ตอนที่ 335 สิทธิพิเศษ? ฉันมีสิ่งเหมือนกันนะ!
ห้องสอบสวน
จ่าสิบเอกหญิงทิ้งผมของหลินเหนียนเลย “รู้ ไหมว่าเธออยู่ที่ไหน?! เรารับผิดชอบด้านข่าวกรองผู้ต้องหาในนี้มาเพื่อบอกความจริงฉันไม่เชื่อหรอกว่าปากเธอจะแข็งกว่าพวกเขา”
“ออกไปนะ!” หลินเหนียนเล่ยดิ้นไปมาพร้อม กับตะโกนใส่อีกฝ่ายด้วยดวงตาสีแดง… “ฉันต้องการฟ้องพวกเธอในข้อหาใช้ความรุนแรงและ กักขังหน่วงเหนี่ยว!”
“เอาสิ ไปฟ้องเลย!” จ่าสิบเอกหญิงคนที่ทิ้งผม กระชากเสื้อผ้าของหลินเหนียนเล่ยก่อนตะโกนใส่เพื่อนอีกคน“เชื่อมต่อลวดเอากล่องนั้นออก
มา!”
หลินเหนียนเล่ยกําลังโกรธอย่างมากในขณะนี้เธอก้มศีรษะลงกัดแขนอีกฝ่ายอย่างแรง
“โอ๊ย!”
จ่าสิบเอกหญิงแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“เพี้ยะ!”
จ่าสิบเอกหญิงอีกคนตบหน้าหลินเหนียนเลยสองสามครั้ง“แกกล้าดียังไงห้ะ?!”
ทั้งสองร่วมมือกันล็อกตัวหลินเหนียนเลยและกดนอนกับพื้นจากนั้นพวกเขาก็เตะท้องของเธอ
หลี่หยวนจือยืนกอดอกอยู่นอกประตูเฝ้าดูหลินเหนียนเลยโดยไม่พูดอะไรสักคํา
ในห้องหลินเหนียนเล่ยมองหลี่หยวนจือข้างนอกด้วยสายตาอาฆาตขณะกําหมัดแน่น
ห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่ง
ฉินอวก็กังวลกับสถานการณ์ตรงหน้ามากเพราะทหารสองสามคนที่เข้าไปในห้องไม่ได้คุยกับเขาเลยพวกเขาตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับอุปกรณ์เหล่านั้น
แม้ฉินอวจะมีประสบการณ์มากมายแต่เขายังไม่เคยเจอกับหน่วยข่าวกรองแบบนี้ดังนั้นเขาจึงมีความคิดสองข้ออยู่ในใจ
จะอดทนได้ไหม?
แล้วอาเซียวกับคนอื่นๆจะเป็นยังไง?
“นายจับไอ้นี่ไว้ ฉันจะถาม นายบันทึกไว้ส่วนนายมีหน้าที่เติมยา!”จ่าสิบเอกเริ่มออกคําสั่ง
“รับทราบ”
“เข้าใจแล้วครับ!”
ทุกคนพยักหน้า
หลังจากนั้นไม่กี่นาที
“อ้าก!”
เสียงคร่ําครวญดังขึ้นในห้องนั้น จากกระทําดังกล่าวมันก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงความแข็งแกร่งของการสืบสวนทางทหาร
ในห้องประชุมเล็ก
เฒ่าหลี่และคนอื่นต่างก็หมดหนทางเพราะกรมทหารไม่ได้กลัวอะไรเลย พวกเขากล้าที่จะยอมตายเพื่อจะไขคดีนี้
จะทําอย่างไร?
ทุกคนไม่มีความคิด ไม่มีกําลังหรืออํานาจพอ!
ชั้นบน
หลี่คู่กําลังนั่งอยู่ในห้องทํางานขณะจ้องมองแฟ้มประวัติฉินอวี่ ทันใดนั้นมีคนเข้ามาจากนอกประตู
“ว่าไง?” หลี่จี่กล่าวพร้อมกับมองขึ้นไป
“ผู้ต้องสงสัยเกือบจะสลบแล้วเราควรจะดําเนินการพิจารณาคดีต่อไปหรือไม่ครับ?!”
“ทําต่อไป!” หลี่ผงกศีรษะ “ไปบอกทุกคนข้างล่างว่าถ้าไม่ได้หลักฐานเราจะมีปัญหา!ให้พวกมันสารภาพให้ได้ในคืนนี้!”
“ผมคาดว่าน่าจะเกินขีดจํากัดของพวกนั้นแล้ว…ไม่เกินสองชั่วโมงพวกนั้นต้องสารภาพอย่างแน่นอน”
“พวกนั้นไม่มีใครมาช่วยได้แล้ว” หลี่จู่ลุกขึ้นยืน“ไปกันเถอะฉันจะลงไปข้างล่างกับนายด้วยรีบง้างปากให้ได้!”
หลังจากพูดจบ หลี่จู่ก็ก้าวไปข้างหน้าและเดินออกไป
“พี่บๆๆ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงใบพัดเสียงดังกระทบนอกหน้าต่างและมีแสงจ้าส่องเข้ามาในห้อง
หลี่จี้หันหลังไปเห็นเฮลิคอปเตอร์ลงจอดอยู่ข้างนอกเขาก็สบกด่าทันที “ให้ตายสิ นในแผนกเรากําลังใช้เฮลิคอปเตอร์อยู่รึเปล่า?”
“เดี๋ยวผมไปตรวจสอบให้!” ชายหนุ่มได้ตอบกลับ
หลี่จู่เดินหน้าบูดบึงออกจากห้องทํางานไป
ภายนอกอาคาร เฮลิคอปเตอร์ไม่ได้ลงที่จุดจอดเลยแต่กลับจอดตรงด้านหน้าประตูอาคารหลัก
ในห้องโดยสารชายวัยกลางคนวัยสี่สิบสวมเสื้อหนังนั่งอยู่ที่คนขับสวมกางเกงลายพรางและรองเท้าบูตหนังหัวเขาโล้นดูสะอาดตาเดินลงไปตามบันไดอย่างราบรื่น
“หยุดก่อน!”
ยามสี่คนที่ประตูอาคารหลักเดินออกมาห้ามไว้
“มาจากหน่วยไหน ใครบอกให้จอดเครื่องบินที่นี่”หัวหน้ายามเดินออกมาพูด
ชายวัยกลางคนที่ชื่อเสี่ยวผิงเหลือบมองอีกฝ่ายและไม่ตอบอะไร
ห้องโดยสารหลินเซียวคนที่เคยคุยกับฉินอวี่ในเฟิงเปยได้นํากองกําลังทางอากาศอีกสี่นายกระ โดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
เสี่ยวผิงเหลือบมองฝูงชนและรีบไปที่บันได
ทหารยกปืนขึ้นตามระเบียบ “นายเป็นใครขอบตรประจําตัวด้วย!”
เสี่ยวผิงเหลือบมองอีกฝ่ายพลางเดินต่อไป“ฉันไม่มี”
“บอกให้หยุดไง!” ทหารจ่อไปที่หัวของเสี่ยวผิง
“พลั่ก!”
ทหารกองทัพอากาศทางด้านซ้ายพุ่งเข้ามาปัดกระบอกปืนแล้วยกเข่าขึ้นแทงหน้าท้องอีกฝ่ายทันที“ไอ้โง่!แกไม่รู้จักที่ต่ําที่สูงเหรอ?!”
“พวกแกตาบอดกันรึไง! ดูหมายเลขเครื่องบินว่าเรามาจากไหน!” หลินเซียวจ้องตะโกนขณะผลักคนอื่นออกไปให้พ้นทาง
ยามทั้งสี่คนนั้นหันไปเมื่อได้ยินเสียง หลังจากเห็นหมายเลขที่อยู่ด้านข้างเครื่องบินพวกเขาก็ตกตะลึง
คนกลุ่มนั้นเดินเข้าไปในห้องโถง สวนกับพวกเฒ่าหลี่เฒ่าตงและคนอื่นที่เดินมากับทหารกลุ่มเล็กๆหลังจากประชุมเสร็จ
เฒ่าหลี่และเฒ่าตงที่ไม่ได้รู้จัก พวกเขาจึงไม่ได้สนใจอะไรในที่แรก
ทันใดนั้นหลินเซียวก็รีบเร่งถามอย่างรวบรัด“ใครเป็นทหารบ้าง?”
หัวหน้ายามตกใจ “พวกคุณคือ?”
“เรียกหัวหน้าแกออกมา!” หลินเซียวพูดอย่างรวบรัด“เรามาหาใครบางคน!”
“หัวหน้าไม่อยู่ที่นี่ พวกคุณกําลังมองหาใครอยู่?”
“แล้วสาวน้อยที่พวกแกเพิ่งจับได้ล่ะ…เธออยู่ไหน?”
หลินเซียวถามอย่างเร่งด่วน “คนจากซึ่งเจียงน่ะเธอชื่อหลินเหนียนเลย”
เมื่อเฒ่าหลี่และเฒ่าคงได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ตกตะลึงพลางหันมามองหน้ากัน
“หม..บ้าจริง! ปาฏิหาริย์ได้ปรากฏแล้ว”เฒ่าตงพูดอย่างตื่นเต้น
“เปิดตัวอย่างอลังการ แต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า!” เฒ่าหลี่ก้มศีรษะลงไปเกาจมูก
“พวกนั้นยังอยู่ในการสอบสวนของหัวหน้าหลี่พวกคุณเป็นใครกันแน่?” หัวหน้ายามขมวดคิ้วก่อนถามอีกครั้ง
“แสดงใบรับรองให้พวกเขาดู!” เสี่ยวผิงที่ไม่ได้พูดแต่แรกพูดโดยแสดงสีหน้าเรียบเฉย
ทหารของกองทัพอากาศก้าวไปข้างหน้าก่อนก้มหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมา
หลังจากนั้นไม่กี่นาที
หัวหน้ายามรีบตรงดิ่งไปที่ห้องสอบสวนด้วยท่าทางตื่นตระหนกก่อนตะโกนใส่หลี่จู่ตรงทางเดิน “หัวหน้าหัวหน้าหลี่!มีคนมาพวกนั้นอยู่ข้างล่าง!”
“ว่าไงนะ?!” หลี่จู่ที่กําลังดูการสอบสวนอยู่ก็หันกลับไปถาม“พวกมันเป็นใคร?”
“พวกมันมาเพื่อตามหาผู้หญิงคนนั้น!” หัวหน้ายามกระซิบบอกกับหลี่จู่ที่ข้างหู
“เล่นอะไรกันอยู่วะ?!” หัวหน้าหลี่โกรธมาก “คนอย่างแกเป็นหัวหน้าได้ยังไงเนี่ย?!”
ในขณะนั้นเอง มีเสียงตะโกนมาจากห้องประชาสัมพันธ์ทางซ้ายมือ
“อย่าเข้ามานะเว้ย!”
“บอกให้ออกไปรอข้างนอก!”
เสียงตะโกนในทางเดิน หลังจากที่หลินเซียวหยุดนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะรีบเดินขึ้นมา
“พยายามจะทําอะไร?” หลี่หยวนจือยื่นมือออกไปขวางทางไว้
“หลีกไป!”
หลินเซียวคํารามขณะผลักอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด
“บ้าเอ๊ย!”
หลี่หยวนจือชักปืนเล็กหัวอีกฝ่ายทันที
“อย่าขยับ!”
ทหารกองทัพอากาศที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็ล้วงปีนออกมาเล็งหลี่หยวนจือ
“แกกล้ายิงเหรอ?!” หลี่หยวนจือมองกลับไปพลางพูดด้วยความประหลาดใจ
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้นฉับพลัน
ทหารกองทัพอากาศพูดอย่างไร้อารมณ์ “แกคิดว่ากําลังคุยกับใครอยู่!”
หลี่หยวนจือถึงกับชะงัก
“ปิ้ง!”
หลินเซียวเตะประตูเข้าไปในห้องสอบสวน เหลีอบมองไปโดยรอบด้วยความตื่นตระหนกและเขาก็เห็นหลินเหนียนเล่ย
เธอนั่งเท้าเปล่า ผมยุ่งเหยิงใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือดปากเล็กๆก็มีรอยฟกช้ํา!
หลินเหนียนเลยจ้องหลินเซียวและตะลึงอยู่ครู่หนึ่งไม่กี่วินาทีเธอก็ตะโกนร้อง“พี่!”
“ไอ้พวกส้นตีน!”
หลินเซียวเตะจ่าสิบเอกทางซ้ายกระเด็นออกไปพลางดึงปืนออกมาแล้วคอกใส่อีกฝ่าย “ปลดกุญแจมือให้เธอ!”
จ่าสิบเอกหญิงตกตะลึง
“เปิดสิวะ!” หลินเซียวตาแดงก่า
จ่าสิบเอกหญิงไม่เห็นผู้ออกคําสั่งอย่างหลี่หยวนจือและหลี่ฉ่อยู่ในห้อง พวกเขาจึงยอมปลดกุญแจมือหลินเหนียนเล่ยทันที
หลินเซียวเอื้อมมือออกไปประคองเธอพลางดุหลินเหนียนเล่ย“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่รึไงว่าอย่าไปยุ่งกับไอ้พวกซ่งเจียง!ทําไมถึงไม่ฟังกันเลย?!”
หลินเหนียนเล่ยปาดน้ําตาขอเธอ ก่อนผลักหลินเซียวออกไปและวิ่งออกไปด้วยเท้าเปล่า
ในทางเดิน
ทั้งสองกลุ่มยังคงเผชิญหน้ากัน หนุ่มองไปที่เสี่ยวผิงและถามเสียงแหบ “คุณมาจากฝ่ายไหน?”
เสี่ยวผิงมองอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร
หลังจากที่หลินเหนียนเลยวิ่งออกไปโดยไม่พูดอะไรเธอก็ถูกแขนเสื้อขึ้นพลางคว้าคอเสื้อของหลี่หยวนจือ“ไหน!แกได้หลักฐานอะไรมา?!”
หลี่หยวนจือถึงกับชะงัก
“ฉันถาม ว่าแกมีหลักฐานอะไรไหม?!” หลินเหนียนเลยตะโกน“แกมีหลักฐานรึเปล่า?!”
หลินเหนียนเล่ยตบหน้าอย่างแรง “แกมีสิทธิพิเศษนักใช่ไหม?!วันนี้ฉันจะใช้สิทธิพิเศษกับแก เหมือนกัน!”
หลังจากที่หลิวหยวนจือถูกทุบตีอยู่พักหนึ่งเขาก็ยื่นมือออกไปคว้าแขนหลินเหนียนเล่ย
“ตุบ!”
หลินเซียวรีบวิ่งออกไปกระโดดถีบเอวของหลี่หยวนจือทันทีพร้อมกับเอื้อมมือไปกคอเสื้อไว้แน่นและผลักเขาไปที่ผนังโดยตรง
“ผัวะ”
หลินเหนียนเลยมีความแค้นอย่างมากกับทหารหญิงที่ถูกสั่งให้ทุบตีเธอ แต่เธอเลือกจะอยู่ด้านข้างหลินเซียวเพื่อตบตีหลิวหยวนจือเธอตบหน้าอีกฝ่ายเหมือนกับเสียงประทัดในทางเดิน
หลินเซียวกดตัวอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร
หนูคิดว่าชายคนนี้ต้องเป็นคนใหญ่คนโตและพอมีอํานาจอยู่บ้างเขาจึงไม่กล้าแสดงท่าทางเฉยเมยเขาทําได้แค่พูดด้วยใบหน้าเย็นชาว่า“ไม่ว่าคุณจะเป็นใครคุณจะไม่มีทางสั่งใครได้ถ้าการสอบสวนยังไม่เสร็จ!”
เสี่ยวผิงเหลือบมองหลินเหนียนเลยพลางก้าวหาหนูและถาม“นายทหาร นายมีหลักฐานอะไรที่จะจับใครได้บ้าง?”
หลี่อู่ตะลึงงัน
“ผัวะ!”
เสี่ยวผิงส่ายหัวก่อนจะตบหน้าหลี่จู่จนถอยไปสามก้าว
หลี่จู่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความกระวนกระวายใจโบกมือและตะโกนว่า “รวบรวมทุกคนมาที่นี่!”
“แกจะทําอะไร!”เสี่ยวผิงชี้ไปที่เขาและดุด่า“ทําแบบนี้แกคิดว่าจะรับผิดชอบงานด้านข่าวกรองได้อีกไหม?!”
หลี่ตะลึงงัน
“เธอเป็นหลานสาวฉัน แล้วจับเธอมาทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรแกยังมีสมองรึเปล่า?!” เสี่ยวผิงก่อนด่าอย่างโกรธเกรี้ยวขณะจองอีกฝ่ายเขม็ง “ถ้าคนของฉันต้องการตรวจสอบสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าบ้านั่นฉันยังต้องใช้พวกอันธพาลอีกเหรอ?!”
เมื่อสิ้นเสียงและบุคลากรของหน่วยข่าวกรองจํานวนมากก็รีบวิ่งไปที่ทางเดิน
“พวกทหารงุ่มง่ามทั้งหลาย” ทหารกองทัพอากาศหันกลับมาผายมือไปยังเสี่ยวผิงพลางตะโกนเสียงดัง “นี่คืออดีตผู้กํากับทางใต้ปัจจุบันเป็นผู้บัญชาการกองพลที่สองพลจัตวา 11 หลินเฉิงผู้ขับไล่ทหารสามพันนายของสหภาพยุโรป!”
หลี่จู่ได้ยินดังนั้นก็ตะลึงในทันที ส่วนเฒ่าหลี่และเฒ่าตงมองหน้ากันอย่างเงียบๆก่อนจะแสดงความคิดเห็น“ผมคิดว่าคุณแย่แล้วล่ะ”
พลจัตวา (brigadier general) :ระบบอังกฤษ เป็นชั้นยศระหว่างพันเอกกับพลตรีพลจัตวาถูกใช้เป็นยศในกองทัพบก,กองทัพเรือ,กองทัพอากาศและตํารวจซึ่งปัจจุบันไม่มีการใช้ยศพลจัตวาแล้วในประเทศไทย
MANGA DISCUSSION