STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 48-4 มังกรอำพราง (4)
ตอนที่ 48 มังกรอำพราง (4)
ตกดึก
บริเวณโบสถ์ใหญ่
รั้วกั้นถูกถอดออกไปแล้ว พลังลี้ลับถูกเก็บ ศพถูกกำจัดไปจนหมด การปิดตายสถานที่แห่งนี้ยุติลงเพียงเท่านี้ พวกเฮ่อเหลียนชวนกลับไปแล้ว ใครก็คงไม่สนใจที่เหล่านี้อีก
หลิวหลงกลับรู้ว่ามีสัตว์ประหลาดอยู่ แต่พวกเขาคิดว่าสัตว์ประหลาดก็คือพลังเหนือธรรมชาติชนิดหนึ่ง ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตายไป พลังเหนือธรรมชาติชนิดนี้ก็ย่อมหายตามไปด้วย
กลางโบสถ์ใหญ่
หยวนซั่วคอยสัมผัสเงียบๆ ผ่านไปพักหนึ่งถึงชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง ถามเสียงนิ่งว่า “ตรงนี้เหรอ”
หลี่ฮ่าวแววตาวูบไหวพลางพยักหน้าน้อยๆ
หยวนซั่วสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง “ปิดเงียบจริงๆ! ถ้าเธอไม่บอกฉันคงสัมผัสมันแบบลวกๆ และถ้าไม่สัมผัสให้ดีก็คงไม่รู้! มิน่าเจ้านี่ถึงได้ดูลึกลับซับซ้อน แถมตอนปรากฏตัวฆ่าจางหย่วนที่กู่ย่วนก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่รู้สึกอะไรสักนิด! ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ก้าวสู่ระดับพันยุทธ์ ต่อให้ปรากฏอยู่ละแวกนั้นจริงๆ ถ้าไม่เข้าใกล้ฉันก็ไม่รู้อยู่ดี”
หลี่ฮ่าวไม่พูดอะไร เขาชักกระบี่เล่มเล็กออกมาโดยใช้สองนิ้วหนีบไว้
หยวนซั่วกลอกตาทีหนึ่ง “ไม่รู้สึกแปลกหรือที่ใช้อันนี้ตลอด ไม่กลัวคนอื่นสังเกตเห็นหรือไง! เอาเถอะ ไว้กลับไปฉันจะลองหาวิธีอื่นดู เก็บเจ้านี่ไว้ในอาวุธ ตอนนี้เธออยู่ระดับทะลวงร้อยแล้ว…ฉันเองก็ไม่มีของดีอะไรจะให้เธอเหมือนกัน ว่ามาสิ เธออยากได้อาวุธแบบไหน ฉันจะทำให้เธอ แล้วยัดเจ้านี่เข้าไปจะได้ให้เธอใช้งานสะดวกด้วย”
หลี่ฮ่าวครุ่นคิดตาม ก่อนปริปากถาม “ของสิ่งนี้ต้องพกติดตัวเพราะผมใช้ประจำ ถ้าซ่อนไว้ในอาวุธหรือว่าตอนนอนผมก็ต้องกอดอาวุธนอนด้วยเหรอ งั้นก็ยิ่งน่าสงสัยกว่าเดิมสิครับ”
พอคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ฮ่าวก็หัวเราะออกมา “อาจารย์ แบบนี้ก็ดีแล้ว! แต่ช่วยทำอาวุธให้ผมด้วยสิ ข้างหน้าทิ้งช่องเล็กๆ เอาไว้เก็บเจ้านี่โดยเฉพาะ ถึงยามคับขันผมจะได้ใส่เจ้านี่ลงไปแล้วโชว์แค่ปลายกระบี่นิดหน่อยก็พอ”
ครั้นเขาพูดเช่นนี้หยวนซั่วก็คิดว่าวิธีนี้ใช้ได้ เจ้านี่จำเป็นต้องพกติดตัวไปทุกที่จริงๆ
หยวนซั่วพยักหน้า พูดอีกว่า “แล้วก็หินมีดเล่มนั้นของเธอก็ให้ฉันยืมใช้ก่อนนะ ตอนนี้เธอยังไม่ได้ใช้ พลังกระแทกรุนแรงเกินไป สำหรับเธอแล้วเกิดผลไม่ต่างจากพลังลี้ลับหรอก ถ้าผลลัพธ์ดีกว่าหน่อยคงมีขีดจำกัด ไว้ฉันจะให้พลังลี้ลับเธออีกหน่อย ให้ฉันยืมอันนี้ก่อน!”
หินมีดมีประโยชน์ต่อเขามาก เขาต่อกรกับผู้แกร่งระดับไตรสุริยาได้หรือไม่นั้น หินมีดถือว่ามีความสำคัญไม่น้อย
“ครับ!”
หลี่ฮ่าวพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น ตอนนี้มือกำจี้หยกกระบี่จิ้มลงไป
พรวด!
พอจิ้มทีก็เหมือนจิ้มทะลุอะไรบางอย่าง
จากนั้นเงาโลหิตก็ปรากฏร่างขึ้น มันกลับไม่ขัดขืนใดๆ แค่ล่องลอยอยู่กลางอากาศไม่ขยับ
ส่วนหยวนซั่วเห็นร่างเงาโลหิตอย่างชัดเจน พร้อมแววตาก็วูบไหว
ปรากฏร่างแท้จริงขึ้นแล้ว!
เขาเดินไปสำรวจดูรอบหนึ่งอย่างละเอียด ค่อยๆ ปล่อยพลังภายในลงไปเล็กน้อย สักพักก็เอ่ยชมว่า “สุดยอด! นี่มันตัวพลังงาน! ไม่ใช่ตัวรูปธรรมแต่เป็นตัวที่ประกอบจากพลังงานโดยบริสุทธิ์…ในสถานการณ์ทั่วไป สิ่งที่ประกอบขึ้นจากพลังงานจะสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ สัมผัสได้ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงสิ่งนี้เลย นั่นเป็นเพราะภายในตัวของเจ้านี่เหมือนมีพลังจิตพิเศษบางอย่างแฝงอยู่!”
“พลังจิตเหรอ”
“ก็คืออานุภาพกับจิตวิญญาณที่ฉันเคยพูดถึงนั่นแหละ!”
หยวนซั่วสังเกตอย่างละเอียดอีกที ครุ่นคิดพักหนึ่งก็กล่าวว่า “คนที่สร้างเจ้านี่ไม่ธรรมดาเลย! ไม่ธรรมดาอย่างมาก…แต่ว่าเจ้านี่เหมือนจะมีส่วนคล้ายคลึงกับบางอย่างที่ฉันเคยอ่านเจอในตำราโบราณอยู่หน่อย”
“อะไรหรือครับ”
“หุ่นเชิดเงาโลหิต!”
หยวนซั่วตาลุกวาวกล่าว “ไม่ใช่ของดีอะไร ถ้าเป็นตัวที่อยู่ในตำราโบราณจริงๆ มันซับซ้อนมากและต้องอาศัยมนุษย์ในการหล่อเลี้ยง สุดท้ายเจ้านี่ก็จะกลืนกินคนที่เลี้ยงดูมันไปและย่อยสลายคนที่เลี้ยงดูมันทั้งหมด…เหอะๆ ถ้าอิ้งหงเยวี่ยเป็นคนสร้างก็น่าสนุกล่ะ หรือว่าเจ้าหมอนี่ยังคิดจะที่รวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับหุ่นเชิดหรือไง”
“อาจารย์ หมายความว่า…”
“ก็คือเงาโลหิตพวกนี้กลืนกินผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไป จากนั้นพวกเงาโลหิตทุกตัวก็จะแข็งแกร่งขึ้น เปี่ยมล้นไปด้วยพลังพิเศษหรือก็คือพลังที่เราดูดซับเข้าไปนั่นแหละ คนที่สร้างอาจจะรู้ นี่น่าจะกำลังเลี้ยงผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไว้เป็นสารอาหารละมั้ง!”
พอหลี่ฮ่าวฟังเข้าใจ สายตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
อิ้งหงเยวี่ยหรือ
จะว่าไปคนๆ นี้ก็รู้ว่าพลังของเงาโลหิตมีผลดีต่อร่างกาย…แต่…
หลี่ฮ่าวรีบเปิดปากถาม “อาจารย์หมายความว่าอิ้งหงเยวี่ยกำลังฝึกวิทยายุทธเหรอครับ”
“เมื่อก่อนใช่ ส่วนตอนนี้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ…แต่ถึงจะกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ เขาก็เป็นปรมาจารย์นักรบอาวุโสแล้ว ใช่ว่าจะหยุดใช้วิทยายุทธไปทั้งหมด บางทีอาจจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงก็เป็นได้”
ข้อดีที่เงาโลหิตมีต่อปรมาจารย์นักรบ จุดนี้หลี่ฮ่าวกับหยวนซั่วต่างเคยสัมผัสด้วยตัวเองมาก่อนแล้ว
หยวนซั่วตรวจดูอีกสักพักก็ยิ้มเอ่ย “ไม่ต้องสนใจเขา เจ้านี่เป็นของดี ถึงจะไม่เก่งเท่าตัวก่อนหน้านี้แต่ก็พอสำหรับเธอแล้ว เธอเพิ่งเข้าสู่ระดับทะลวงร้อยระดับเริ่มต้น ดูดซับเข้าไปเยอะๆ เจ้านี่มีผลดีต่อการขยายพลังภายในไม่ด้อยไปกว่าพลังลี้ลับของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเลย! อยากเจออิ้งหงเยวี่ยสักหน่อยจริงๆ อยากถามเขาว่าสร้างเจ้านี่ยังไง ฉันยังคิดอยากสร้างมาเป็นผลไม้กินเล่นสักโหลบ้างเลย”
สิ้นคำเขาก็ยื่นมือไปจับ พอเงาโลหิตร่างที่แท้จริงมาอยู่ในมือของหยวนซั่วก็ถูกบีบเล่นอย่างสนุกมือ
เขาบีบเงาโลหิตจนแตกสลายในคราเดียว ทำให้พลังของเงาโลหิตพุ่งทะลักและไม่นานก็เริ่มจับตัวกันใหม่ แต่กลับถูกหยวนซั่วบีบขยี้ไปมาจนพักหนึ่งก็ถูกปั้นกลายเป็นลูกบอลเล็กๆ
หยวนซั่วยัดลูกบอลนี้ไว้ในกาเล็กๆ ยิ้มเอ่ย “เธอรีบดูดซับมันซะ ทางที่ดีให้เสร็จก่อนฉันไป ไม่งั้นอาจจะถูกคนที่สร้างมันสังเกตเห็นได้! ยังมีอีกกี่ตัว”
“ที่นี่ยังมีอีกหนึ่งตัว กับที่อื่นๆ ผมลองไปดูมายังมีอีกสองตัว แล้วก็จุดที่อาจารย์ฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติพวกนั้น อีกสามตัว…”
มีทั้งหมดเจ็ดตัว!
หลี่ฮ่าวก็เคยฆ่าเงาโลหิตตัวเล็กมาก่อน ดังนั้นจึงมีทั้งหมดแปดตัว
เท่ากับว่าครั้งนี้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมาสิบคนก็พาเงาโลหิตมาด้วยแปดตัว
รวมถึงเซียนปรมาจารย์ดับสวรรค์ที่พามาด้วยอีกหนึ่งตัว ส่วนสุริยะพรายที่ถูกฆ่าไม่มีเงาโลหิต ไม่รู้ว่าเพราะเขาเป็นลูกชายของอิ้งหงเยวี่ยเลยไม่ให้ติดตัวไว้หรือเปล่า
“โอเค งั้นก็เอากลับไปทั้งหมด…เธอเอาไปเจ็ดอัน เหลืออีกอันไว้ให้ฉันศึกษาก่อน!”
พลังเงาโลหิตไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากจึงไม่เป็นผลต่อหยวนซั่วเท่าไร ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ดูดซับพลังแค่นี้ แต่แค่สนใจอยากศึกษามัน ถ้าเขาสามารถสร้างมันได้อนาคตยังจะต้องกลัวอีกหรือว่าปรมาจารย์นักรบจะไม่มีทางลัดในการเลื่อนขั้นน่ะ
เจ้านี่ใช้ง่ายกว่าพลังลี้ลับมากโข
…………………………………………………………………………………..