SSS-Class Suicide Hunter - ตอนที่ 9: เอกลักษณ์การพูดคนเดียว (3)
– ตอนนี้นายพาฉันไปหาตาเฒ่าไม่ได้เหรอ?
แบ ฮุ-รยองโกรธมาก ในห้องที่คับแคบ มันทารุณเกินกว่าจะมีคนอยู่คนเดียวแม้ว่าเขาจะเป็นผี ดังนั้นเขาจึงเป็นจุดบอดในด้านสิทธิมนุษยชน คุณทนได้ไหมถ้าคุณมียุงบินตอมในระยะ 3 เมตร
“อ่า เอาจริงดิ! แม้ว่าฉันอยากจะทำ แต่ฉันก็ทำไม่ได้!”
– นายคัดลอกฉันด้วยสกิลของนาย ถ้าอย่างนั้นนายก็สามารถยกเลิกได้สิ นายไม่รู้จักการขอคืนเงินหรือไง การขอคืนเงินน่ะ! โลกนี้เป็นแบบไหนกันถึงไม่มีการคืนเงิน!
“ฉันยกเลิกไม่ได้!”
ฉันอธิบายว่าสกิลนี้ถูกคัดลอกอย่างไร แต่ถึงแม้จะได้ยินคำอธิบาย ผีก็ยังคงขัดฉันอย่างไร้ประโยชน์ ต้องการให้ฉันส่งมันกลับไปหาเซียนดาบ
-ฮึ ตาเฒ่ามาร์คัส! เจ้าลูกศิษย์งั่ง! อาจารย์ถูกลักพาตัวไปแล้ว! อาจารย์เพียงคนเดียวของนายถูกเด็กลักพาตัวไปแล้ว!
ถึงอย่างนั้นผีตนนี้ก็หมุนไปในอากาศและเริ่มตะโกน
-บ้าเอ้ย ไอ้เจ้าลูกศิษย์ขี้เหร่ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะนายเมินเฉยต่ออาจารย์ที่มีค่าของนาย ฉันกลัวอยู่แล้วว่าอะไรแบบนี้จะเกิดขึ้น นั่นคือเหตุผลที่ฉันบอกให้นายปฏิบัติต่ออาจารย์ของนายเหมือนสรวงสวรรค์
“ขอโทษนะ…”
เขากำลังทำให้ฉันลำบาก ฉันหายกลัวที่จะเห็นผีในชีวิตจริงเป็นครั้งแรก กลัว? นั่นก็เป็นอีกเรื่อง ไม่ว่ามันจะน่ากลัวแค่ไหน แต่มันก็ทำให้ใครๆต้องปวดหัวถ้าผีมันทำตัวแบบนี้
“มาใช้ชีวิตอย่างเงียบๆกันเถอะ ตกลงไหม?”
– นายหมายถึงอะไร ใช้ชีวิต? ฉันตายไปแล้ว
“อา ถ้างั้นได้โปรดตายอย่างเงียบๆเถอะ”
-ไม่ล่ะ ฉันดูเหมือนหมาหรือเปล่า? นายกำลังดุผีที่ตายไปแล้วและกลัวที่จะตายอีกครั้ง ทุกคนในละแวกนี้ มองมาที่ไอ้เวรคนนี้สิ! ฉันหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ!
“ว้าว”
ฉันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ อะไรกันวะเนี่ย?
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นผีในชีวิตจริง แต่มันพูดมากเกินไป … ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นคนพูดอย่างกับต่อยหอยขนาดนี้
แล้วฉันก็รู้ ฉันเข้าใจว่าทำไมนักดาบถึงพูดกับตัวเองที่บาร์ นั่น…เมื่อลองคิดดูดีๆ เซียนดาบยังคงพึมพำอยู่ แต่เนื้อหาที่เขาพูดถึงนั้นค่อนข้างซ้ำซาก
‘หุบปาก’
‘อย่าเสียงดัง’
‘นายเสียงดังเกินไป ฉันจะจัดการเองดังนั้นอย่ามายุ่ง’
99% ของสิ่งที่เขาพูดนั้นเกี่ยวกับเสียงรบกวน
“ที่เขาพูดพึมพำอยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นผีแบบนี้…”
-หา? อะไรนะ นายเพิ่งคุยกับฉันเหรอ? อายุเท่านายเนี่ยนะ นายกล้าพูดกับฉันเหรอ?
“ให้ตายเถอะ”
ไหล่ของฉันหย่อนลงโดยไม่รู้ตัว อนาคตของฉันดูมืดมัวเสียแล้ว
“ฉันจะต้องหลีกเลี่ยงเซียนดาบไปตลอดชีวิต ไม่ว่าฉันจะมีสกิลอะไร ฉันก็ไม่คาดคิดว่าจะมีผีออกมา”
-ฮะ? ฉันต้องอยู่ห่างจากตาเฒ่าคนนั้น พูดพล่ามอะไรของนาย?
แบ ฮู-รยองส่ายหัว
– ยังมีฮันเตอร์คนไหนที่ดีเท่าตาเฒ่ามาร์คัส? เขาเป็นลูกศิษย์ของฉัน แต่เขาก็ยังเป็นคนดี โอ้ แต่ไม่เคยพูดถึงหลานของเขา ปกติเขาเป็นคนดี แต่เมื่อพูดถึงหลานๆ เขาก็แทบคลั่ง
“ฉันรู้อยู่แล้ว”
ฉันถอนหายใจ
“มันมีสกิลที่เซียนดาบมี มันเรียกว่าอะไร? อันที่บอกจำนวนคนที่ฆ่าคน”
-อ่า ญาณนักสืบหรอ? มันเป็นสกิลที่โคตรห่วยบรม
แบ ฮุ-รยองตอบได้ค่อนข้างเร็ว แน่นอน นั่นคือชื่อของสกิลนับจำนวนของการฆ่า? [ญาณนักสืบ]? ผีตัวนี้ดูเหมือนจะรู้สกิลทั้งหมดของเซียนดาบ
– แล้วไง? มันมีประโยชน์เพียงอย่างเดียวในการค้นหาว่ามีใครเป็นมือสังหารหรือเปล่า นอกจากนี้ไม่มีการรับประกันว่าใครบางคนเป็นนักฆ่าเพียงเพราะพวกเขาฆ่าคนจำนวนมาก
“ตัวเลขคือ 4091”
– หา?
“จำนวนที่ฆ่าลอยอยู่เหนือหัวของฉัน ตัวเลขคือ 4091”
แบ ฮู-รยองมองอย่างตกตะลึง เขาขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตามการแสดงออกทางสีหน้าของผีตนนี้ดีกว่าคนที่มีชีวิตหลายคน
-อะไรนะ ผู้ชายคนนี้ นี่นายบ้าหรือเปล่า?
“ฉันคิดว่าฉันคงแทบบ้าถ้าต้องใช้เวลากับนายอีกหนึ่งวัน นายโคตรน่ารำคาญ”
– ไม่…นายเป็นมือใหม่แท้ๆ
การแสดงออกทางสีหน้าของแบ ฮุ-รยองกลายเป็นจริงจัง
– มือใหม่ในหมู่มือใหม่ มองไปที่นายสิ ฉันไม่เข้าใจเลย คนอย่างนายฆ่าคน 4091 คนได้ยังไง? ฉันทำแบบนั้นไม่ได้แม้ว่าจะไปถึงชั้นที่ 99 ในชีวิตของฉัน
“นั่นเป็นเพราะฉันไม่ได้ฆ่าคน 4091 คน”
– หา?
ฉันยักไหล่และเริ่มอธิบาย
“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น คนเดียวที่ฉันฆ่าจริงๆคือคนเลวสุดๆซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อจักรพรรดิเพลิง…”
ฉันถูกฆ่าโดยจักรพรรดิเพลิง โชคช่วยให้ฉันสามารถคัดลอกสกิลถดถอยของเขาได้ แต่ถ้าฉันอยู่ที่นั่นคงไม่มีหวังที่จะแก้แค้น ฉันจึงตัดสินใจย้อนกลับมาในอีก 4000 กว่าวัน
-…อะไรนะ?
แบ ฮุ-รยองที่กำลังฟังอยู่อ้าปากกว้าง
– นายฆ่าตัวตายมากกว่า 4000 ครั้ง? เพียงเพื่อแก้แค้นจักรพรรดิเพลิง?
“ใช่”
– ……
แบ ฮุ-รยองเงียบลง ตอนแรกเขาดูตกตะลึง แต่ตอนนี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขามองตรงมาที่ใบหน้าของฉันด้วยสายตาที่ดูเหมือนกำลังดิ้นรนกับอะไรบางอย่าง เขาจริงจังมากจนฉันสงสัยว่าเขาเป็นผีตัวเดียวกันหรือเปล่าที่เอาแต่เอะอะโวยวายในห้อง 2 พยองของฉัน
–เฮ้
หลังจากเงียบไปนาน แบฮุ-รยองก็เปิดปากของเขา
“อะไรล่ะ?”
-นายชื่ออะไร?
“ฉันชื่อคิม กงจา”
แบ ฮุ-รยองส่งเสียงครวญคราง
– ทำไมนายถึงเลือกตาเฒ่า?
“อะไรนะ?”
– หลังจากที่นายได้แก้แค้นผู้ชายที่ชื่อจักรพรรดิเพลิงแล้ว ทำไมนายถึงตัดสินใจที่จะคัดลอกสกิลจากตาเฒ่า?
“ไม่ชัดเจนหรอกเหรอ?”
ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามคำถามนั้น
“เขาเป็นฮันเตอร์อันดับ 1 ในยุคนี้ เขาแข็งแกร่งที่สุดดังนั้นเขาจึงต้องมีสกิลที่แข็งแกร่ง”
– ด้วยวิธีนี้ นายจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว?
“ใช่”
– …นายสามารถตอบคำถามของฉันได้อย่างตรงไปตรงมาเพราะไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะรั่วไหล มันบอกบนสกิลการ์ดว่าไม่มีใครนอกจากนายที่เห็นฉัน มันจึงปลอดภัยทั้งหมดใช่ไหม?
“อะไรนะ? แน่นอนสิ”
ความเงียบเข้ามาในห้องอีกครั้ง
-หืมมมมม
ขณะลอยอยู่ แบ ฮุ-รยองลอยในอากาศรอบๆตัวฉัน เขาเดินมาทางซ้ายและจ้องหน้าฉันจากนั้นไปทางขวาแล้ววัดความสูงของฉัน ทั้งหมดนี้ทำด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ฉันขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเขาอยากทำอะไรแปลกๆ
-มาดูกันสิ อืม ร่างกายไม่แย่เกินไปเมื่อได้รับการขัดเกลา พลังใจเป็นที่น่าอัศจรรย์ เซนส์ด้านการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง รู้วิธีรักษาสติ แต่ก็ยังคาดเดาไม่ได้ … อะแฮ่มแน่นอน อืม ถ้าเยอะขนาดนี้…
แบ ฮุ-รยองเอาแต่พูดพึมพำกับตัวเอง
‘ตอนนี้เขากำลังพูดถึงอะไร?’
จากสิ่งที่ฉันได้ยินมาผีตนนี้ดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ของเซียนดาบ และตอนนี้อาจารย์คนนี้กำลังพูดกับตัวเองในขณะที่เดินไปด้านข้าง
– เฮ้,คิม กงจา
ทันใดนั้นแบ ฮุ-รยองก็บินมาที่หน้าฉันและเรียกชื่อฉัน
“ห้ะ?”
– แสดงให้ฉันดูว่านายล่ามอนสเตอร์ยังไง
ดังนั้นฉันจึงล่ามอนสเตอร์สองสามตัว
“พอใจไหม?”
ฉันไม่มีอะไรทำในห้องอยู่แล้ว ทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น ฉันมุ่งหน้าไปที่พื้นที่ล่ามอนสเตอร์ อันที่จริงตั้งแต่ฉันตายไปโดยน้ำมือเซียนดาบและกลับไปเมื่อวันก่อน นั่นหมายความว่าฉันต้องฆ่ายู ซูฮาอีกครั้ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องออกไปอยู่ดี
-อย่างที่คิดไว้…
แบ ฮุ-รยองพยักหน้า
– ความคาดหวังของฉันถูกต้องจริงๆ
“นายคาดหวังอะไร?”
-อืม ในชีวิตที่ผ่านมา ฉันถูกเรียกว่าจักรพรรดิดาบ
ในตอนรุ่งสาง เสียงของแบ ฮุ-รยองดูเหมือนจะดังก้องไปทั่วพื้นที่ล่ามอนสเตอร์
– บ้านเกิดของฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ นายสามารถคิดว่ามันเป็นโลกที่แตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับที่นี่ หอคอยปรากฏขึ้นในบ้านเกิดของฉันและฉันพิชิตหอคอยได้เร็วกว่าฮันเตอร์คนอื่นๆที่นั่น
“ฉันสงสัยว่านายกำลังทำอะไรอยู่ ปรากฎว่านายกำลังโอ้อวดเกี่ยวกับตัวเอง”
–อืม
แบ ฮุ-รยองเยาะเย้ย
– แล้วไง ในที่สุดโลกของฉันก็ล้มเหลวในการเคลียร์ชั้นที่ 100 มันเขียนไว้ในสกิลการ์ดของนายใช่ไหม?
[กลุ่มดาวแห่งดาบ]
– แร้งก์: A+
-เอฟเฟค:
> ผีจากต่างโลก เขาเคลียร์ชั้น 99 แต่ล้มเหลวในชั้นที่ 100 และเสียชีวิตไป ความแค้นที่ำยังคงอยู่ทำให้เขากลายเป็นผี เขาไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับโลกทางกายภาพได้ แต่เป็นไปได้ที่จะยุ่งเกี่ยวกับความคิดของผู้เป็นเจ้าของ จงขอคำแนะนำจากประสบการณ์อันยาวนานและทักษะอันน่าทึ่งของเขา!
>อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถมองเห็นผีได้ยกเว้นเจ้าของ
>สกิลนี้คัดลอกมาจากฮันเตอร์มาร์คัส คาเลนเบอร์รี่
เมื่อลองคิดดู มันก็น่าทึ่งมาก
ก่อนที่ฉันจะกลับมา จักรพรรดิเพลิงทำได้เพียงทะลวงผ่านชั้นที่ 40 เท่านั้นและถือว่าเป็นตำนาน แล้วชั้น 99 ล่ะ? ผีตรงหน้าฉันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
– ฉันบอกได้ว่านายมีดีหรือไม่ ว่าเป็นฮันเตอร์ที่มีความสามารถแค่ไหน มองปุ๊บรู้ปั๊บ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันขอให้นาย คิมกงจา แสดงวิธีล่ามอนสเตอร์ให้ฉันดู
“อะฮ้า”
ฉันหัวเราะอย่างขมขื่น
“นายกำลังพยายามดูว่าฉันมีพรสวรรค์วิชาดาบหรือไม่?”
ทำไมกัน มันมีเรื่องราวมากมายแบบนี้ เรื่องราวที่ตัวละครหลักอาศัยอยู่โดยไม่ได้ตระหนักถึงพรสวรรค์ของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็ตกหน้าผาหรือพบกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่และปลุกพลังที่แท้จริงของพวกเขา การพบกันของโชคชะตา
“ความพยายามของนายมันเปล่าประโยชน์”
โชคไม่ดี ที่โชคไม่เข้าข้างฉัน
“ฉันไม่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้เลย มันเป็นแค่โชคในการสุ่มเท่านั้น แต่ตอนนี้ เมื่อฉันตาย อย่างน้อยฉันก็สามารถคัดลอกสกิลของฮันเตอร์คนอื่นได้ ถ้าฉันมีพรสวรรค์ ฉันคงต้องออกจากคลาส F ไปนานแล้ว ทำไมฉันถึงอยากมีชีวิตแบบนั้นกัน?”
แบ ฮุ-รยองขมวดคิ้ว
– นายกำลังพูดถึงอะไร? นายมีพรสวรรค์
“อะไรนะ?”
– พรสวรรค์ที่น่าตกตะลึงเลยล่ะ
ฮะ นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันคาดหวัง
“เฮ้ นายล้อเล่นอยู่หรอ นายกำลังล้อเลียนฉันหรือเปล่า?”
-ฉันไม่ได้ล้อเล่น
แบ ฮุ-รยองส่ายหัวเงียบๆ
– แน่นอน นายไม่มีความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ การสอดประสานของนายนั้นไม่ดี สภาพร่างกายของนายยังขาดไปอีกเยอะและต้องใช้เวลานานในการเรียนรู้การใช้ออร่า แต่ไม่ว่ายังไง นายก็ยังมีพรสวรรค์ที่หายาก
สายตาของแบ ฮุ-รยองกลายเป็นจริงจัง
– นายไม่กลัวความตาย
“…”
– นายไม่มีมัน น่าแปลกที่ไม่มีเลย
แบ ฮุ-รยองลูบคางของเขา
– อาจเป็นไปได้ว่าหลังจากตายไปกว่า 4000 ครั้ง ความกลัวตายก็หายไปโดยที่นายไม่รู้ตัว นี่คือสิ่งที่ฉันคาดไว้เช่นกัน นายไม่รู้ตัว แต่นายบุ่มบ่ามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ คนเรามักจะลังเลเล็กน้อยเพราะกลัวที่จะตายหรือบาดเจ็บ แต่นายไม่มี
“เอ่อ นั่นคือพรสวรรค์เหรอ?”
-แน่นอน
ฉันได้รับคำตอบทันที
– พรสวรรค์จากภายในไม่ใช่พรสวรรค์ประเภทเดียว ผู้คนสามารถปลุกความสามารถทีละอย่างได้ในชีวิต สิ่งที่ยากที่สุดคือพรสวรรค์ในการเอาชนะความกลัวตาย แต่นายได้เรียนรู้สิ่งที่ยากที่สุดแล้ว
“…”
-มันเจ๋งมาก
ฉันรู้สึกอายนิดหน่อย
ป่านนี้ไม่เคยมีใครคุยกับฉันแบบนี้ ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นแบบนี้มาก่อน เป็นเพียงเพราะฉันถูกจักรพรรดิเพลิงปฏิบัติเหมือนหนอน ดังนั้น…ฉันจึงโกรธมากจนผ่านความตายมากกว่า 4000 ครั้ง
การตาย
นั่นคือพรสวรรค์ของฉัน
– ฉันมีคำถามเพียงข้อเดียว
“มันคืออะไร?”
– เมื่อตอนที่ตาเฒ่ามาร์คัสฆ่านาย ตอนนั้นคิดอะไรอยู่?
ฉันนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในการตายครั้งสุดท้ายของฉัน เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงฉันจึงสามารถระลึกถึงความทรงจำและอารมณ์ของตัวเองได้อย่างเต็มตา
ท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงจันทร์และสายลมที่พัดมาอย่างเงียบเชียบจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ
“ …ฉันคิดว่ามันสวยงาม”
ตอนนั้นเอง
-ฮาฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
แบ ฮู-รยองเงยหน้าขึ้นและหัวเราะอย่างเต็มที่ เสียงหัวเราะนั้นดังลั่นและดังไปทั่วที่ทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า
– มันตลกดี
ดวงตาของแบ ฮุ-รยองเป็นประกายขณะที่เขามองมาที่ฉัน
– นายไม่ได้ปล้นสกิล นายแค่คัดลอกพวกมัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง [ฉันอีกคนหนึ่ง] ยังคงอยู่กับตาเฒ่ามาร์คัส ตาเฒ่ากับนาย ฉันสงสัยว่าพวกนายคนไหนจะเป็นฮันเตอร์ที่ยิ่งใหญ่กว่ากัน? ฉันรู้สึกสงสัยนิดหน่อย
“…”
-ฉันจะช่วยนาย
กลุ่มดาวแห่งดาบ ผีที่เคยพิชิต 99 ชั้นในหอคอยและเป็นที่รู้จักในนามจักรพรรดิดาบมองตรงมาที่ฉัน
-เพื่อที่นายจะสามารถเขี่ยตาเฒ่ามาร์คัสได้ ไม่ ต้องแข็งแกร่งกว่าตาเฒ่าคนนั้น!
จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป
– มาพิชิตหอคอยกันเถอะ
มันเป็นช่วงเวลาที่คู่หูของฉันได้ถือกำเนิดขึ้น