Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 166 ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 166 ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!
บริเวณหน้าห้องโถงใหญ่แห่งสํานักอสูรเมฆาปกคลุมไปด้วยความเงียบ…
แม้แต่คนโง่ยังตระหนักได้ว่าไปเยี่ยนหูตกอยู่ในสถานการณ์ยากลําบาก สายตาของผู้คนจับจ้องไปยังเยี่ยฉวนด้วยความตกตะลึง!
นอกจากสามารถหยิบยืมเตาหลอมระดับสวรรค์มาได้โดยราบรื่น เขายังผูกสัมพันธไมตรีกับว่าที่ราชินีแห่งเผ่าอสูรรุ่นต่อไปอีกด้วยช่างเป็นยอดฝีมือมากความสามารถอย่างหาใดเปรียบ!
สมกับเป็นศิษย์พี่ใหญ่โดยแท้
หัวใจของทุกคนพลันสั่นสะท้านด้วยความครั่นคร้ามต่อศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวน!
ตอนนี้สํานักหมอกเมฆาตกอยู่ในสถานการณ์ย่ําแย่ อาวุโสลําดับสองกลายเป็นบุคคลพิการ ส่วนอาวุโสลําดับสูงสุดยังไม่กลับมาจากเมืองหลวงอันห่างไกลและไร้ข่าวคราว ดังนั้นศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนจึงเหมาะสมยิ่งที่จะเป็นเสาหลักสําคัญของสํานัก
สตรีพรหมจรรย์โกรธแค้นราวไฟสุมเมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่จ้องมองมา พลังปราณในร่างแปรปรวนและพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆจนผู้ที่สัมผัสถึงรู้สึกกระสับกระส่าย ทําให้ฝูงชนยิ่งสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันคลุมเครือของนางและ เยียฉวน!
“สาวน้อยจ๋อเซีย..อย่าได้กระทําการทุ่มบ่าม!”
เยี่ยฉวนโคจรเคล็ดวิชากําจัดเตาหลอมระดับสวรรค์ขณะที่ยังโอบเอวเพรียวบางของหญิงสาวก่อนโน้มกายไปกระซิบ “องค์ราชินี้ไม่ได้ส่งเจ้ามาสร้างความหายนะแก่สํานักหมอกเมฆาแต่มอบหมายภารกิจปกป้องเตาหลอมนี้ต่างหาก หาก เจ้ายังกระทําตามอําเภอใจเฉกเช่นคนโง่เขลา…ท่านอาจารย์ของเจ้าไม่มีวันให้อภัยอย่างแน่นอน! ราชินีแห่งเผ่าอสูรมี เพียงองค์เดียว แต่สตรีพรหมจรรย์นั้นแตกต่างถ้าขาดเจ้าไปสักคน….อย่างไรพวกเขาก็หาสตรีนางอื่นมาสืบทอดตําแหน่ง!”
“ไอ้หนู! เจ้ากล้าขู่ข้าอย่างนั้นรึ?” สตรีพรหมจร รย์หงจือเซียรู้สึกอุ่นเคืองยิ่ง“หากคิดว่าข้าไม่สามารถสังหา รเจ้าได้ละก็…เจ้าคิดผิดถนัด!องค์ราชินีสั่งให้ข้ามาคุ้มครอง ความปลอดภัยของเตาหลอมระดับสวรรค์ไม่ใช่ความปลอดภัยของเจ้า!”
“แต่ตอนนี้ร่างกายของข้าหลอมรวมเข้ากับเตาหลอมระดับสวรรค์จนเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วเจ้าจะสังหารข้าได้อย่าง ไร?!”
เยี่ยฉวนกล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นชาทว่าใบหน้ากลับปรากฏ รอยยิ้มยียวนวงแขนแกร่งโอบกระชับร่างของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นจากนั้นเขาจึงโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกสัมผัสถูกติงหูพร้อมสูดดมกลิ่นหอมจากกายนางก่อนกล่าวออก “รู้ หรือไม่?! สํานักหมอกเมฆาของข้ามีสถานที่ซึ่งขนานนามว่าหุบเขามังกรปีศาจข้าอาจไม่อาจต่อกรกับเจ้าได้แต่สามารถกระโดดลงไปยังก้นเหวลึกเพื่อปลิดชีพถึงเวลานั้นต่อให้องค์ราชินีปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือข้าด้วยตนเองแต่ตัวข้าคงร่วงลงกระแทกพื้นเบื้องล่างพร้อมกับเตาหลอมระดับสวรรค์ไปนานแล้วอย่าบีบบังคับให้ข้าต้องทําถึงเพียงนั้น…มัน ไม่มีผลดีแต่อย่างใด!”
คนทั่วไปมักมองสตรีพรหมจรรย์เป็นหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่ไม่อาจเอื้อมหรือดูหมิ่นแม้แต่เจ้าสํานักโท่วปาเซียงที่มักกดขี่ข่มเหงผู้อื่นยังหวาดกลัวจนหลบหนีเอาตัวรอดเมื่อนึกถึงอาจารย์ของนางที่คอยให้การสนับสนุนทว่าเยี่ยฉวนกลับแตกต่างเขากล่าวข่มขู่นางโดยไม่ใสใจจิตสังหารที่แผ่ออกเลยแม้แต่น้อย!
หลังจากโท่วปาเซียงหนีไปเยี่ยฉวนจึงมีท่าทีสงบลงความวิตกกังวลในจิตใจกลับคืนสู่สภาวะปกติตอนนี้เขามีวิธีจัดการกับสตรีพรหมจรรย์ที่มักตั้งตนอยู่เหนือมวลชนอย่างอยู่หมัด
“นี่เจ้า…ปล่อยขาเดี๋ยวนี้”
หงจือเซียขบกรามแน่นอย่างโกรธจัดพร้อมพยายามผลักเยี่ยฉวนให้ถอยห่างแม้แค้นเคืองคําพูดอันน่ารังเกียจจากปากอีกฝ่ายเพียงใดแต่นางยังไม่กล้าแสดงท่าที่ต่อต้าน โดยตรง
ตอนอยู่ในสํานักอสูรเมฆา สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียดํารงตนอยู่เหนือผู้อื่นและทําทุกสิ่งดังใจปรารถนาแม้แต่อาวุโสเถียนชิงนางยังไม่ให้ความสําคัญทว่าต่อหน้าราชินีอสูรเกศาขาวผู้เป็นอาจารย์ นางกลับไม่กล้าผ่อนลมหายใจจนมีเสียง เล็ดลอดออกมาด้วยซ้ํา!หญิงสาวตระหนักถึงอารมณ์และแผนการขององค์ราชินีดีกว่าผู้ใด ดังนั้นหากนางเผลอกระทําการสิ่งใดให้ระคายต่อให้มีตําแหน่งสูงส่งเป็นถึงสตรีพรหมจรรย์ก็อาจถูกตัดศีรษะได้โดยง่าย!
“อย่าถือโทษโกรธเคืองข้าไปเลยจือเซีย ก่อนหน้านี้ข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีนักหากเจ้าใคร่ทุบตีหรือสาปแช่งก็จงอย่าลังเลข้ารับรองว่าจะไม่ตอบโต้แต่อย่างใดอีกอย่างข้ายินดีไถ่โทษโดยการพาเจ้าขึ้นไปยังยอดเขามังกรสวรรค์เพื่อดูดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าหรืออาจพาเจ้าไปเดินชมสินค้าในตลาดมืดที่นั่นมีสมบัติจากต่างแดนไม่น้อย และหากเจ้าต้องการสิ่งใดข้ายินดีจ่ายให้ว่าอย่างไร?!”
เยี่ยฉวนสบตาสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียที่กําลังโกรธาพร้อมเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย กิริยาหยอกล้อเช่นนั้นไม่ผิดเพี้ยนอันใดไปจากคู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกัน
“เยี่ย..ฉวนเจ้า!”
สตรีพรหมจรรย์โกรธแค้นจนแทบเสียสติ ไม่เพียงกล้าหยอกเอินนางต่อหน้าสาธารณชนการแสดงออกของเขายังจริงจังจนผู้คนหลงเชื่อโดยสนิทใจในยุทธภพนี้คงไม่มีผู้ใดไร้ยางอายไปกว่าเขาแล้ว!
ตั้งแต่ยังเยาว์จนเติบใหญ่…ไม่ว่าผู้ใดในสํานักอสูรเมฆาที่พบเจอนางต่างให้ความเคารพยําเกรงและให้เกียรติทั้งยังปฏิบัติต่อนางด้วยความสุภาพไม่เคยมีชายใดกล้ากระทําหยาบคายกับนางเช่นนี้
ไอ้เด็กเหลือขอเยี่ยฉวนผู้นี้ไม่เพียงมีกิริยาน่ารังเกียจทว่ายังไร้ยางอายสิ้นดี!
จิตสังหารของหงจือเซียพุ่งทะยานขึ้นถึงขีดสุดเปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้นที่สุมอยู่ในทรวงโหมกระหน่ํา!
“ฆ่าพวกมันให้สิ้น! ฆ่าไอ้สารเลวเยี่ยฉวนซะ!”
ไปเยี่ยนหูคํารามด้วยน้ําเสียงแหบแห้งใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยแห่งความชั่วร้าย ทว่าบรรดาสาวกใต้บังคับบัญชาต่างหลบลี้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยผู้ที่ยังยืนหยัดอ ยู่เคียงข้างเหลือจํานวนไม่มากนัก
“ตาเฒ่า! ครู่นี้เจ้ากล่าวว่าอย่างไรนะ?”
ไฟแห่งความโกรธในใจหงจือเซียลุกโชนขึ้นอย่างฉับพลันทันใดนั้นแขนเสื้อกว้างของนางพลันยืดออกและ พุ่งตรงไปพันรอบคอของไปเยี่ยนหูหญิงสาวรวบรวมพลังอีกครั้งเพื่อหักกระดูกต้นคอของเขาจนเกิดเสียงดังกังวาน ร่างกายของชายชราทรุดลงกองกับพื้นทันทีวรยุทธ์สูงส่งที่เคยมีอ่อนกําลังลงเรื่อยๆ
“อิ่ม! อาวุโสลําดับสาม ครู่นี้ข้ากําลังพูดคุยกับสาวน้อยจื่อเซียแต่เจ้ากลับขัดจังหวะการสนทนาจนเสียรสชาติ!ตรองดูให้ดีเถิด..ทุกสิ่งที่เจ้าทําเป็นเพราะต้องการครองตําแหน่งเจ้าสํานักแต่ท้ายที่สุดนอกจากเจ้าจะไม่ได้ขึ้นไปถึงจุดนั้น จุดจบของเจ้ายังน่าสังเวชยิ่ง! ไม่มีแม้แต่ศิษย์เพียงคนเดีย วมาคํานับ อี้ส่วซึ่งเป็นศิษย์สายตรงก็ตายตกไปเสียแล้วเฮ้อ….นั่นคงไม่สําคัญแล้วล่ะ!”
เยี่ยฉวนก้าวไปด้านหน้าพร้อมจับจ้องไปยังร่างของชายชราที่นอนหายใจรวยรินพลางส่ายหน้าด้วยท่าที่ราวเห็นอกเห็นใจ
“อะ…ไอ้สารเลว! ข้าจะกลายเป็นภูตปีศาจคอยหลอกหลอนจะ…เจ้า”
ดวงตาไปเยี่ยนหูกลอกขึ้นจนเหลือเพียงสีขาว ยังไม่ทันกล่าวจบประโยคลมหายใจของเขาก็แน่นิ่งเขาตายแล้วตายตกไปพร้อมความคับแค้นเต็มอก!
อันที่จริงแม้คอของชายชราหักและร่างกายบอบช้ําสาหัสแต่ยังพอมีหนทางช่วยเหลือยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋เช่นเขาอยู่บ้างน่าเสียดายที่เยี่ยฉวนยังไม่ทันกล่าวถึง ไปเยี่ยนหูกลับตายตกไปก่อนเพราะความโกรธที่มากเกินไป
เขาใช้เวลาหลายปีเตรียมแผนการอย่างอุตสาหะเพื่อเข้ายึดครองอํานาจเบ็ดเสร็จของสํานักหมอกเมฆาทว่าผลลัพธ์สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับเยี่ยฉวนจนต้องสูญเสียทุกสิ่งอย่างรวมถึงชีวิต!
“ทหารอารักขา…เข้ามาเคลื่อนย้ายศพของอาวุโสลําดับ สามออกไปและทําการฝังอย่างสมเกียรติ!”
เยี่ยฉวนหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงไม่แยแส “แม้ไปเยี่ยนหูกระทําการชั่วช้า แต่ข้าไม่อาจปฏิบัติต่อ เขาอย่างอยุติธรรมไม่ว่าอย่างไรเขาก็เคยดํารงตําแหน่ง เป็นถึงผู้อาวุโสแห่งสํานักหมอกเมฆาผลงานอันทรงคุณค่า และความผิดพลาดที่เขาสร้างถือเป็นคนละส่วนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสํานักที่ผ่านมาล้วนเป็นแผนการของเขาผองศิษย์คนอื่นๆตราบใดที่เจ้าวางอาวุธสังหารลงและยอม จํานนแต่โดยดีจะได้รับการให้อภัยและนับจากนี้ทุกสิ่งอย่างจะยังคงเดิม!”
เนื่องจากความขัดแย้งภายในสํานักเพิ่งคลี่คลายลงเยี่ยฉวนจึงต้องกอบกู้สถานการณ์ให้มีเสถียรภาพและกลับคืนสู่ความสงบโดยเร็ว เวลานี้ไม่ควรให้เกิดพายุร้ายและเหตุ นองเลือดซ้ําเป็นครั้งที่สอง!
ในฐานะที่เยี่ยฉวนเคยเป็นมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนรกร้างในภพชาติก่อน เขาตระหนักดีว่าควรจัดการกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร!
“ศิษย์น้องคํานับศิษย์พี่ใหญ่!”
“เป็นพระคุณยิ่งขอรับศิษย์พี่ใหญ่ที่ไว้ชีวิตพวกเรา!”
เหล่าสาวกของไปเยี่ยนหูที่เคยหลงผิดเข้าร่วมกองกําลังกบฏทิ้งอาวุธสังหารในมือและคุกเข่าลงคํานับจนหน้าผากจรดพื้นสามครั้งก่อนโค้งคํานับอีกเก้าครั้งส่วนคนสนิ ทของชายชราซึ่งเคยฆ่าคนมานับไม่ถ้วนไม่อาจหลบหนีได้ทันตอนนี้พวกเขาทําได้เพียงคุกเข่ายอมจํานนเท่านั้นและตั้งความหวังว่าเยี่ยฉวนจะรักษาสัญญาเรื่องผ่อนปรนโทษ
“ลุกขึ้นเถิด! เรียกใช้เคล็ดวิชาป้องกันสํานักหมอกเมฆาเสีย! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีผู้ใดออกจากสํานักแม้แต่ครึ่งก้าวหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า!” เยี่ยฉวนโบกมือ เป็นเชิงสั่งการก่อนเดินตรงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วเขารีบแก้ปมเชือกที่มัดร่างจือเจียติดกับแท่นศิลาพร้อมแก้ไขให้ฟื้นทันทีที่นางลืมตาเขาจึงกระซิบอย่างอ่อนโยน “เจียเจียทั้งหมดเป็นความผิดของศิษย์พี่ใหญ่ที่กลับมาไม่ทันเวลาจนเจ้าต้ องทุกข์ทรมานเช่นนี้”
“ศิษย์พี่ใหญ่”
จูชื่อเจียโผเข้าหาอ้อมอกของเยี่ยฉวนทันทีหยดน้ําตาใสหลังรินออกมาจากดวงตาแดงกําราวเขื่อนแตก ภาพเหตุการณ์นองเลือดปรากฏในห้วงความคิดอีกครั้ง อาวุโสลํา ดับสองหนานกงเหรินถูกทําร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หนานเทียนโตวประสบความพ่ายแพ้จนท้อในโชคชะตาตัดสินใจกระโดดลงสู่ก้นเหวมังกรปีศาจเพื่อปลิดชีวิตตนเอง เด็กสาวผู้กระฉับกระเฉงอยู่เป็นนิจรู้สึกโศกเศร้าจนปล่อยโฮ โดยไม่สนใจสายตาผู้อื่น แม้แต่ท่านปู่ที่เดินทางไปยังเมืองหลวงก็ไร้ซึ่งข่าวคราวใด มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนที่คอยอยู่เคียงข้างก่อนหน้านี้ถึงเขาเคยทําให้ขุ่นเคืองใจอยู่บ่อยครั้ง แต่นางกลับผูกพันราวเขาเป็นสมาชิกผู้เดียวในครอบครัวที่เหลืออยู่
“อย่ากลัวไปเลย…ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดแล้ว…”
เยี่ยฉวนโอบจซื้อเจียไว้ในอ้อมกอดแนบแน่นพลางปลอบประโลมโดยลูบเส้นผมมาถึงกลางแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน
สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียที่ยืนอยู่ไม่ไกลพ่นลมหายใจแรงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า “อิ่ม! ไอ้เด็กเหลือขอผู้นี้ลอบล่วงเกินสตรีเพศอีกแล้ว!”
บริเวณหน้าห้องโถงใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆา บรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาเปล่งเสียงร้องตะโกนอย่างปีติยินดีกับฟ้าหลังฝนอันสดใส มีเพียงหงจือเซียที่จับจ้องเยี่ยฉวนอย่างไม่สบอารมณ์ ถึงกระนั้นนางก็ยังชื่นชมในภาวะผู้นําของ เขาและเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่
เยี่ยฉวนทําให้สถานการณ์โกลาหลที่เกิดขึ้นสงบลงด้วยคํากล่าวเพียงไม่กี่ประโยค โดยไม่ได้ใช้วิธีไล่ล่าคนผิดมาลงโทษและกล่าวตําหนิอย่างดุเดือดแต่อย่างใด สิ่งนี้ไม่จําเป็นต้องใช้ความกล้าหาญหรือวรยุทธ์อันสูงส่งแต่อย่างใด แต่ใช้ประสบการณ์เป็นหลักหากหงจือเซียอยู่ในตําแหน่งเดียวกับเขาในเวลานี้คงจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่สมบูรณ์แบบเท่าขณะเดียวกันอารมณ์หงุดหงิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุพลันก่อตัวขึ้นเมื่อเห็นเยี่ยฉวนใกล้ชิดกับจูชื่อเจียผู้มีรูปโฉมงดงามกอดกันกลมต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้ไม่รู้จักอายบ้างหรืออย่างไร?!
ยิ่งนางมองคนทั้งสองนานเพียงใดจิตใจของนางก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวจึงเดินไปด้านหน้าพลางบังคับใจไม่ให้หันไปมอง ทว่าห้วงความคิดที่เต็มไปด้วยใบหน้ายียวนของเยี่ยฉวนรวมถึงพฤติกรรมอันไร้ยางอายเหล่านั้นทําให้นางไม่อาจสงบใจได้
“นะ..นี่คือหายนะทางอารมณ์ที่ท่านอาจารย์เคยพร่ําเตีอนอย่างนั้นหรือ?!”
คําเตือนที่ราชินีแห่งเผ่าอสูรเคยกล่าวไว้ผุดขึ้นในห้วงคํานึ่งไม่นานนักหงจือเซียจึงสลัดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นทิ้งนางหันกลับไปมองเยี่ยฉวนอีกครั้งพร้อมเผยสีหน้าไม่สู้ดี!