Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ - บทที่ 147 ราชินีอสูรเกศาขาว
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 147 ราชินีอสูรเกศาขาว
“โฮก!”
งูเผือกร้องคํารามและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ลําตัวยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตรขดอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยฉวนเตรียมตั้งรับ การโจมตีของสามยอดฝีมือแห่งสํานักอสูรเมฆา!
บัดนี้อดีตสัตว์อสุรกายผู้พิทักษ์สํานักอสูรเมฆากําลังยืนหยัดปกป้องเยี่ยฉวนผู้เป็นคนนอกสํานัก
สตรีพรหมจรรย์ อาวุโสเถียนชิง และนักรบพฤกษาชะงักไป สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยน
ระดับน้ําในทะเลสาบยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บรรดาศิษย์สํานักอสูรเมฆาต่างหนีกระจัดกระจายไปยังที่สูง งูยักษ์บนท้องฟ้าทําให้จิตใจของพวกเขาสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด!
เป็นครั้งแรกตั้งแต่จําความได้ที่ศิษย์สํานักอสูรเมฆาเห็น นางพญามังกรขาวปรากฏกายต่อหน้า ร่างยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตรเบื้องบนจึงทําให้หลายคนตกตะลึงเกินบรรยาย
ร่างสูงเจ็ดเมตรของนักรบพฤกษาเถียนคู่นั้นใหญ่โตและให้ความรู้สึกกดดันประหนึ่งภูเขาขนาดย่อม แต่ไม่อาจเทียบได้กับร่างมหึมาของสัตว์อสุรกายตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ฆ่ามัน! ฆ่านางพญามังกรขาวด้วย!”
จิตสังหารของสตรีพรหมจรรย์รุนแรงขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า นางเผยสีหน้าจองหองขณะกระชับกระบี่ในมือ รัศมีสีรุ้งเบื้องหลังแผ่ขยายถึงขีดสุดยามพุ่งเข้าใส่เยี่ยฉวนและงูเผือก!
“เฮ้อ… ไปกันเถอะเถียนกู่!”
เถียนชิงชะงักฝีเท้าลงใคร่จะหยุดสตรีพรหมจรรย์ไม่ให้ผลีผลามเข้าไปโดยประมาท.แต่สายเกินไปเสียแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามนางไป เถียนกู่ส่งเสียงดัง กึกก้องก่อนร่างกายจะขยายใหญ่เกือบสิบเมตร กิ่งไม้ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมือก่อนรีบรุดตามหลังไป แม้การเคลื่อนไหวของเขาจะเชื่องช้าแต่กลับไปได้ไกลถึงร้อยเมตรในก้าวเดียวจนเร็วล้ําหน้าอาวุโสเถียนชิง
“เยี่ยม. ปรมาจารย์แห่งเต๋ทั้งสาม! แม่สาวตัวขาว สําแดงความแข็งแกร่งของเจ้าให้โลกรู้ซะ!”
เยี่ยฉวนสงบนิ่งไม่ไหวติงราวกับใบไม้ที่ลอยล่องไปตามคลื่นและยืนหยัดรับการโจมตีจากสามยักษ์ใหญ่แห่งสํานักอสูรเมฆาอย่างกล้าหาญ
งูเผือกที่ลอยอยู่ในอากาศเริ่มบิดกาย เกิดก้อนเนื้อโปร่งแสงส่องประกายแวววาวสองก้อนบนหน้าผากราวกับกําลังจะแปลงกายเป็นมังกร พลังงานมหาศาลเสียยิ่งกว่าพลังของสามยักษ์ใหญ่จากสํานักอสูรเมฆาพลันปะทุออกมาจากร่างของมันจนระดับน้ําเบื้องล่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าเดิม
เกิดสถานการณ์อันแปลกประหลาดและน่าตกตะลึงขึ้นในสํานักอสูรเมฆาอันไร้เทียมทาน!
คลื่นบนยอดเขามังกรนิทราแลดูมหึมาเมื่อมองจากที่ไกลๆ น้ําในทะเลสาบไหลล้นลงมาอย่างท่วมท้นจนเกิดเป็นน้ําตกตระการตาโดยรอบยอดเขา มวลน้ํามหาศาลทะลักจากเบื้องบนราวกับต้องการให้ทั้งสํานักและผืนดินในรัศมีพันลี้จมอยู่ใต้ผิวน้ํา
สีหน้าของสตรีพรหมจรรย์เยือกเย็นพร้อมจิตสังหารพุ่งสูง ในหัวของนางไม่มีคําว่าประนีประนอม มีเพียงความต้องการกําราบเยี่ยฉวนให้สิ้นซากโดยไม่ลังเลที่จะทําให้ทุกสิ่งพินาศไปด้วยกัน! เยี่ยฉวนเองก็ไม่รามือ เขาสาบานว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายและตอบโต้อีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยมไม่แพ้กัน!
ทั้งสํานักอสูรเมฆาเดือดพล่านไปด้วยคลื่นอารมณ์ที่กําลังปะทุ!
ศิษย์สํานักอสูรเมฆาจํานวนมากไม่อาจไปถึงยอดเขามังกรนิทราได้ทันเวลาจึงเร่งรีบไปยังยอดเขาใกล้เคียง แขนขาของพวกเขาสั่นเทาขณะเฝ้าดูการต่อสู้ดุเดือดบนยอดเขามังกรนิทรา
การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ที่อันตรายที่ สุดในรอบร้อยปีของสํานักอสูรเมฆา หากแต่เป็นการต่อสู้ที่เกินคาดและน่าตกตะลึงจนสั่นประสาททุกคนในสํานักมากที่สุด ต่อให้สํานักอสูรเมฆาจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะก็อาจมีราคาที่ต้องจ่ายและสามยักษ์ใหญ่อาจต้องถูกโค่นลง
การต่อสู้ชี้ชะตาระหว่างผู้แข็งแกร่งมักจบลงด้วยความเจ็บปวดของทั้งสองฝ่าย!
อาวุโสเถียนชิงและนักรบพฤกษาไม่เคยต้องการให้เรื่องมาถึงขั้นนี้ แต่สถานการณ์เกินกว่าที่คาดไว้และบานปลายเกินจะควบคุมเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสตรีพรหมจรรย์เปิดฉากการโจมตีแล้วพวกเขาก็จําเป็นต้องจํานนต่อโชคชะตาและร่วมสู้เช่นกัน!
การประลองครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดอุบัติขึ้นในที่สุด!
เจ้าอ้วนพาผู้พิทักษ์หยางหนีไปบนโขดหินใหญ่และเฝ้ามองการต่อสู้ระหว่างเยี่ยฉวนและสามยักษ์ใหญ่จากระยะไกลด้วยความตกตะลึง
เขารู้ดีว่าศิษย์พี่ใหญ่ไม่เพียงคุยโวโอ้อวดไปวันๆ หากแต่เป็นผู้มีฝีมืออย่างแท้จริง และรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ในยามนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่เขาไม่เคยคาดฝันว่าเยี่ยฉวนจะแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงนี้! ศิษย์พี่ใหญ่ของเขากําลังปะทะกับสามยักษ์ใหญ่แห่งสํานักอสูรเมฆาโดยตรง! จ้าวต้าจื่อเกรงว่าทั้งสํานักหมอกเมฆาคงไม่มีผู้ใดมีความกล้าและความสามารถถึงเพียงนี้อีกแล้วแม้แต่อาวุโสสูงสุดก็ตาม!
จ้าวต้าจื่อยังคงสับสนและไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้ว่าเยี่ยฉวนไปเอาความกล้าและฝีมือมากมายถึงเพียงนี้มาจากที่ใด อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าเขาทําให้งูเผือกยักษ์อันน่าเกรงขามยอมเชื่อฟังได้อย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เข้าใจคือการกระทําที่ผ่านมาของศิษย์พี่ใหญ่ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนอวดดี หากแต่เป็นแผนการที่วางไว้ล่วงหน้าแล้วต่างหาก
ไกลออกไปจากทางเข้าสํานักอสูรเมฆาสิบเจ็ดดี้บนยอดเขาสูงชัน สตรีผู้ปิดบังใบหน้าในชุดคลุมมีท่าที่ตกตะลึงเช่นกัน นางทําให้พื้นดินใต้ฝ่าเท้าเปียกชื้นและทิ้งรอยเท้าชื้นแฉะไว้ทุกแห่ง
“เป็นไปได้อย่างไร? เหตุใดเด็กหนุ่มแซ่เยี่ยผู้นั้นจึงทรงพลังถึงเพียงนี้?”
ภูตทะเลพึมพํากับตนเองในความมืดพลางเผยสีหน้าหม่นหมอง
นางติดตามจักรพรรดิไพรทมิฬและผู้ฝึกตนจากต่างแดน มายังที่แห่งนี้เพื่อชิงเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์กลับคืน ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเยี่ยฉวนหลังจักรพรรดิไพรทมิฬตายตกไป นางติดตามเยี่ยฉวนจากตลาดมืดใต้ดินไปยังสํานักหมอกเมฆาและตามมาจนถึงสํานักอสูรเมฆาแห่งนี้ แต่เมื่อประจักษ์พลังของเยี่ยฉวนด้วยตาตนเองก็รู้สึกหนักอึ้งในจิตใจ
ฉับพลันแสงจันทร์และแสงดาวบนท้องฟ้ามืดมนทันใด
ท้องฟ้ามืดมัวลงขณะที่สามยอดฝีมือจากสํานักอสูรเมฆาและงูเผือกยักษ์กําลังต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย เส้นผมสีขาวป รากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าราวกับเส้นไหมที่ปกคลุม ทั่วท้องฟ้า ทุกคนไม่เว้นแม้แต่งูเผือกยักษ์ต่างรู้สึกถึง แรงกดดันจากภายในไม่ว่าขั้นการฝึกตนจะสูงต่ําเพียง ใดก่อนที่เสียงนุ่มนวลจะกังวานขึ้น
“ในยามที่ข้าเป็นมหาปราชญ์ ข้าต้องการผืนแผ่นดินไม่ ใช่ความรกร้าง!”
“ในยามที่ข้าเป็นมหาปราชญ์ ข้าต้องการสรวงสวรรค์ไม่ ใช่ความมืด!”
“ในยามที่ข้าเป็นมหาปราชญ์ ข้าต้องการให้แสงสว่าง สาดส่องทุกตารางนิ้วของดินแดนนี้!”
น้ําเสียงนั้นก้องกังวานและก่อให้เกิดกระแสพลังงานทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้จนสั่นสะเทือนทั้งแผ่นดินและสวรรค์ งูเผือกอันทรงพลังกลับสั่นสะท้านและร้องครวญคราง สายน้ําทั้งยอดเขาไหลย้อนกลับเข้าไปในทะเลสาบ เส้นผมสีขาวปรากฏเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับใยแมงมุมที่บดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์กระทั่งทั้งสํานักอสูรเมฆาถูกห่อหุ้มจนหมด ก่อนที่เส้นผมเหล่านั้นจะลุกไหม้จนท้องฟ้ามืดสนิทกลับสว่างพร่างพราวเกินบรรยาย!
สตรีนางหนึ่งปรากฏกายขึ้นท่ามกลางแสงระยิบระยับ เส้นผมสีขาวทั่วท้องฟ้าหายกลับเข้าไปในศีรษะของนาง!
“ถวายบังคมองค์ราชินีเผ่าอสูร!”
“ทรงพระเจริญองค์ราชินี! ขอจงทรงพระเจริญหมื่นๆปี
ศิษย์ทั้งหมดในสํานักอสูรเมฆาบนยอดเขาน้อยใหญ่ไม่เว้นแม้แต่ยอดฝีมือทั้งสามต่างคุกเข่าลง
ราชินีเผ่าอสูรผู้พํานักอย่างสันโดษมาหลายพันปีโดยไม่เคยย่างเท้าออกจากพระราชวังแม้เพียงครึ่งก้าว กลับปรากฏกายขึ้นต่อหน้าฝูงชน!
“เคล็ดวิชามหาอุทธรณ์! ราชินีเผ่าอสูรรุ่นนี้ฝึกเคล็ดวิชามหาอุทธรณ์ได้งั้นหรือ?!”
เยี่ยฉวนมองราชินีอสูรเกศาขาวบนท้องฟ้าด้วยดวงตาเบิก กว้าง
อดีตมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์อย่างเยี่ยฉวนย่อมรู้ดีถึงพลังของเคล็ดวิชามหาอุทธรณ์ที่เขาเคยช่วงชิงมาจากจอมมารผู้ไร้เทียมทานและถ่ายทอดแก่ราชินีอสูรเนตรสีครามเป็นของกํานัล เคราะห์ร้ายที่พรสวรรค์และโชคชะตาของนางไม่เพียงพอจะฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ให้คืบหน้าจึงทําให้นางรู้สึกหดหูอยู่เสมอ
ทว่าราชินีอสูรเกศาขาวกลับฝึกปรือเคล็ดวิชานี้จนสําเร็จอย่างใหญ่หลวง! แล้วขั้นการฝึกตนของนางจะสูงส่งสักเท่าใด?!
หรือพรสวรรค์และโชคชะตาของนางจะเลิศล้ําเสียยิ่งกว่า ราชินีอสูรเนตรสีครามผู้ก่อตั้งสํานัก
เยี่ยฉวนผู้สุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอดกลับต้องตกตะลึง!