท่าน ให้ข้าเข้าไปสํารวจอาณาจักรสวรรค์กับท่านเถิด เราสามคนอาจร่วมมือกันชิงขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์มาได้ ฮ่าๆๆ”
แววตาของนากู้ซื้อลุกโชนขณะมองดูอาณาจักรสวรรค์ที่โผล่พ้นผืนดินด้วยจิตใจร้อนรนอยากจะพุ่งตรงเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าขอไปด้วย!”
“ศิษย์พี่ใหญ่ พาข้าไปด้วย ให้ข้าเบิกทางให้ท่านเถอะ!”
ศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่ล้อมรอบเยี่ยฉวนอยู่พร้อมใจกันขอรับ ภารกิจจ้าวต้าจื่อก้าวออกมายืนข้างหน้าเป็นคนแรก จูซือเจี่ยก็มาเช่นกัน นางอยู่ในชุดคลุมพร้อมรบสีแดงเพลิงและรองเท้าหนังที่ทําให้ดูสูงขึ้นเล็กน้อย แม้จะยืนห่างออกไปและไม่เอ่ยคําใดเพราะยังโกรธเยี่ยฉวนอยู่ แต่นางก็ไม่อยากพลาดโอกาสสํารวจอาณาจักรสวรรค์พร้อมกับเขา
“ทุกคนเงียบเสียงและฟังข้า”
เยี่ยฉวนกวาดตามองไปรอบๆ และรอจนทุกคนหยุดพูด “ศิษย์รุ่นเยาว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะอยู่ตําแหน่งไหนหรือเข้าร่วมสํานักมานานเท่าใด พวกเจ้าสามารถเข้าร่วมปฏิบัติการสํารวจอาณาจักรสวรรค์ ได้ตราบใดที่บรรลุถึงขั้นอูเจ๋อระดับเจ็ดแล้ว ส่วนจะได้รับสืบทอดขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคน คนที่เหลืออยู่จงเชื่อฟังคําสั่งของอาวุโสลําดับสอง”
เยี่ยฉวนตัดสินใจเด็ดขาดขณะทอดสายตามองพระราชวังอันส
กลางเมฆหมอก
ขั้นการฝึกตนและภูมิหลังแทบไม่ส่งผลต่อการสืบทอดขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่สําคัญที่สุดคือโชคลาภต่างหาก ยิ่งขุมทรัพย์ทรงอํานาจมากเท่าใดก็ยิ่งขึ้นอยู่กับโชคชะตามากเท่านั้น ต่อให้มีขั้นการฝึกตนสูงส่งเทียบเทียมสวรรค์แต่อาภัพ โชคก็ต้องกลับมามือเปล่า
สํานักหมอกเมฆาเสื่อมโทรมมาเป็นเวลาหลายปี ขั้นการฝึกตนของศิษย์โดยส่วนมากจึงอยู่เพียงระดับปานกลาง หนานเทียนโตวที่มีขั้นการฝึกตนอันน่าเกรงขามก็ปลิดชีพตนเองในหุบเขามังกรปีศาจไปเสียแล้ว ศิษย์จํานวนมากที่เข้าไปสํารวจอาณาจักรสวรรค์กับเขา ในครั้งนี้อาจรอดชีวิตออกมาไม่ถึงหนึ่งในสิบ แต่ตราบใดที่มีเพียงสักคนในสํานักหมอกเมฆา ถูกลิขิตให้รับสืบทอดขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์และกลายเป็นปรมาจารย์ชั้นเลิศก็นับว่าคุ้มแล้ว!
คนธรรมดามีอยู่เกลื่อนกลาด แต่ยอดปรมาจารย์นั้นหายากยิ่ง…
และเยี่ยฉวนต้องการปรมาจารย์!
“คุณชาย ข้าเกรงว่า…” สีหน้าของผู้พิทักษ์หยางแปรเปลี่ยน เขาใคร่จะพูดบางสิงแต่กลับชะงักไป
เรื่องที่อาณาจักรสวรรค์โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินอย่างยิ่งใหญ่ย่อมแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และสามสํานักใหญ่แห่งเทือกเขาหมอกเมฆาคงไม่ยอมพลาดโอกาสนี้เป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นบรรดาวีรบุรุษผู้ยิ่ง ใหญ่และเหล่าปีศาจย่อมแห่กันมาจากทุกสารทิศ เมื่อถึงเวลานั้นสํานักหมอกเมฆาไม่เพียงต้องต่อกรกับสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ หากแต่ยังต้องเผชิญหน้ากับเหล่าจอมยุทธ์ไร้สํานัก และวิญญาณร้ายที่อยู่อย่างสันโดษมานับพันปีอีกด้วย การพาศิษย์ชั้นเลิศเข้าไปด้วยนั้นเป็นความคิดที่ดี แต่การปล่อยให้ศิษย์สามัญทุกคนเข้าไปด้วยจะไม่เกินไปหน่อยหรือ…
“ข้าตัดสินใจแล้ว อย่าได้เอ่ยคํา หากอาวุโสสูงสุดหรือเจ้าสำนักอยู่ที่นี่ก็ต้องเห็นด้วยกับข้า” เยี่ยฉวนโบกมือให้หยางเทียนกวงหยุดพูดก่อนเดินมาหยุดตรงหน้านักรบพฤกษาเถียนกู่ “ท่านเถียนกู่ สตรีพรหมจรรย์ไม่อยู่ที่นี่แล้ว มิหนําซ้ําอาณาจักรสวรรค์ยังปรากฏขึ้นเช่นนี้ ท่านคิดจะทําอย่างไรต่อไป?”
ไม่ต้องให้หยางเทียนกวงบอกเยี่ยฉวนก็รู้ดีการสํารวจอาณาจักรสวรรค์ในครั้งนี้อันตรายยิ่ง ความประมาทเพียงครั้งเดียวอาจเป็นการเอาชีวิตไปทิ้ง เขามีทั้งปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งที่แข็งแกร่งมากอยู่คู่กาย อีกทั้งยังมีราชันจักจั่นทองคํา ภูตทะเล และตุ๊กตาหุ่นกระบอกในโคมบงกชสีครามเป็นบริวาร แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอ อย่างน้อยถ้ามีนักรบพฤกษาเถียนคู่อยู่ด้วยก็นับว่ามีปรมาจารย์ชั้นเลิศอีกคนคอยช่วยเหลือ
“ขออภัยคุณชายเยี่ย ข้าหวังว่าท่านจะปกป้องเตาหลอมระดับสวรรค์เอาไว้ได้ เชิญพวกท่านเข้าไปก่อนได้เลย ข้าจะรอศิษย์ชั้นเลิศ จากสํานักอสูรเมฆาอยู่บริเวณนี้” เถียนกู่ปฏิเสธเสียงเรียบก่อนเหาะจากสํานักหมอกเมฆาไปโดยทิ้งคําพูดสุดท้ายเอาไว้ “คุณชายเยี่ยควรระวังตัวให้มากกว่านี้เมื่อเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์แล้ว”
“เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย!” เยี่ยฉวนยกยิ้มเยือกเย็น
เยี่ยฉวนเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคําพูดสวยหรูนั้นดี
เมื่อเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์แล้วทุกฝ่ายจะเกิดการต่อสู้กันเอง สํานักอสูรเมฆาไม่เพียงจะไม่ช่วยเหลือสํานักหมอกเมฆาแต่อาจถึงขั้นเข้าโจมตี นั่นหมายความว่าในอาณาจักรสวรรค์ไม่มีคําว่าพันธมิตรอีกต่อไป!
สหายร่วมสาบานอาจกลายเป็นศัตรูคู่แค้นได้ หากมีผลประโยชน์มหาศาลเป็นเดิมพัน!
แม้แต่สํานักอสูรเมฆาที่ปรารถนาจะเป็นสํานักชั้นเลิศก็หมายตาขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์!
สีหน้าของจูซื้อเจียแปรเปลี่ยนเช่นเดียวกับเหล่าศิษย์ในสํานักที่เผยสีหน้าไม่สู้ดี หากศิษย์สํานักหมอกเมฆาต้องปะทะกับยอดฝีมือสํานักอสูรเมฆาในอาณาจักรสวรรค์คงเหลือรอดกลับมาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ทว่าเยี่ยฉวนยังคงสงบนิ่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจต่อต้านสํานักหมอกเมฆาได้โดยง่าย!
“ศิษย์ทั้งหลายฟังคําสั่งข้า ผู้ใดพร้อมจะเสี่ยงชีวิตเข้าไปในแดนสวรรค์จงตามข้ามา!”
เยี่ยฉวนกวาดตามองศิษย์ทั้งหมดก่อนหันหลังพุ่งตรงไปยังอาณาจักรสวรรค์ที่อยู่ใกลออกไป
หากต้องการครอบครองขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ควรรีบชิงจังหวะลงมือ หลิวหงรีบนําศิษย์กลับไปยังสํานักเบญจลักษณ์ส่วนเจ้าสํานักเครื่องนิล โท่วปาเซียงอาจกําลังอยู่ระหว่างทาง หากไม่รีบออกเดินทางตอนนี้สํานักหมอกเมฆาอาจเสียโอกาสไปได้ เพราะความกดดันและการแข่งขันย่อมทวีคูณขึ้น เมื่อกองกําลังทั้งหลายในเทือกเขาหมอกเมฆามาถึง!
“โฮก!” ฉับพลันเกิดเสียงคํารามสะท้านฟ้าคล้ายเสียงมังกรดังกึกก้องมาจากอาณาจักรสวรรค์ พระราชวังอันวิจิตรซับซ้อนที่มองเห็นเพียงเลือนรางท่ามกลางม่านหมอกค่อยๆทรุดตัวลงราวกับจะจมหายไปใต้ผืนดินอีกครั้ง!
“แย่ล่ะ.. อาณาเขตของอาณาจักรสวรรค์ทํางานแล้ว เรามีเวลาจํากัด เร็วเข้า!”
เยี่ยฉวนตะโกนลั่นก่อนเร่งฝีเท้า ศิษย์สํานักหมอกเมฆาหลายคนขึ้นเหยียบกระบี่บินแต่ก็ยังตามเยี่ยฉวนแทบไม่ทัน กองกําลังกว่าแปดร้อยคนเร่งรุดไปข้างหน้าประหนึ่งพายุหมุน!