Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 207 ราคาที่ต้องจ่าย
ตอนที่ 207 ราคาที่ต้องจ่าย
ในห้องรับแขก
หยวนเค่อนั่งเอามือกุมแผลบนหน้าอกกับแก้มขวาพลางจ้องเขม็งไปที่ประตู เมื่อเห็นว่าอาเซียวมีพรรคพวกถือปืนตามมาด้วยจึงรีบตะโกนว่า “ถ้าพวกแกจับปืนเพื่อเงินละก็ ฉันว่าเราคุยกันได้!”
อาเซียวไม่สนใจข้อเสนอของหยวนเค่อและเดินเข้าไปปิดล้อมทางหนีของอีกฝ่ายไว้ “ล้อมมันไว้”
หยวนเค่อไม่มีทางหนี จึงเตรียมตั้งรับครั้งสุดท้าย
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาพร้อมชายร่างกํายําที่เดินมาจากทางขวา
“พรึบ!”
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงบางอย่างขึ้นพร้อมกับไฟฟ้าดับทั้งตึก
อาเซียวรีบมองหาต้นตอ
“โดดลงมาเสี่ยวเค่อ!” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งตะโกนมาจากด้านล่าง
หยวนเคอรีบตั้งตัวและพุ่งตัวออกจากที่กําบัง เขาวิ่งไปยังหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย
“มีแสงวาบมาจากทางขวามือ ยิงเลย!” อาเซียวตะโกนสั่ง
“ปังๆ!”
ชายร่างกํายําพุ่งตัวไปทางขวาพร้อมกับเล็งยิงใส่กระจกหน้าต่างจนร้าว
หยวนเค่อตรงไปที่หน้าต่าง ด้วยไม่มีเวลาเปิดมันเขาจึงก้มหัวแล้วกระโดดเหยียบขอบหน้าต่างพุ่งตัวผ่านกระจกร้าวลงไปด้านล่างทันที
บริเวณโถงล็อบบี้ชั้นล่าง
หลังจากชายคนหนึ่งสับสวิชต์ไฟลง เขารีบวิ่งออกไปด้านนอกตึก
ที่ข้างบันได
เมื่อเห็นหยวนเค่อพุ่งตัวออกหน้าต่างลงมาที่พื้นคอนกรีตด้านล่างด้วยอาการไม่สู้ดี หัวโล้นจึงรีบเข้าไปประคองอย่างไม่คิดชีวิต “คุ้มกันด้วย!”
คนขับรออยู่ที่รถยกปืนเล็งไปที่หน้าต่างชั้นบนเพื่อยิ่งคุ้มกันก่อนชายหนุ่มคนก่อนหน้าจะวิ่งกลับมาช่วยยิง
อาเซียวยืนอยู่ตรงหน้าต่างจ้องออกไปด้านนอกพลางตะโกนว่า “ช่วยฉันมองหารถพวกมัน!”
“ปังๆๆ!”
ชายร่างกํายําสวมชุดเกราะกันกระสุนก้าวออกมาพร้อมกับปืนสองกระบอกในมือ เขาเล็งไปที่คนขับรถพร้อมกับยิงสวน
“หนีเร็ว!” เมื่อได้ตัวหยวนเค่อแล้ว หัวโล้นจึงวิ่งไปที่รถทันที
อาเซียวมองอีกฝ่ายด้วยความเจ็บใจก่อนจะเอื้อมมือไปด้านข้าง และตะโกนว่า “เอากระสุนลูกปลายมา”
ชายร่างกํายําเมื่อได้รับคําสั่งจึงหยิบกระสุนยาวประมาณหัวแม่มือและหนากว่าเซนติเมตรออกมา
ปืนที่อาเซียวใช้เป็นปืนสั้นที่มีลํากล้องขนาดใหญ่ โดยทั่วไปแล้วจะมีระยะยิงสั้น แต่หากใช้ลูกปลายจะทําให้มันเพิ่มระยะ และมีความรุนแรงขึ้น
อาเซียวยกขาขวาขึ้นเหยียบหน้าต่างและก้มหน้าเล็งยิงด้วยสอง
“ปังๆ!”
ยางรถถูกกระจุนเจาะจนรัว
คนขับรถผงะไปชั่วครู่ก่อนจะหมอบลงและตะโกนบอกคนอื่นๆว่า “รถใช้การไม่ได้แล้ว รีบไปหลบหลังกําแพงเร็ว”
บนถนนซีเมนต์หยวนเค่อก้มตัวลงทันที่ที่ได้ยินคําเตือน ขณะเดียวกันเขาเหลือบไปเห็นกระบอกปืนที่เล็งมาจากหน้าต่าง ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายกําลังเหนี่ยวไกเขาจึงรีบดึงหัวโล้นให้หลบ “พี่โล้น หลบเร็ว!”
“ปัง!”
หัวโล้นกระอักเลือดล้มลงขณะกําลังก้มตัวจากแรงดึง เศษกระสุนนับไม่ถ้วนพุ่งทะลวงกลางหลังจนเลือดกระเซ็นไปทั่ว
“พี่โล้น!” หยวนเค่อคํารามลั่นพลางใช้มือความประคองร่างของอีกฝ่ายไว้ เขาหันไปจ้องอาเซียวก่อนจะใช้กําลังทั้งหมดลากสังขารทั้งคู่เข้าไปหลบหลังกําแพง
อาเซียวที่อยู่ตรงหน้าต่างยกปืนเล็งอีกครั้ง
“ปัง!”
แสงสว่างจากปลายกระบอกสว่างวาบพร้อมกับกระสุนลูกปลายที่สาดเต็มพื้น
“เวรเอ๊ย!”
อาเซียวทุบกําแพงสบถ “ระยะจํากัดทําให้ยิงไม่ได้”
“ผมจะลงไปล่าพวกมัน”
ชายร่างกํายํากระชับปืนพูดขึ้นและหันหน้าวิ่งออกไปทางประตู สาเหตุที่เขาไม่กระโดดตามลงไปจากหน้าต่าง เพราะอาจจะโดนคนขับรถของหยวนเค่อดักยิงเอาได้
หลังกําแพง
หยวนเค่อโอบร่างของหัวโล้นไว้ด้วยสีหน้าซีดเซียว “โอเครึเปล่าพี่?”
หัวโล้นที่พิงหยวนเค่ออยู่เงยหน้าขึ้นตอบ “แบกฉันแบบนี้ นายจะไม่รอดเอา…”
“ไปเถอะ ผมจะช่วยเอง”
หยวนเค่อเสียงสั่น เขาลากหัวโล้นด้วยสองมือเลียบไปตามขอบกําแพง
หน้าร้านอาหารข้างถนนใหญ่แห่งหนึ่ง ชายหนุ่มคนที่ปิดไฟ ในตึกวิ่งไปที่รถไฮบริดพร้อมปืนในมือก่อนขับตรงไปหาหยวนเค่อ
“ขึ้นรถเร็ว” เมื่อรถแล่นเข้ามาเทียบ หยวนเค่อเค้นแรงที่มีเปิดประตูและพยายามดันหัวโล้นให้ขึ้นไปที่เบาะหลัง
คนขับรถวิ่งตามมาจากอีกทางเพื่อช่วยประคองหัวโล้นขึ้นรถก่อนจุขึ้นนั่งข้างคนขับพร้อมตะโกนด้วยความตื่นกลัวว่า “รีบไปเร็ว พวกมันอาจจะวิ่งตามมาแล้ว”
“ไปๆ” หยวนเค่อที่นั่งข้างหัวโล้นเงยหน้าสั่งอย่างกระวนกระวาย
รถยนต์ถูกสตาร์ตและเหยียบคันเร่งไปตามถนทันที
ลูกน้องอาเซียวที่วิ่งตามมา เมื่อเห็นว่ารถแล่นออกไปไกลแล้ว จึงทําได้เพียงกัดฟันด้วยความเจ็บใจ
ในรถ
หยวนเค่อประคองหัวหัวโล้นไว้พลางพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงเป็นกังวล “ไม่ต้องกลัวนะพี่โล้น ผมจะช่วยเอง เพราะบริษัทไม่มีผมได้ แต่ถ้าขาดพี่ไปบริษัทพังแน่”
หัวโล้นทําได้เพียงมองหน้าหยวนเค่อและกระอักเลือดข้นออกมา
“เหยียบให้สุดแรงเลย!” หยวนเค่อเร่งเร้าชายหนุ่ม
หัวโล้นพยายามเช็ดคราบเลือดบนหน้าและยิ้มให้คนตรงหน้า
หยวนเค่อชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น
“เราไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น…” หัวโล้นหลับตาลงแล้วพูดเสียงแผ่ว “วันนี้ฉัน…ฉันช่วยนายได้แล้ว ทีนี้ก็ปล่อยฉันไปเถอะนะ…”
หยวนเค่อนิ่งอึ้งเมื่อได้ยิน
“เฒ่าหยวนตายไปแล้ว คงถึงเวลาที่กลุ่มของเราต้องพักแล้วล่ะ…” หัวโล้นพูดต่อ “ฉันเหนื่อยมามากแล้ว คงเดินตามนายอีกไม่ไหว…”
หยวนเค่อกลั้นความรู้สึกข้างในด้วยดวงตาแดงก่ํา
ตั้งแต่จางเทียนเสียชีวิต หัวโล้นผู้เด็ดเดี่ยวและทรนงก็เริ่มมีความรู้สึกท้อถอย
เขารู้สึกว่าการทํางานกับหยวนเค่อนั้นแปลกและไม่เข้ากับตัวเองอย่างมาก
ความสามารถที่เคยนําบริษัทขึ้นสู่จุดสูงสุดของเขาถดถอยลงตั้งแต่นั้น
ภาพจําใหนการทํางานกับหยวนหัวและเหล่าลูกน้องยังคงวนเวียนอยู่ในหัว การต่อสู้มือเปล่าที่ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์มากมาย การที่หยวนเค่อเหนี่ยวนําให้เฒ่าสามทําการสังหารจางเทียน อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทําให้เขาเปลี่ยนไป หรือบางทีก็อาจเป็นเขาเองที่ไม่เหมาะจะอยู่ต่อไปในเส้นทางนี้
ในช่วงเวลาสั้นๆ หลังตัดสินใจถอนตัว หัวโล้นถูกยิง
ราคาที่ต้องจ่ายคือปอดที่ถูกทําลายด้วยกระสุนลูกปลายสองนัด ซึ่งอาจส่งผลให้เขานอนเป็นผักไปทั้งชีวิต ถึงอย่างนั้นคําสัญญาที่ให้ไว้กับหยวนหัวในการช่วยส่งมอบบริษัทต่อหยวนเค่อก็ลุล่วงไปแล้ว
ถึงจะไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่คําสัญญาสําหรับเขานั้นมีค่ายิ่งกว่า อื่นใด
ในตึก
อาเซียวเดินลงไปที่ชั้นล่างและยิงล็อกประตูเหล็กด้วยกระสุนสองนัด
ภายในทางเดินอันมืดมิด เขายืนลังเลชั่วขณะก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปด้วยใจระส่ํา
ในห้องสุดทางเดิน หลี่จือนั่งมองประตูอย่างระแวงใจ