Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 297 บทสนทนาในห้องอบเซาวน่า
ตอนที่ 297 บทสนทนาในห้องอบเซาวน่า
ชั้นสองของโกดัง
ฉินอวี่เห็นหม่าเหลาเอ่อเดินมุ่งตรงเข้ามาในห้องแล้วจึงเอ่ยปากถามทันที “ฝั่งนั้นว่ายังไงบ้าง?”
“มันพูดกลับคํา” หม่าเหลาเอ๋อนั่งลง “มันบอกว่าฉวีหยางอยากจะเปลี่ยนทีมเลยจะนัดเจอกับเราหน่อย”
ฉินอวี่นิ่งไปครู่หนึ่ง “พูดตรงๆแบบนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ มันพูดตรงๆเลย” หม่าเหลาเอ่อพยักหน้า
ฉินอวลูบหัวพลางมองแมวเฒ่า “นายว่าไงล่ะ?”
“ฉันงงนิดหน่อย” แมวเฒ่าตอบกลับ “ทางนั้นเพิ่งจะก่อเหตุไป แล้วก็อยากจะคุยกับเราเลย
ทันทีแบบนี้มันทําให้ฉันรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะเนียนเท่าไหร่”
ฉินอวี่ลุกขึ้น เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องอยู่หลายรอบ “เมื่อกี้ตอนที่นายคุยกับอีกฝ่าย คนอยู่ข้างล่างเยอะไหม?”
“ไม่เยอะ ฉันเรียกมันไปคุยที่ห้องเก็บของเป็นการส่วนตัวนะ”
“แล้วมีคนเห็นเด็กที่มาส่งข่าวคนนั้นเยอะไหม?” ฉินอวี่ถาม
หม่าเหลาเอ๋อหัวเราะและดูออกแล้วว่าฉินอวี่รู้สึกกังวล “นายสบายใจได้ คนที่เห็นมันก็เป็นพวกของเราทั้งนั้น ข่าวจะไม่หลุดออกไปแน่นอน”
“ห้ามหลุดเด็ดขาด” ฉินอวออกคําสั่งก่อนตอบกลับทันที “แจ้งอีกฝ่ายซะว่าเจอกับฉวีหยางได้”
“โอเค” หม่าเหลาเอ่อพยักหน้า
“แม่งเอ๊ย! จะเป็นคนหรือเป็นผีก็ต้องคุยก่อนถึงจะรู้” ฉินอวี่เอามือไขว้หลัง “ตอนไปเจอเราก็ไปกันสามคน”
“ได้” แมวเฒ่าพยักหน้า
วันต่อมา
เวลาบ่ายสองโมง ฉินอวี่ หม่าเหลาเอ่อและแมวเฒ่าขับรถไปยังถนนผิงด้าว และเจอกับบ่อน้ําใหญ่ของบ้านหลังหนึ่งในย่านถนนห่างไกลชุมชน
ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
แมวเฒ่าเปลือยอยู่ครึ่งท่อนบน ท่อนล่างสวมกางเกงทหารตัวใหญ่ยืนเขย่งอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าแล้ว จู่ๆก็มีคําถามขึ้นมาในหัว “นี่ นายว่าถ้าฝั่งนั้นเขาส่งลูกน้องสักคนมาช่วยพูดแล้วเราคิดอะไรไม่ ออกแล้วเผอิญว่าอีกฝ่ายใช้เล่ห์เหลี่ยมขึ้นมาล่ะ” ฉินอวี่นิ่งไป “คงจะไม่หรอกมั้ง”
“ทําไมถึงไม่ล่ะ?” แมวเฒ่าถามต่อ
“ถ้าเราทั้งสามคนโดนพวกมันฆ่าตายอยู่ที่นี่ เบี้องหลังของฉวีหยางต้องใหญ่ขนาดไหนเชียว?” ฉินอวี่ยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้นคือฉวีหยางกับเปียเตอหยงก็แค่อยากจะหาที่สักที่เพื่อกําจัดเราแล้วก่อนหน้านี้จะแสร้งทําเป็นไม่ลงรอยกับเราทําไมล่ะ? หม่าเหลาเอ๋ออยู่ในรัฐทมิฬส่วนเราอยู่ในกองกํากับการ ไม่รู้ว่าในแต่ละวันมีคนรู้ร่องรอยของเราตี่งกี่คน ยังจะต้องเตรียมการแสดงล่วงหน้าด้วย เหรอ?”
“ใช่ ฉันรู้สึกว่าถ้าจะเอาให้ตายกันไปข้าง ไม่จําเป็นต้องเสียแรงมากก็ได้” หม่าเหลาเอ่อพูดเสริม
“ถ้าฉวีหยางมันเป็นคนป้องคนนึงล่ะ?” แมวเฒ่าถามอย่างคัดค้าน “มันไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้นหรอก ก็คงจะเหมือนกับหนิวเงินล่ะมั้ง?”
“…!” ฉินอวนิ่งเงียบ
“ยังไงก็ระวังกันหน่อยละกัน” แมวเฒ่าระมัดระวังเป็นอย่างดีและเอื้อมมือไปหยิบปืนพกในตู้ แล้วซ่อนในกางเกงทันที “กันไว้ดีกว่าแก้”
แววตาของฉินอวี่ดูตะลึง “พวกในกางเกงในของนายมีกระเป๋าด้วยเหรอ?”
“ไม่มีนะ”
“แล้วนายเก็บปืนไว้ที่ไหนล่ะ?” ฉินอวี่แปลกใจมาก
“ฉันเอาห้อยไว้”
“ว้าว นายเอาห้อยไว้ตรงไหนเหรอ?” หม่าเหลาเอ่อจ้องตาเขม็ง
“แล้วนายว่าห้อยไว้ตรงไหนได้บ้างล่ะ?” แมวเฒ่าตอบกลับด้วยความรําคาญ “ทําไมพูดมากจังวะ? ของฉันใหญ่เลยห้อยได้ พอใจรึยัง?”
“นายมันสุดยอดจริงๆ!” ท่าทางของหม่าเหลาเอ๋อดูอึ้งทึ่ง “กางเกงทหารหลวมขนาดนี้แขวนได้ด้วยเหรอ?”
“หยุดจู่จได้แล้ว ฉันเอาผ้าห่อไว้เพราะเดี๋ยวมันจะเสียดสี” แมวเฒ่าปาดเหงื่อบนหน้าตัวเอง “ไปกันเถอะ”
“นายระวังหน่อยล่ะ ถ้าลั่นขึ้นมาล่ะก็ ต่อไปเสี่ยวมีคงต้องใช้อุปกรณ์ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ” ฉินอวี่เตือนด้วยความหวังดี
“ไปไกลๆ!” แมวเฒ่าไล่ตะเพิดก่อนเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
สิบกว่านาทีผ่านไป ทั้งสามคนก็มาถึงห้องอบเซาวน่าจากชั้นสอง ขณะเดินเข้าไปในห้อง
“สวัสดี” ฉวีหยางเห็นทั้งสามคนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นยืนพลางยื่นมือทักทายทันที “ฉันชื่อฉวีหยาง”
“เราเคยเจอกันที่มาโกวมาก่อนแล้ว” หม่าเหลาเอ๋อยิ้มพลางพยักหน้า “นี่คือฉินอวี่กับแมวเฒ่า”
“สวัสดี”
“สวัสดี”
ทุกคนต่างสวมชุดคลุมจับมือทักทายก่อนจะนั่งล้อมรอบโต๊ะน้ําชา
“คนที่รู้จักฉันในฮ่งเจียงก็เยอะอยู่เหมือนกัน” ฉวีหยางยกแก้วชาขึ้นพลางพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงทุ่มต่ํา “เพื่อความสะดวกสบายเลยนัดเจอกันที่นี่น่ะ”
ฉินอวพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อทักทายกันเสร็จ บรรยากาศในห้องก็อมยิ้มเล็กน้อย ฉินอวี่ไม่ได้เอ่ยปากพูดก่อน ส่วนฉวีหยางก็เงียบเหมือนกัน ฉะนั้นหม่าเหลาเอ๋อจึงดื่มชาและเปิดประเด็นทันที “เมื่อคืนตอนที่ลูกน้องของนายมาก็ทําให้เรางงอยู่เหมือนกันนะ เหอะๆ”
“งงอะไรเหรอ?” ความรู้สึกที่ฉวีหยางให้กับคนอื่ นมักจะมีลับลมคมในอยู่ตลอด ภายนอกดูอ่อนโยนพูดจาเสียงเบาแต่งต่างกับหนิวเจนทุกอย่าง รวมถึงความเย่อหยิ่งของหยางหนานด้วย “ในใจของพวกนายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าทําไมฉันถึงเอ่ยปากขอนัดคุยก่อน”
ฉินอวก้มหน้าจุดบุหรี่และยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง
“ก็พอจะเดาประเด็นหลักออกคร่าวๆ แต่ก็ยังไม่ เข้าใจรายละเอียดอยู่ดี” แมวเฒ่าเอ่ยปากพูดก่อน “ฉันได้ยินมาว่า นายกับเป่ยเตอหยงอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ทําไมจู่ๆ ถึงทะเลาะกันจนกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?”
ฉวีหยางครุ่นคิดสักพักก่อนจะถอนหายใจ “ฉันก็ไม่อยากทะเลาะกับมันจนกลายเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ในเรื่องของบริษัทกับการร่วมมือกับหยวนเค่อนั้น ฉันไม่เห็นด้วย”
“ทําไมถึงไม่เห็นด้วยล่ะ?” หม่าเหลาเอ๋อถาม “ข้อต่อรองที่หยวนเค่อให้นายก็ดีไม่ใช่เหรอ?”
“คนโง่ยังมองออกเลยว่าข้อเสนอดีๆ ที่หยวน เค่อให้กับเราก็แค่เพราะอยากจะเอาพวกเราเป็นเป้าล่อและให้พัวพันกับการกําจัดพวกนายในรัฐพื้นทมิฬอยู่ตลอด ดังนั้นช่วงนี้เราเลยต้องประชันหน้ากับพวกนายอยู่ตลอด ส่วนหยวนเค่อกลับยุแยงตะแคงรั่วอยู่ในเขตเจียงหนาน” ฉวีหยางขมวดคิ้ว “ฉันกับหนิวเจนและหยางหนานก็ไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่แล้วฉันก็เกลียดพวกมันมากด้วย แต่พอเกิดเรื่องกับพวกมันฉันเลยรู้สึกว่าปลอดภัยมากขึ้น”
แมวเฒ่าครุ่นคิดสักพัก “แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้แบบนี้ หยวนเค่อกําลังหลอกใช้พวกนายอยู่ ถ้างั้นตาแก่น่ากลัวอย่างเป่ยเตอหยงจะดูไม่ออกเหรอว่าหยวนเค่อคิดจะทําอะไร?”
ฉวีหยางนิ่งไปสักพักก่อนจะหัวเราะเยาะ “คําถามที่นายถามก็คือเหตุผลหลักที่ฉันอยากจะห่างจากเปียเตอหยง”
“อะไรนะ?” แมวเฒ่าถามต่อ
“เป่ยเตอหยงมันทําทุกอย่างเพื่อเงิน ทั้งๆที่มันก็รู้ว่าหยวนเค่อหลอกใช้บริษัทเราในการมาเป็นเกราะป้องกัน แต่มันก็ยังจะดั้นด้นอยากจะได้กําไรจากการค้ายาให้ได้” ฉวีหยางก้มหน้าจุดบุหรี่ก่อนจะสูบเข้าไป “มันซื้อบ้านหลังใหญ่ไว้ทั้งในเขตพิเศษที่แปดและสหภาพยุโรปเอาไว้และยังซื้อขาดอีกด้วย มันไม่ได้คิดจะอยู่ในเขตซ่งเจียงนานๆ อยู่แล้ว ขอแค่เส้นทางธุรกิจยาสามารถให้รายได้ที่มั่นคงกับมันได้เป็นเวลานานหนึ่งถึง สองปี มันคงจะหนี้แน่นอน มันไม่มีทางคิดถึงอนาคตของพวกเราหรอก”
แมวเฒ่ามองฉวีหยางและไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไรแล้ว เพราะอีกฝ่ายได้ตอบในสิ่งที่เขาสงสัยได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ทันใดนั้น จู่ๆฉินอวี่ก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมใบ หน้าเฉยชาพลางมองฉวีหยางและขัดจังหวะ การตอบคําถามทุกคนของเขาทันที “นายอยากจะมาอยู่กับเราหรอ?”
ฉวีหยางอึ้งและพยักหน้า “อยากร่วมมือด้วย”
“ร่วมมือเหรอ? นายให้อะไรฉันได้บ้าง” ฉินอวี่ถาม
“หลังจากที่ฉันกับเปียเตอหยงแยกย้ายกัน พวกนายก็จะสามารถเข้าเขตหนานหยางได้อย่างสบายเลยล่ะ เพราะที่ดินเขตนี้เป็นของฉันส่วนนึง” ฉวีหยางพูดแทรก
“จะเข้าหนานหยางได้หรือไม่นั้นฉันไม่สน” ฉวีหยางส่ายหน้า “ที่ฉันสนใจคือความจริงใจ”
“ความจริงใจอะไร?” ฉวีหยางถึงกับเหงื่อตก เพราะแค่ฉันอวอ้าปากก็ทําลายบรรยากาศอันกลมเกลียวไปอย่างสิ้นเชิง คําถามที่เขาถามตรงไปตรงมาและง่ายมากแต่ฟังแล้วกลับรู้สึกว่าเป็นการบีบบังคับและตอบยากอีกด้วย ทําให้ฉวีหยางรู้สึกว่าไม่รู้จะทํายังไง
“นายบอกว่านายจะแยกกันกับเป่ยเตอหยงแต่ความขัดแย้งของเปียเตอหยงกับเรามันยากที่จะแก้ไขมากเลยนะ” ฉินอวี่เอียงคอมองฉวีหยาง “หยางหนานตายแล้วและฟื้นกลับมาไม่ได้ สินค้าราคาสามแสนของฉันก็ถูกปล้นไปแล้วและเอากลับคืนมาไม่ได้ด้วย ในอนาคตระหว่างฉันกับเบี้ยเตอก็ต้องมีใครสักคนที่ตายกันไปข้าง”
ฉวีหยางขมวดคิ้ว
“นายจะมาก็ได้ ข้อต่อรองก็คุยง่ายเหมือนกัน” ฉินอวี่จ้องมองฉวีหยาง “แต่ประเด็นก็คือนายต้องร่วมมือกับฉันเพื่อกําจัดเป่ยเตอหยง สิ่งที่ฉันอยากได้ไม่ใช่เขตหนานหยางแค่ส่วนเดียวแต่ฉันอยากได้พื้นที่ทั้งหมด”