Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 315 มุมมองของเฒ่าเบี้ย
ตอนที่ 315 มุมมองของเฒ่าเบี้ย
เป่ยเตอหยงหันกลับมามองฉวีหยางก่อนพูดบางอย่าง “การตายของเว่ยจือเป็นอุบัติเหตุ”
“เป็นอุบัติเหตุงั้นเหรอ?” ฉวีหยางตอบขณะนั่งบนโซฟาด้วยเสียงสั่นเทา “พี่เป่ยฉันจะไม่ขออะไรอีก ขอแค่ตอนนี้พี่ต้องพูดความจริงกับฉัน”
“ที่ฉันบอกนายคือความจริง” เป่ยเตอหยงเงยหน้าขึ้นอธิบายโดยละเอียด “ฉันกําลังจะโทรบอกลูกน้องฉันว่าคนขับสองคนจากนอกเขตนั่นเป็นตัวปลอม คืนนั้นเว่ยจือบังเอิญรู้ข่าวขณะดื่มกับพวกนั้นเขาเลยรายงานฉินอวและก็เข้าไปในที่เกิดเหตุจนทําให้ตัวเองตายแบบนั้น”
ฉวีหยางนั่งฟังโดยไม่พูดอะไรสักคํา
“พวกลูกน้องเห็นเว่ยจือก็คิดว่าเขาเปิดเผยข่าว ดังนั้นเขาจึงยิงใส่…” เป่ยเตอหยงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “มีหลายปัจจัยที่ฉันไม่ได้คาดคิด มันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ”
ฉวีหยางจ้องหน้าเบี้ยเตอหยงและยังคงไม่พูดอะไร
“นายน่ะยังสับสน…แต่เว่ยจือเป็นคนทรยศจริงๆ” เป่ยเตอหยงเดินมองวิวข้างนอกอย่างเชื่องช้าพลางพูดด้วยเสียงแหบ “นี่ก็เลยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ไอ้ลูกน้องพวกนั้นมันกล้ายิงเว่ยจือโดยที่ยังไม่ได้รับคําสั่งจากพี่เนี่ยนะ?!” ฉวีหยางยืนขึ้นถามทันที
“ฮ่าฮ่า!”
เป่ยเตอหยงหัวเราะพลางถาม “ทําไมลูกน้องฉันถึงทําอย่างงั้นล่ะ?”
ฉวีหยางนิ่งไป
“พวกที่ทํางานใกล้กับความตายก็พวกลูกกะจอกพวกนี้แหละ” เป่ยเตอหยงชี้ฉวีหยาง “ลูกกะจอกห้าคนต้องไปฆ่าคนขับรถ พวกนั้นตายสามแถมยังมีคนถูกจับอีก พวกนั้นสูญเสียมากมายเมื่อรู้ว่าเว่ยจือทําแบบนั้น ถ้าเป็นนายจะทํายังไง?”
ฉวีหยางกําหมัดแน่นไม่พูดอะไร
“พวกนั้นไม่ใช่ลูกน้องที่จงรักภักดีกับฉัน พวกมันจงรักภักดีเพราะเงินต่างหาก” เป่ยเตอหยงพูดอย่างกระชับ “พวกนั้นจําเป็นต้องแก้แค้นนะ ยังจะต้องมาถามฉันอีกเหรอ?”
“ตามที่พี่คาดไว้ คนขับสองคนนั้นพี่รู้อยู่แล้วว่าเป็นพวกของฉินอวี่ใช่ไหม?” ฉวีหยางถามด้วยเสียงแหบ
“เปล่า ฉันแค่ไม่แน่ใจ” เป่ยเตอหยงขมวดคิ้วพูด “ฉันเชื่อจริงๆ ว่าคนขับสองคนที่ฉินอวี่จับได้ คือตัวจริง ไม่งั้นฉันจะยอมเสียเงินจ้างคนมากขนาดนั้นทําไม? แล้วนายมาถามแบบนี้หมายความว่าไง?”
ฉวีหยางได้ยินดังนั้นก็เงียบอีกครั้ง
เปียเตอหยงก้าวไปหาฉวีหยางก่อนจะถามหลังจากหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นายคิดว่าการตายของเว่ยจือมันไม่ยุติธรรมใช่ไหม?”
ฉวีหยางจ้องอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
“ฉันไม่ได้รู้สึกผิด” เป่ยเตอหยงหันกลับและเดินไปหน้าโต๊ะ “จะทรยศหรือจงรักภักดีก็เกิดได้หมด แต่ฉันไม่ได้มองว่าเว่ยจือทรยศนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องนะ เขาทําแบบนั้นอาจสร้างความเสียหายอย่างมากต่อผลประโยชน์ของบริษัทเรา ถึงเขาจะตายด้วยอุบัติเหตุในวันนี้เขาก็ตายด้วยคนนั้นอยู่ดี”
“หยุดพล่ามได้แล้ว!” ฉวีหยางคําราม “เพราะเว่ยจือฟังฉัน เลยทําให้เขาเป็นแบบนี้”
“ฮ่าฮ่า” เป่ยเตอหยงหัวเราพลางหันมองฉวีหยาง “นายให้ความสําคัญกับความสัมพันธ์มากเกินไปแล้วนะ”
ฉวีหยางก็เศร้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ฉวีหยางฉันเคยเป็นเหมือนนาย ฉันก็มีเพื่อนเหมือนกับเว่ยจือเราทั้งคู่จบการศึกษาจากโรงเรียนในกลุ่มเดียวกันและมาทํางานโรงพยาบาลซ่งเจียงด้วยกัน” เป่ยเตอหยงยืนอยู่หน้าฉวีหยางพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเราอยู่ในหน่วยงาน เราทั้งคู่ต่างก็เป็นคนใหม่ จึงต้องระมัดระวังในการทํางาน แถมทํางานหนักเพื่อปรับปรุงความสามารถในหน้าที่การงานของเราคิดแค่ว่าฉันไม่อยากลำบากแบบเมื่อก่อน ต่อมาเราทั้งคู่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นจนพอสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรในโรงพยาบาลได้…แต่ปัญหาก็เข้ามา”
ฉวีหยางขมวดคิ้วพลางฟังอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน
“เพราะเราทั้งคู่ก็ต่างอยู่ในสายวิชาชีพและเรียนมาด้วยกัน เมื่อถึงจุดหนึ่งเราไม่กังวลเรื่องการกินการดื่มอีกแล้ว เพราะทางขึ้นไปนั้นมีแต่แคบลงเรื่อยๆ” เป่ยเตอหยงกระซิบ “มีตําแหน่งรองผู้อํานวยการแผนกใหม่ในโรงพยาบาล… เราทั้งคู่มีโอกาสเป็น”
ฉวีหยางนิ่งอึ้ง
“ตําแหน่งสูงขึ้นสวัสดิการก็ย่อมดีขึ้น นอกจากเงินเดือนแล้วยังจะได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มเติม ฉันยังถูกมองว่าเป็นพรสวรรค์หลักในโรงพยาบาล ฉันจึงถูกส่งไปศึกษาต่อ” เปยเตอหยงพูดขณะถอนหายใจเบาๆ “ฉันกระตือรือร้นมากสําหรับโอกาสนี้เพราะฉันต้องการตําแหน่งนี้ จริงๆ ก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนคนนี้ก็ต้องการเหมือนกันแต่เขาบอกให้ฉันเป็นก่อน เขาไม่รีบร้อนจะแต่งงานและไม่ได้มีภาระอะไร…สิ่งที่ฉันคิดอยู่ในตอนนั้นคือ ไม่ ว่าจะเกิดอะไรในอนาคต เมื่อเขามีปัญหาฉันก็พร้อมจะช่วยเขา”
ฉวีหยางก้มหน้าและฟังอย่างตั้งใจ
“หนึ่งเดือนต่อมา ขณะฉันกําลังเขียนวิทยานิพนธ์เพื่อได้รับโอกาสนี้ แผนกวินัยของ โรงพยาบาลก็มาคุยกับฉันว่าฉันได้รับสินบนระหว่างการผ่าตัดและไม่ได้รักษาผู้ป่วยจริง” เป่ยเตอหยงพูดด้วยเสียงสั่นเทา “ตอนนั้นฉันมืดแปดด้าน ต่อให้อธิบายยังไงก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็ถูกพักงาน…จนมารู้ทีหลังว่าเงินค่าสินบนเป็นเงิน แฟนสาวของเพื่อนฉันเองยัยนั่นคิดจะต่อรองฉันนิดหน่อย แต่เธอไม่คิดว่าจะทําลายอนาคตฉัน อ่อ.ฉันลืมบอกไปเพื่อนรักฉันคนนี้แหละที่เป็นคนรายงานเรื่องผู้ป่วยคนนั้น”
ฉวีหยางตกตะลึง
“ที่พูดมา ฉันแค่อยากจะบอกนายว่า เมื่อโอกาส มิตรภาพ ความรัก ความเสน่หาไม่ใช่ ความสําคัญอีกต่อไป เมื่อมีโอกาส นายจะเจอแบบฉันอย่างแน่นอน”เป่ยเตอหยงยืนแฟ้มข้อมูลบางอย่างให้ฉวีหยาง ขณะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มนุษย์นั่นมีทุกด้านความไว้ใจอันมีค่าของบางคนอาจเป็นแค่บันไดให้อีกฝ่ายก้าวเหยียบได้เสมอ…จงใช้ชีวิตด้วยการไว้ใจแค่ตัวเราเองเท่านั้น”
ฉวีหยางมองด้านข้างเป่ยเตอหยงและไม่ตอบอะไร
เป่ยเตอหยงเดินนําฉวีหยางไปตรงหน้าต่างอีกครั้ง “ดูถนนนี่สิ คนหาเช้ากินค่ําแบบวันต่อวัน คนรายได้น้อยก็จําเป็นต้องทํางานให้คนที่มีเยอะกว่า ฮ่าฮ่า! นายกับฉันโชคดีแล้วเราสามารถมองพวกนั้นได้จากด้านบนแบบนี้ แทนที่จะเป็นปืนให้คนอื่น แต่เราได้เป็นตัวทําเงินให้คนอื่นเพื่อบงการคนเหล่านั้น”
“ฉันไม่ใช่เบี้ยของพี่หรอกเหรอ?” ฉวีหยางถามด้วยเสียงแหบ
“ใช่ นายคือเบี้ยของฉัน” เบี้ยเตอหยงพยักหน้า
ฉวีหยางตะลึงไปครู่หนึ่ง
“แต่ฉันก็เป็นเบี้ยของนายเหมือนกัน” เป่ยเตอหยงกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม “ทิ้งความรู้สึกไปแล้ว พูดถึงเรื่องผลประโยชน์ดีกว่า ถ้านายเป็นไส้ศึกให้ฉัน ฉันจะให้ทางออกที่ดีกับนาย”
“ยังไงล่ะ?”
“นายไม่ใช่หรูเวินเซิง” เป่ยเตอหยงตบกระเป๋าเสื้อของเขา “พอตรงนี้เต็มแล้ว เราก็จะถอนตัว”
ในสถานรับเลี้ยงเด็กที่ภูเขาช่างจี
ต้าส่วงยืนอยู่ที่มุมมืด ก่อนย่องไปรัดคอของยามคนหนึ่ง “ชื่อเหมาจื่ออยู่ห้องไหน?!”