Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 329 จับกุมเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ
ตอนที่ 329 จับกุมเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ
ฉินอวเตะซีโครงฝั่งซ้ายของชายหนุ่มไปแล้วจึงเอื้อมมือคว้าเก้าอี้ และจะฟาดไปยังอีกฝ่าย
“พวกแกจะทําอะไร? !” หลินเหนียนเลยรู้สึกตัวจึงยืนขึ้นพลางเอื้อมมือผลักชายอีกคนที่อยู่ข้างฉินอวี่
“อย่าขยับ”
“ผลบ!”
ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มอีกสามคนที่เหลืออยู่ต่างก็เป็นทหารกลุ่มซีกันทั้งหมด
ฉินอวี่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็นิ่งอยู่กับที่ทันที
“พลั่ก!”
ทันใดนั้นด้านข้างของกระบองไฟฟ้าฟาดเข้าที่หน้าของฉันอวอย่างจัง ตีจนแปลผลิและเห็นเนื้อ
“นายกล้าตีฉันเหรอ? !” หลินเหนียนเลยโมโหพลางเอื้อมมือคว้ากระบอง ชันเข่าขึ้นเตรียมจะใช้วิชาป้องกันตัวของผู้หญิง
ถึงอีกฝ่ายจะเห็นว่าหลินเหนียนเลยเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้ออมมือแต่อย่างใดพลางยกขาขึ้นแล้วเตะไป
“ตึง!”
หลินเหนียนเล่ยถูกเตะจนเซก่อนจะล้มลงบนเตียง
“แกทําร้ายผู้หญิงหาแม่แกเหรอ!”ฉินอวี่ยกเก้าอี้ขึ้นจะฟาด
“ผล็บ!”
ทันใดนั้น กระบองไฟฟ้าสองกระบองก็กระแทกบนตัวของฉินอวีและเห็นแสงสีฟ้าด้วยตาเปล่า
ตามความทรงจําต่อมาของฉินอวี่ทันทีที่กระบอกไฟฟ้ากระทบเข้าที่ตัวของเขาเขารู้สึกว่ากระดูกตัวเองร้าวจนระบมไปทั้งตัวแม้แต่ขนเจ้าโลกก็ไม่เว้น
“ตึง!”
ฉินอวี่ขาอ่อนจนล้มลงกับพื้นทันทีคนที่เหลือจึงพุ่งขึ้นมากดเขาเอาไว้แล้วใส่กุญแจมือทันที
หลินเหนียนเลยลุกขึ้นจากเตียงอีกครั้งด้วยใบหน้าแดงก่ําก่อนจะตะโกนอย่างโมโห “นี่พวกแกจะทําอะไรกันแน่มีสิทธิ์อะไรมาทําร้ายคนอื่นแบบนี้?”
ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้สนใจหลินเหนียนเลยแต่กลับตะโกนด้วยคําพูดห้วนๆ“เอาตัวมันไป”
เมื่อพูดจบ คนทั้งสี่ก็มากันยกฉินอวี่และพาเขาออกนอกประตูไป
“ถึงพวกแกเป็นคนเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายก็ดําเนินคดีด้วยวิธีแบบนี้ไม่ได้ ฉันจะบอกแกให้นะฉันเป็นนักข่าวพวกแกทําแบบนี้ได้เห็นดีกันแน่”
ท่าทางของหลินเหนียนเลยเหมือนแมวน้อยที่แยกเขี้ยวเหมือนเสือและกําลังขู่อีกฝ่ายอยู่
เจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าแสดงท่าที่หมดความอดทนหันกลับมาชกเข้าที่หน้าผากของหลินเหนียนเลยและด้วยความที่เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ก็เป็นไปได้ยากที่จะรับหมัดของผู้ชายร่างกําย่าได้แน่นอนอยู่แล้ว
“ตึง!”
หัวของหลินเหนียนเล่ยคาอยู่บนตู้ และรู้สึกมันหัวไปหมด
“รีบเดินเร็วเข้า!”
ชายที่เป็นหัวหน้าตะโกนจนทุกคนรีบออกจากอาคารไปหมด
“ไม่มีทางอื่นให้เล่นแล้วใช่ไหม? !” ตั้งแต่เล็กจนโตหลินเหนียนเลยไม่เคยรับมือกับใครมาก่อนพอถูกทําร้ายและเห็นฉินอวี่ถูกจับจึงเสียสติและรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที
นอกอาคาร
ทุกคนต่างรุมคุมตัวฉินอวี่เอาไว้และโยนเขาเข้าไปในรถออฟโรดที่สะอาดสะอ้านคันหนึ่ง
ทางข้างหน้ามีชายสวมชุดออกกําลังกายยืดอกเดินมา“กันไว้รึยัง?”
“กันไว้แล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้า
“ในบ้านยังมีคนอยู่ไหม?”
“มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ฉันไม่ได้สนใจ” ชายที่นําทางตอบกลับเสียงเบา“ข้างบนบอกแค่ให้จับมันมาไม่ใช่เหรอ?”
“ต้องให้ฉันบอกทุกเรื่องเลยรึไง นายไม่คิดบ้าง เหรอว่าผู้หญิงคนนั้นมันจะเป็นเพื่อนร่วมทีมกับไอ้หมอนี่? !” ชายสวมชุดออกกําลังกายขมวดคิ้ว“ไปจับตัวคนมาให้ฉัน”
“รับทราบ!”
ทุกคนได้ยินจึงกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
ชายในชุดออกกําลังกายยืนมองฉันอวอยู่ข้างนอกก่อนจะออกคําสั่ง“มานี่ ช่วยจับโทรศัพท์ให้ฉันหน่อย”
คนขับรถที่ยืนอยู่นอกรถคนหนึ่งได้ยินจึงรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาทันที
ชายหนุ่มพิมพ์รหัสที่จําเอาไว้ในหัวลงในโทรศัพท์และโทรออกไป
ผ่านไปหลายวินาที
“กริ้ง!”
เสียงกริ่งโทรศัพท์สบายหูดังขึ้นจากกระเป๋าของฉินอวี่
ฉินอวี่ถูกกดหัวเอาไว้ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงนิ่งอึ้งไปทันที ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าพี่เซียวต้องถูกจับตัวไว้แล้วแน่นอน
แต่อีกฝ่ายหาตัวเองเจอได้ยังไง?
หรือว่า…พี่เซียวสาวมาถึงตัวเองแล้ว?
ไม่ถึงสามนาที
หลินเหนียนเล่ยถูกใส่กุญแจมือ และบนหัวก็มีผ้าสีดําคลุมเอาไว้
“เดินไป เร็วหน่อย”
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” หลินเหนียนเล่ยต่อต้านด้วยความโมโห“ฉันขอเตือนแกนะถึงนายจะจับฉันง่ายๆแต่แกจะพาฉันกลับมาได้ยากแน่นอนถ้าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมฉะ…ฉะ…ฉันจะฟ้องพ่อ ของฉัน!”
“คุณนี่ก็ดูเหมือนกันนะ? !” ชายในชุดออกกําลังกายเดินเข้ามาพลางจับผมของหลินเหนียนเลย“คุณทําตัวให้มันดีๆหน่อยนะไม่งั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ…”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“เพี้ยะ!” ชายในชุดออกกําลังกายตบเข้าที่หัวของหลินเหนียนเล่ย“ถ้าแกตะโกนอีกฉันได้อุดปากแกเอาไว้แน่”
หลินเหนียนเล่ยถูกตีอีกครั้งก่อนจะเงียบลงและไม่พูดไม่จาอีก
ภายในรถ ฉินอวี่ตะโกนเสียงดัง“พวกนายทําร้ายผู้หญิงทําไม? !เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไร”
“งั้นนายรู้เหรอ?” คนขับรถถาม
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นนักข่าว เรา…”
“ตึงตึงตึง!”
ฉินอวี่ยังพูดไม่ทันจบ ก็มีชายร่างบึกบนที่นั่งอยู่เบาะหลังประกบซ้ายขวาก็ชี้มาที่ท้ายทอยของเขาและทางขวาก็ชกเข้าที่ท้องของเขาทันที
ผ่านไปสักพัก
เมื่อทุกคนขึ้นมาบนรถแล้วก็รีบขับออกไปทันที
ตลอดทั้งทาง
ฉินอวี่ถูกกดหัวเอาไว้ และแน่นอนว่าต้องมอง ไม่เห็นข้างทางทั้งสองข้างตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดัง นั้นจึงไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกําลังขับรถไปที่ไหน
ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไป ขบวนรถถึงจะ ค่อยๆ จอดลง
“แอ๊ด!”
ประตูรถถูกเปิดออก ชายที่คุมตัวฉินอวี่ทางด้านขวาลงรถก่อน จากนั้นก็ก้มหน้าล้วงกุญแจออกมาและไขกุญแจมือด้านซ้ายของฉินอวี่ออกก่อนจากและล็อกเข้าที่มือของตัวเอง“มามานี่ลงมา”
ฉินอวีถูกลากลงจากรถอย่างทุลักทุเลพลางเหลือบมองไปรอบๆ ถึงได้เห็นว่าตัวเองถูกพามาที่ด่านกองทัพทหารเมืองซ่งเจียงเพราะตรงที่ข้างๆไม่ไกลก็มีป้ายขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้
“ก้มหน้าลง” เมื่อชายหนุ่มเห็นฉินอวรมองไปยัง ที่ไกลๆ จึงเอื้อมมือกดหัวของเขาทันที“ถ้านายยังไม่เข้าใจกฎอีกอีกอย่าหาว่าฉันล่ามโซ่นายด้ว ยการบังคับนะฉันบอกให้นายก้มหน้าลง”
ฉินอวี่ตะลึงอยู่ในใจและไม่เข้าใจว่าทําไมอีกฝ่ายถึงต้องพาตัวเองมาที่กองทัพทหาร
ทุกคนเดินอย่างเร่งรีบตลอดทั้งทาง และเมื่อเดินผ่านสนามฝึกซ้อมไปสองสนามก็มาถึงลานจอดเครื่องบินโดยสาร
ฉินอวี่เงยหน้าขึ้นพลางมองเฮลิคอปเตอร์ที่จอดไว้ตั้งนานแล้วและทันใดนั้นเขาก็นิ่งไปและในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าพี่เชียวชายแก่สองคนที่ถูกพี่เซียวฆ่ามีอํานาจมากแค่ไหน
สิบกว่านาทีผ่านไปจนถึงตอนที่เครื่องบินบินขึ้นและมุ่งหน้าไปยังเมืองชางจีทันที
ในกองกํากับการ
จู่เหว่ยถือโทรศัพท์ขึ้นมาพลางถาม “พี่ฮัวพี่แน่ใจนะว่าฉินอวี่ถูกจับจริงๆ?”
“ฉันมั่นใจ”พี่ฮัวเจ้าของร้านขายเนื้อคุยโทรศัพท์ด้วยน้ําเสียงรีบร้อน“มีรถมาหลายคันเลยล่ะพวกมันเข้าไปในบ้านแล้วก็พาคนออกไปเลยแล้วผู้หญิงคนที่สนิทกับฉินอวีก็ถูกจับไปด้วยเหมือนกันฉันยืนมองอยู่ตรงหน้าและเห็นกับตาเลยล่ะ”
จู่เหว่ยได้ยินจึงนิ่งไป“เล่ยเลยถูกจับเหรอ?นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? !”