STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 44-4 ของรางวัลจากสงคราม (4)
ตอนที่ 44 ของรางวัลจากสงคราม (4)
ถึงแม้ฆ่าไตรสุริยาหนึ่งคนจะได้หนึ่งพันลูกบาศก์…แต่คุณต้องรู้ว่าปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอาจจะต้องการประมาณนี้…หรือบางทีอาจจะน้อยกว่านี้หน่อย แต่ฆ่าไตรสุริยาเพื่อพลังลี้ลับกลับไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่าแน่นอน!
หลี่ฮ่าวคิดว่าพลังลี้ลับล้วนได้มาจากการฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ นั่นเป็นเพราะเขายังไม่เคยเปิดหูเปิดตามาก่อน
หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติคงอลหม่านกันไปหมด!
พลังลี้ลับจะว่าสำคัญก็สำคัญ จะว่าไม่สำคัญก็ไม่สำคัญ เฮ่อเหลียนชวนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่มองไปที่หลี่ฮ่าวแล้วมองกระบี่ในมือของเขา จากนั้นถึงค่อยมองหลี่ฮ่าวอีกที
ผู้สืบทอดตระกูลหลี่!
แปดตระกูลใหญ่แห่งเมืองหยิน ผู้สืบสกุลคนสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ แปดตระกูลใหญ่ปกปิดความลับอะไรไว้กันแน่
ชาดจันทราถึงได้ยอมทุ่มเทเพื่อมาฆ่าคนของแปดตระกูลใหญ่ขนาดนี้!
“ศาสตราจารย์หยวน เขาน่ะหรือหลี่ฮ่าว สมแล้วที่เป็นศิษย์คนสำคัญของศาสตราจารย์!”
เฮ่อเหลียนชวนหัวเราะทีหนึ่ง พลางกล่าวอีก “ได้ยินมาว่าเข้าร่วมกองตรวจการณ์ด้วย จะว่าไปก็ถือเป็นพวกเดียวกัน! แก้แค้นให้พวกพ้อง ให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ครั้งนี้ยิ่งสร้างผลงานไว้ไม่น้อยเอาชนะสมาชิกชาดจันทราจนแพ้ย่อยยับ…ครั้งนี้กองตรวจการณ์ต้องตบรางวัลตามสมควรแน่ๆ ผมว่าการจะได้ขึ้นเป็นผู้ตรวจตราคนหนึ่งคงไม่ใช่ปัญหา!”
หยวนซั่วยิ้ม “เงินเดือนเพิ่มเหรอ จากสองสามพันเพิ่มเป็นหนึ่งถึงสองหมื่นเหรอ”
“…”
เฮ่อเหลียนชวนหมดคำจะพูด ฟังดูพูดเข้า
“ศาสตราจารย์หยวน การบุกรุกของชาดจันทราในครั้งนี้อยู่เหนือความคาดหมาย แน่นอนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่ฮ่าวด้วย บอกตามตรงว่าทางเมืองหยิน โดยเฉพาะเรื่องในอดีต พวกเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย แม้แต่ศาสตราจารย์หยวนเองก็คาดไม่ถึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเราหรอก!”
เฮ่อเหลียนชวนอธิบายไม่กี่ประโยคต่อว่า “เมืองหยินมีบทเพลงพื้นบ้านหนึ่งสืบทอดกันมา หนึ่งในนั้นมีประโยคหนึ่งว่า ‘กระบี่ตระกูลหลี่’ ไม่รู้ว่าจะขอชมเป็นเกียรติได้หรือไม่”
หลี่ฮ่าวมองหยวนซั่วแวบหนึ่งแล้วมองเฮ่อเหลียนชวนอีกที จากนั้นก็เดินไปหาแล้วยื่นกระบี่ให้อีกฝ่าย
เฮ่อเหลียนชวนยิ้มตอบ เขาพอสัมผัสได้หน่อยๆ พลันก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมา ปิดผนึกแล้ว!
เขาลองตรวจสอบดูอย่างละเอียดทีหนึ่งแล้วพบว่าพลังปิดผนึกแข็งแกร่งมาก!
รายละเอียดดูไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่ลำพังแค่พลังปิดผนึกแข็งแกร่งขนาดนี้ก็มากพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ธรรมดา!
หยวนซั่วยิ่งพูดไปตรงๆ ว่า “ผู้พิทักษ์รัตติกาลอยากได้เหรอ”
“ใช่แล้ว!”
เฮ่อเหลียนชวนเองไม่คิดจะอ้อมค้อม ตอบไปตามตรงว่า “ในเมื่อศาสตราจารย์หยวนอยู่ที่นี่ผมก็ไม่อ้อมค้อมแล้วกัน! อย่างแรก องค์กรชาดจันทราอาจจะมาเพื่อกระบี่เล่มนี้ หลี่ฮ่าวเก็บไว้ก็อันตรายเกินไป จุดนี้คิดว่าศาตราจารย์คงเข้าใจดี!”
“อย่างที่สอง เรามีข้อสงสัยในแปดตระกูลใหญ่ และหวังว่าจะสืบสาวหาต้นตอเพื่อตามหาเป้าหมายของชาดจันทรา เราจึงจำเป็นต้องศึกษากระบี่เล่มนี้!”
“อย่างที่สาม ตอนนี้หลี่ฮ่าวยังไม่ได้เปิดผนึก คิดว่าคงยากจะหาวิธีเปิดผนึกได้…บางทีเราอาจจะลองดู คุณต้องรู้ว่าว่ายังไงผู้พิทักษ์รัตติกาลก็เป็นองค์กรใหญ่ มีผู้มีความสามารถนับไม่ถ้วน ย่อมต้องมีวิธีการเปิดผนึกมากกว่าหลี่ฮ่าวอยู่แล้ว!”
เขามองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่งแล้วมองหยวนซั่ว “กระบี่เล่มนี้ ตอนนี้ก็คือต้นเหตุของหายนะทุกอย่าง!”
หยวนซั่วหัวเราะ “รู้ ฉะนั้นลูกศิษย์ฉันเลยให้ฉัน! ถ้างั้นก็ไม่ใช่ต้นเหตุแล้ว! ให้อิ้งหงเยวี่ยมาหาฉัน ยี่สิบปีก่อนเขาเป็นหมายังไง ยี่สิบปีหลังก็ยังเป็นเหมือนเดิม!”
“ศาสตราจารย์ ยี่สิบปีแล้ว…อิ้งหงเยวี่ยเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมายี่สิบปี แม้แต่ลูกน้องยังมีถึงไตรสุริยา คุณคิดว่าตอนนี้อิ้งหงเยวี่ยจะมีความสามารถระดับไหนเหรอ”
เฮ่อเหลียนชวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เมื่อสองปีก่อน อิ้งหงเยวี่ยเคยออกตัวครั้งหนึ่ง เขาเองก็ฆ่าไตรสุริยาไปหนึ่งคนเหมือนกัน! และพูดยากอยู่บ้างว่าเขาได้แสดงความสามารถเต็มที่แล้วหรือยัง! ตอนนี้เขาอยู่ทางภาคกลางกำลังต่อสู้กับยมราชและอัปสรา ดังนั้นเขาและกองบัญชาการหลักของผู้พิทักษ์รัตติกาลถึงปลีกตัวมาที่นี่ไม่ได้ชั่วคราว แต่ก็ไม่เท่ากับว่าเขามาไม่ได้!”
“ศาสตราจารย์เป็นคนฉลาด ผมขอพูดตรงๆ ว่าหากส่งมอบให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะปลอดภัยกว่าศาสตราจารย์เก็บไว้เอง”
หยวนซั่วหัวเราะ “ก็ถูก! เอาอย่างนี้แล้วกัน เงื่อนไขไม่เยอะ อย่างแรก ประกาศว่ากระบี่ตระกูลหลี่พวกคุณเอาไปแล้ว! อย่างที่สอง คุ้มครองความปลอดภัยของฉันกับหลี่ฮ่าว! อย่างที่สาม พลังลี้ลับหมื่นลูกบาศก์ อย่างที่สี่ หลี่ฮ่าวต้องเข้าร่วมผู้พิทักษ์รัตติกาล อย่างที่ห้า ฉันต้องการตำราโบราณทั้งหมดที่พวกคุณเก็บสะสมมาตลอดหลายปี อย่างที่หก คุณต้องเป็นคนปกป้องหลี่ฮ่าวเอง อย่างที่เจ็ด การแกะร่องรอยอารยธรรมโบราณครั้งถัดไป หลี่ฮ่าวต้องได้เลือกของโบราณสามอย่างก่อน อย่างที่แปด…”
ตอนนี้เฮ่อเหลียนชวนรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม
กระบี่ตระกูลหลี่ตอนนี้ยังอยู่ในสภาวะปิดผนึก ซึ่งพูดยากว่าเป็นสมบัติระดับไหนกันแน่ ถึงขั้นพูดยากจะเปิดผนึกได้หรือเปล่า ชาดจันทราอาจจะมีวิธีแต่ผู้พิทักษ์รัตติกาลในตอนนี้ยังรู้อะไรไม่มากจริงๆ
อีกอย่างเอากระบี่เล่มนี้ไปก็ถือว่าปกป้องหลี่ฮ่าวจริงๆ ทว่าหยวนซั่วกลับขออะไรเกินตัว
แถมยังพูดต่อเรื่อยๆ ไม่หยุด!
ลำพังแค่เงื่อนไขแรกๆ เขายังอับจนหนทางจะตอบตกลงได้เลย ยิ่งกว่านั้นหยวนซั่วกลับพูดอย่างฮึกเหิมขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะจับผู้พิทักษ์รัตติกาลผูกติดตัวแล้ว!
“อย่างที่สิบเอ็ด ลูกแดงๆ ที่ฉันเจอเมื่อคราวก่อน เอาคืนมาให้หมด”
“อย่างที่สิบสอง!”
เฮ่อเหลียนชวนจำต้องพูดขัด “ศาสตราจารย์ กระบี่นี่คุณเก็บไว้เองเถอะ!”
ไม่เอาแล้ว
ตามสบายเลย!
หยวนซั่วเลิกคิ้วมองเขาแวบหนึ่งก็ยิ้ม “อย่ามาเล่นไม้นี้กับฉัน! ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีของดีอยู่ไม่น้อย แค่ที่ฉันขุดค้นมาได้ก็มีเป็นกอง ขอพูดอะไรที่ไม่น่าฟังหน่อยนะ สมบัติที่ฉันขุดค้นได้ยังมากกว่าที่ฉันขอไปด้วยซ้ำ มันเกินไปเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันคอยช่วยพวกคุณมาตลอดหลายปีนี้ พวกคุณจะมีสมบัติเยอะขนาดนี้เหรอ”
“ศาสตราจารย์ หลายปีมานี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ทุ่มเทไปไม่น้อยเหมือนกัน คนตายไปตั้งเท่าไรคุณก็รู้ อีกอย่างเราคิดจะต่อต้านกลุ่มผิดกฎหมายพวกนั้น…บางสิ่งบางอย่างก็ใช้หมดไปนานแล้ว”
“งั้นก็ช่างเถอะ”
หยวนซั่วหยิบกระบี่ไปทันที “จะเอาไม่เอาก็ช่าง! ยังไงซะฉันเก็บเองก็ไม่มีปัญหาอะไร อิ้งหงเยวี่ยกล้ามาก็ลองดู! ตอนนั้นฉันไม่กลัวเขา ตอนนี้ก็ยิ่งไม่กลัวเข้าไปใหญ่! ส่วนแปดตระกูลใหญ่แห่งเมืองหยิน บางทีอาจจะซ่อนสมบัติและความลับไว้นับไม่ถ้วน …เราไปขุดเองก็ได้”
เฮ่อเหลียนชวนหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ
เขามองหลี่ฮ่าวอีกทีก็ยิ้มถามว่า “หลี่ฮ่าว ตัวเธอล่ะว่ายังไง”
หลี่ฮ่าวทำท่าอึดอัดเล็กน้อย มองอาจารย์แวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเบา “อาจารย์…หรือว่าให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลดี”
“หืม”
หยวนซั่วเดือด “เธอลืมไปแล้วหรือว่าใครเป็นคนปกป้องเธอ”
หลี่ฮ่าวพูดเสียงอ่อน “เปล่า อาจารย์…ผมกลัวอาจารย์จะเจอเรื่องอันตราย! ให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลไปอย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่า…จากเงื่อนไขของอาจารย์ ผมฟังแล้วมันออกจะเกินไปหน่อย กระบี่เล่มเดียวเอง ปกติผมก็เก็บไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้น คราวก่อนหวังหมิงบอกว่าจะขอซื้อในราคาแสนกว่าผมเกือบจะตกลงด้วยซ้ำ”
หวังหมิงที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเคอะเขินขึ้นมา กระทั่งนึกอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีไปเสีย เวลานี้มาพูดเรื่องนี้ทำไม
หลี่ฮ่าวพูดด้วยท่าทางจริงจังอีกว่า “ผู้พิทักษ์รัตติกาลปกป้องชาติ ต้องหล่อหลอมเลี้ยงดูคนเก่งนับไม่ถ้วนในการต้านศัตรู! อาจารย์ หากเราขอมากเกินไป พวกเขาจะทำยังไง เราเป็นฝ่ายเที่ยงธรรม ไม่ใช่โจรสักหน่อย!”
เฮ่อเหลียนชวนแอบชื่นชมในใจ เยี่ยมมาก!
มิน่าหน่วยข่าวกรองถึงบอกว่าหลี่ฮ่าวเป็นคนรอบรู้ชาญฉลาด มีน้ำใจให้ความสำคัญกับครองครัวเพื่อนพ้อง เป็นคนซื่อตรงอย่างมาก ในกองตรวจการณ์เองก็ได้รับคำชมไม่ขาดสาย
แค่ถ้อยคำนี้ก็บ่งบอกว่าแล้วบุคคลนี้มีค่าพอให้ฝึกฝน!
“เด็กหัวโปก เธอจะรู้อะไร”
หยวนซั่วสบถด่าไปคำหนึ่ง “เจ้าโง่ อาจารย์ของเธอทำเพื่อตัวเองหรือไง ก็ทำเพื่อเธอนั่นแหละ…”
……………………………………………………………