STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 23-3 อาจารย์ลูกศิษย์เลื่อนขั้นพร้อมกัน (3)
ก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนนั้นอยู่ใกล้เกินไป ในเมื่อเป็นพลังเหนือธรรมชาติ อย่างไรเสียก็ต้องสัมผัสได้บ้างแหละ
แต่ตอนนี้เพราะหยวนซั่วเกิดบันดาลโทสะ อีกฝ่ายบาดเจ็บเลยถอยออกไปอยู่ไกลกว่าพันเมตร โอกาสของหยวนซั่วก็มาถึงแล้ว ทีนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครสัมผัสได้อีกแล้ว
“หายดี จะ…เลื่อนขั้นเหรอครับ”
หลี่ฮ่าวทำท่ากังวลประมาณหนึ่ง
แน่นอนว่าตอนนี้เขายังทึ่งในตัวอาจารย์ไม่หาย เมื่อกี้หล่อไม่เบา แข็งแกร่งมากจริงๆ!
กระโดดออกไปร้อยเมตรในชั่วพริบตา เขาเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าเคล็ดวิชาวิหคนั้นสามารถบินได้จริงๆ แม้จะบินไกลแค่ร้อยเมตรแต่ก็ต้องอาศัยแรงกระโดด แต่ตั้งร้อยเมตรเชียวนะ แถมเป็นการบินด้วย!
เมื่อกี้หยวนซั่วกำลังบิน!
หมัดเดียวก็ทำเอาผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสองคนกระอักเลือดแล้ว คนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส อีกคนไม่กล้าปริปากพูดอะไร…
วินาทีนี้หลี่ฮ่าวก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ นี่อาจารย์ยังไม่ทันเลื่อนขั้นด้วยซ้ำ ถ้าเกิดหายดี พลังเหนือธรรมชาติอะไรนั่นก็สู่ไม่ได้เหมือนเดิม!
หยวนซั่วคร้านจะสนใจว่าเขาคิดอะไรอยู่
เมื่อกี้ปล่อยหมัดโจมตีไปก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน เขาจะได้ระบายเลือดเสียที่คั่งอยู่ภายในร่างกายออกไปด้วย รวมถึงแผลเก่าบนตัวจะได้ถูกปล่อยออกไปพร้อมหมัดนั้นเลย
ส่วนผลประโยชน์ที่จะได้รับไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากแผลของเขาหายดีแล้วก็คงไม่ได้ใช้ ให้หลี่ฮ่าวไปก็ไม่ใช่ปัญหา
ตอนนี้เขาทำการดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอีกครั้ง
เขาไม่คาดหวังว่าจะได้เลื่อนขั้นเช่นกัน แค่ให้พลังบำเพ็ญเพียรวิชายุทธ์ของตนทะลวงก้าวหน้าก็พอ
กลายเป็นพันยุทธ์!
เดิมทีเขาอยู่ห่างจากปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์เพียงก้าวเดียว ตอนนี้รู้สึกได้ถึงกระแสไออุ่นที่วิ่งพล่านในร่างกายและขับเลือดเสียออกไปจนหมด เลือดใหม่มีพลังเปี่ยมล้นพลุกพล่านดุจกระแสน้ำเชียวของแม่น้ำสายใหญ่!
กล้ามเนื้อแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้กลายเป็นก้อน แต่กล้ามเนื้อดูมีพลังยืดหยุ่นมากขึ้น
หยวนซั่วจุดรอยยิ้มบนใบหน้า ผมหงอกสีขาวของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ
ณ ตอนนี้คนในวัยเจ็ดสิบกว่าปีกลับรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเหมือนกลับสู่วัยหนุ่มประมาณสี่สิบในตอนนั้นหรือช่วงเวลาที่เขาอยู่จุดสูงสุดอีกครั้ง หลังจากผ่านวัยห้าสิบปีมา ความจริงชีวิตก็เริ่มดิ่งลง กล้ามเนื้อไม่แข็งแกร่งเหมือนก่อน แต่ต้องอาศัยประสบการณ์ถึงจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“พันยุทธ์ หนึ่งคนสู้พันคน!”
นาทีนี้จู่ๆ หยวนซั่วก็เอ่ยขึ้นกะทันหัน “ทะลวงร้อย ก็ถือว่าเกินขีดจำกัดของคนแล้ว! เกินขีดความสามารถของร่างกายแล้ว ส่วนพันยุทธ์ ความจริงเมื่อก่อนยังถูกขนานนามว่าเป็นเทพเซียนแห่งบนพื้นพิภพ นับแต่โบราณมาเส้นทางวิชาปรมาจารณ์นักรบ ขอแค่เป็นปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ก็ต้องทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็นบ้าง! แม้แต่ตัดหัวแม่ทัพจากกองทัพนับหมื่น ล้วนเป็นฝีมือของปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ทั้งสิ้น พันยุทธ์ สู้กับคนพันคน ขอเพียงระวังตัวหน่อย ในกองทัพหมื่นคน หากเธอไม่โง่เข้าไปปะทะซึ่งๆ หน้า พอเห็นท่าทีไม่ดีก็ถอย อีกฝ่ายก็ยากที่จะรั้งเธอไว้ได้เหมือนกัน! ”
พันยุทธ์ สู้กับคนนับพันได้ แต่ใช่ว่าถ้าเกินพันคนแล้วจะเป็นฝ่ายแพ้สักหน่อย
นอกเสียจากจะโง่เกินไปจริงๆ หรือถูกคนล้อมจนหนีไปไม่ได้แล้ว แค่ไม่ปะทะกับกองทัพใหญ่โดยตรง ก็ยากจะถูกสังหารทิ้งแล้ว
แน่นอนว่านั่นคือยุคสมัยของอาวุธเย็น
บัดนี้พันยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง หากประมาทชะล่าใจตกหลุมพรางก็อาจถูกคนธรรมดาฆ่าตายได้เหมือนกัน
“หลี่ฮ่าว เธอรู้ไหมว่าอะไรคือเอกลักษณ์สำคัญที่สุดของปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์”
“ไม่รู้ครับ!”
หลี่ฮ่าวส่ายศีรษะไปมา ทะลวงร้อยเขายังไม่รู้เลย รู้แค่ว่าสิบสังหารกระดูกเส้นเอ็นจะเสียงดัง ปล่อยพลังมาจากภายในได้
“จิต!”
จิตหรือ
หลี่ฮ่าวชะงัก จิตอะไรกัน?
“ยอดฝีมือปรมาจารย์นักรบต้องฝึกบำเพ็ญพลังจิตขั้นสุด ร่างกายแข็งแกร่งอย่างหาที่เทียบไม่ได้ จิต ก็เป็นความได้เปรียบอย่างหนึ่ง! ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ฉันก็คือภูเขา ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ฉันก็คือแม่น้ำ! ต่อให้ฝนตกพายุถล่มก็ไม่สะทกสะท้านอะไร! นี่ก็คือพันยุทธ์!”
สิ้นคำหลี่ฮ่าวก็รู้สึกตาลาย
ทันใดนั้นหยวนซั่วที่อยู่ในสายตาก็กลายเป็นดั่งภูเขาแม่น้ำ
ภูเขานิ่งสงบ แต่แม่น้ำกลับหลั่งไหลไม่หยุดพัก
ทั้งๆ ที่ดูย้อนแย้งมาก แต่ก็ดูสมจริงเหลือเกิน
ตู้ม!
ดุจกระแสน้ำเชี่ยว นั่นเป็นเสียงไหลของสายเลือด
ตอนนี้ปราณโลหิตของหยวนซั่วเดือดพล่าน เนื้อตัวนิ่งดุจภูเขา ทว่ากระแสเลือดกลับไหลเวียนไม่หยุดหย่อน กระดูกเส้นเอ็นเสียงดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้องก็ไม่ปาน!
แข็งแกร่ง!
พลังภายในรอปะทุ เมื่อถูกจำกัดขอบเขตอยู่ภายในลานบ้านแคบๆ หลี่ฮ่าวก็รู้สึกเหมือนอยู่บนเรือลำเล็กลอยแพอยู่กลางทะเลกว้างที่พร้อมจะถูกคลื่นซัดจมลงทะเลได้ทุกเมื่อ
ร่างกายของเขาเริ่มโงนเงนทรงตัวไม่อยู่
ส่วนหยวนซั่วกลับดูทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ แต้มยิ้มน้อยๆ เอ่ยเสียงแว่วมาจากอากาศราวกับเสียงเทพเสียงมารก็มิปาน “เธอลองเปิดตาดูพลังและจิตของปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์สิ! หลังจากนี้ถ้าเจอบุคคลระดับนี้อีก อย่างน้อยก็จะได้ทำตัวถูก ไม่ต้องกลัวอะไร!”
เคยเห็นก็เท่ากับมีประสบการณ์แล้ว
ส่วนปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ไม่ใช่บุคคลที่คนทั่วไปจะพบเห็นได้ง่ายๆ
ตอนนี้หลี่ฮ่าวไหวตัวไปมาตามสายฝนกระแสลม
“ฝึกเคล็ดวิชาลิง!”
หยวนซั่วตะโกนทีหนึ่ง “ภายใต้พลังของฉัน อาจจะนำพาเธอให้เลื่อนขั้นไปด้วยกันได้ ปล่อยพลังออกมาจากภายใน กระดูกเส้นเอ็นเสียงดังสนั่น ก้าวสู่ระดับสิบสังหารอย่างแท้จริง!”
หลี่ฮ่าวฝึกเคล็ดวิชาห้าปาณภูตมาน้อยนัก แค่สามปีเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้นยังฝึกเน้นใช้ออกกำลังกายมาตลอด สามปีมานี้พอจะเห็นพัฒนาการบ้าง แต่ก็ทำได้แค่ระดับพื้นฐาน ไม่เคยย่างกรายเข้าไปสู่ขอบเขตสิบสังหารได้เลย
แต่ตอนนี้ด้วยพลังที่ปะทุออกมาของหยวนซั่ว รวมถึงการชี้นำเคล็ดวิชาลับเช่นเดียวกัน
หลี่ฮ่าวเริ่มตั้งกระบวนท่าเคล็ดวิชาลิงอย่างรวดเร็ว!
เริ่มเคลื่อนไหวขยับตัวอยู่กลางลานบ้านเล็กๆ แห่งนี้เหมือนลิง เริ่มต่อยหมัดมวยกับหยวนซั่วที่อยู่ข้างๆ เหมือนหมัดเมา!
ใช่แล้ว หยวนซั่วในตอนนี้ก็กำลังต่อยหมัดอยู่เหมือนกัน!
เคล็ดวิชาลิง!
อาจารย์และลูกศิษย์ต่างฝึกต่อยหมัด กระโดดและการดีดตัวจนลืมสิ่งรอบกายไปหมดทุกสิ่ง
หลี่ฮ่าวเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่กำลังออกมาจากภายในร่างกายทีละน้อย รอปะทุอยู่ส่วนลึกของร่างกาย มันต่างไปจากพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ พลังนี้เหมือนเกิดขึ้นจากร่างกาย ไม่ใช่พลังจากภายนอกอย่างพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ
พลังแบบนี้หลั่งออกมาจากภายในร่างกายและค่อยๆ แผ่มาตรงส่วนขา
เรี่ยวแรงบางอย่างอัดแน่นเต็มขาทั้งสองข้าง
จากนั้นหลี่ฮ่าวก็ยื่นเท้าเตะออกส่งเสียงดังเปรี้ยะๆ ลั่นกึกก้อง!
เสียงกระดูกเส้นเอ็นดังสนั่น!
ภายใต้การชี้นำของปรมาจารย์นักรบที่กำลังก้าวสู่ขอบเขตพันยุทธ์ หลี่ฮ่าวในตอนนี้ก็อาศัยความได้เปรียบทางเคล็ดวิชาก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารด้วยเหมือนกัน!
ซึ่งนี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่คนนับไม่ถ้วนต่างเฝ้ารอคอย
หลี่ฮ่าวให้โอกาสหยวนซั่ว หยวนซั่วก็ให้โอกาสหลี่ฮ่าว ไม่อย่างนั้นต่อให้หลี่ฮ่าวดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติต่อไป อย่างเร็วก็อาจใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือน แต่ถ้าช้าต่อให้ใช้เวลาครึ่งปีถึงหนึ่งปีก็ใช่ว่าจะก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารได้
ขึ้นอยู่กับความโชคดีแล้ว!
แต่เวลานี้เขากลับก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารโดยตรงภายใต้การชี้นำ
ไม่เพียงเท่านั้นแต่เขายังมีข้อได้เปรียบสำคัญอีกอย่างภายใต้การชี้นำโดยพลังของปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ด้วย หากประชันกับคู่ต่อสู้ ต่อให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งหรือแข็งแกร่งมากก็ตาม ขอแค่ไม่แข็งแกร่งมากไปกว่าพันยุทธ์ หลี่ฮ่าวก็ไม่กลัวอีกแล้ว!
ความกลัว มักเป็นการแสดงถึงความแตกต่างระหว่างขั้นที่ชัดเจนที่สุด
พอผู้ที่อ่อนแอกว่าเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็มักจะกลัวเปิดการต่อสู้เพราะถูกความน่าเกรงทรงพลังของอีกฝ่ายชักนำไป ทว่าหลี่ฮ่าวกลับเลื่อนขั้นไปพร้อมกับปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์!
“กรรซ์!”
หลี่ฮ่าวคำรามเสียงดุดัน พร้อมกับเสียงคำรามต่ำของหยวนซั่ว
กลางลานบ้านแคบเกิดลมพายุพัดกระหน่ำ!
หลี่ฮ่าวยื่นเท้าเตะ ส่งเสียงดังเปรี้ยะๆ เหมือนเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง
หยวนซั่วที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้มีท่าทางเกินจริงอย่างเขาแต่กลับทำท่าทั่วไป เก็บหมัดเก็บขาเบาๆ ไม่ได้เสียงดังแต่อย่างใด
แต่แล้วเมื่อหลี่ฮ่าวมองไปก็ผงะขึ้นมาชั่วขณะ
ผมหงอกกลายเป็นผมสีดำทันตาเห็น
นอกจากนี้บนตัวหยวนซั่วยังมีผิวหนังเหี่ยวย่นถลอกลอกออกมาเป็นแผ่นๆ ปลิวไปตามสายลม กระทั่งปลิวมาเกาะตรงหน้าหลี่ฮ่าวจนถึงมุมปาก…
“ถุย!”
หลี่ฮ่าวคายออกด้วยท่าทีรังเกียจปนขยะแขยงน้อยๆ พอมองอาจารย์อีกทีก็ชะงักไปฉับพลัน
อาจารย์ในวัยเจ็ดสิบกว่าปี ตอนนี้กลับให้ความรู้สึกเหมือนหนุ่มวัยกลางคนสี่สิบปีเท่านั้น
นี่…นี่ช่วยให้ดูเด็กลงได้ด้วยหรือ
หยวนซั่วยืนนิ่งเหมือนกำลังย่อยพลังทุกอย่างอยู่พักหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็มองไปยังหลี่ฮ่าวแล้วฉีกยิ้มกว้าง
ภายใต้สถานการณ์ที่หลี่ฮ่าวทำตัวไม่ถูก หยวนซั่วก็โผล่มาปรากฏตัวตรงหน้าเขาแล้ว
เขาคว้าหลี่ฮ่าวไว้ แต่หลี่ฮ่าวกลับไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนได้
“จ๊วบ!”
สิ้นเสียง หลี่ฮ่าวก็นิ่งไป
เขา…เหมือนจะ…เหมือนจะถูกอาจารย์เอาเปรียบเข้าแล้ว!
หยวนซั่วคว้าตัวเขาไปจูบแรงๆ ทีหนึ่งแล้วฉีกยิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้เลยทีเดียว
“เด็กดี!”
หยวนซั่วหัวเราะเสียงดัง หัวเราะอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ หัวเราะจนดูบ้าไปแล้วด้วยซ้ำ!
ฉันหยวนซั่ว กลับมาแล้ว!
พันยุทธ์!
รอฉันเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติแล้ว บนโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สู้ฉันได้
ยี่สิบปี นับประสาอะไรกับยี่สิบปี!
พันยุทธ์ ให้เวลาพวกแกร้อยปี พวกแกก็ไม่มีสิทธิ์มาลอบดูฉันแบบนี้!
“เด็กดี จากนี้ไปเราสองคนจะกวาดล้างทั่วทั้งใต้หล้าและไม่มีใครทัดเทียมเราได้ ลำพังแค่พลังเหนือธรรมชาติก็เค่เรื่องขี้ปะติ๋วเท่านั้น!”
หลงตัวเอง!
หลงตัวเองจริงๆ!
วินาทีนี้หลี่ฮ่าวดูตื่นเต้นอยู่บ้าง ในเมื่อเก่งขนาดนี้ แล้วเรา…จะยังกลัวอะไร
พระเจ้า เงาโลหิตก็แค่คนกระจอก!
อาจารย์ของฉันเป็นพันยุทธ์แล้วโว้ย!