Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 308 แผนการของคุณชายอรี่
ตอนที่ 308 แผนการของคุณชายอรี่
นอกรถ
ฉินอวี่จ้องเขม็ง “ให้ตายเถอะทําไมถึงเป็นเว่ยจือได้ล่ะ?”
ชายหนุ่มที่ถูกยิงในรถก็คือเว่ยจือที่เป็นหัวหน้าของฉวีหยางและเป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปีและเขาเพิ่งจะโทรรายงานฉินอวี่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” แมวเฒ่ายังคงมองเว่ยจือด้วยแววตาที่ตกใจอย่างบอกไม่ถูก“เกิดอะไรขึ้นกับฉวีหยางกันแน่ทําไมอีกฝ่ายต้องฆ่า เว่ยจือด้วย?!”
“ระหว่างทางที่ฉันกําลังมา เว่ยจือก็โทรมาหาฉันและบอกฉันว่าคืนนี้เปยเตอหยงต้องออกล่าแน่นอน” ฉินอวี่กลืนน้ําลาย“หรือว่า…ฉวีหยางอยากจะร่วมงานกับเราจริงๆและเขาก็คิดดีแล้ว”
“งะ…งั้นจะทํายังไงต่อดีล่ะ?”แมวเฒ่ายักไหล่
เมื่อฉันอวี่รู้สึกตัวขึ้นก็รีบตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ตํารวจคนอื่นๆทันที “คุมสถานการณ์ไว้ให้ดี แจ้งแพทย์นิติเวชและเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพให้เข้ามา เก็บรายละเอียดทันทีด้วย”
“รับทราบ” เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างๆ พยักหน้า
“ต่อจากนี้…ก็คงจะดุเดือดจริงๆ แล้วล่ะ” ฉินอวี่มองร่างของเว่ยจือพลางถอนหายใจ
เกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป
บนถนนรอบนอกของรัฐพื้นทมิฬ ฉินอวี่แมวเฒ่าหม่าเหลาเอ๋อและจู่เหว่ยอยู่ด้วยกันและทั้งสี่คนก็ได้ปรึกษาหารือกันขึ้น
“ฉันมองเรื่องนี้ไม่เข้าใจจริงๆ” หม่าเหลาเอ๋ออธิบายให้ฉินอวี่ฟัง“นายเคยบอกอย่างมั่นใจเลยไม่ใช่เหรอว่าฉวีหยางต้องเป็นหนอนบ่อนไส้แน่นอน อยากจะร่วมมือกับเบี้ยเตอหยงเพื่อกําจัดเราไม่ใช่เหรอ? แต่ตอนนี้ทําเว่ยจือถึงโดนพวกเดียวกันฆ่าตายได้ล่ะ?”
ฉินออธิบายขณะสูบบุหรี่ไฟฟ้า“เรามาพิสูจน์เรื่องนี้กันหน่อยละกัน”
“นายว่ามาสิ” แมวเฒ่าพยักหน้า
“อย่างแรกก็คือ ก่อนหน้านี้ฉวีหยางบอกว่าอยากจะออกจากพวกของเปียเตอหยง และยังสามารถร่วมมือกับเราเพื่อกําจัดอีกฝ่ายด้วยเรื่องนี้ฉันไม่เชื่อจริงๆ”ฉินอวอธิบายอย่างละเอียด “ทําไมน่ะเหรอก็เพราะว่าตอนนั้นเรายังได้ผลประโยชน์อยู่บ้างและยังไม่ทันได้เดินก้าวหน้าต่อฉวีหยางก็มาหาเราถึงที่ทันที ไม่เพียงแต่รับปากว่าจะเข้าร่วมทีมของเราอีกอย่างยังยอมที่จะกําจัดเป่ยเตอหยงกับเราด้วยเรื่องแบบนี้…มันไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ มันราบรื่นเกินไปน่ะนายเข้าใจไหม?”
“ฉันเข้าใจ” แมวเฒ่าพยักหน้า
“ฉันน่ะเป็นคนนิสัยเสียแบบนี้แหละยิ่งมีส่วนได้ส่วนเสียมากเท่าไหร่ก็ยิ่งระวังมากเท่านั้น” ฉินจิ้นพูดเสียงเบา“ดังนั้นฉันเลยตัดสินใจจะลองใจฉวี หยางสักหน่อยว่ามันอยากเปลี่ยนฝั่งจริงๆหรือแค่แสดงเท่านั้นฉันวางแผนสรุปแผนการกับหม่าเหลาเอ่อบอกให้มันหามือปืนมาแล้วให้มือปืนในรัฐพื้นทมิฬทั้งสองคนย้ายกลับมาจากนอกเขตจากนั้นค่อยประจําอยู่ในโรงแรมทมิฬและแกล้งทําตัวเป็นคนร้ายที่ถูกกักขังจากนั้นค่อยจงใจทําให้ฝั่งของเปียเตอหยงและหยวนเค่อร้อนรนใจ”
“นายพูดต่อส” ก่อนหน้านี้รู้เหว่ยรู้แค่ว่าฉันอรี่วางแผนไว้แล้วส่วนหนึ่งดังนั้นในใจตอนนั้นจึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“หลังจากที่ฉันยืดเยื้ออยู่สามวันแล้วค่อยบุกไปหาฉวีหยางแล้วบอกมันว่าคนที่ฉันจับได้คือคนขับรถที่เคยขนส่งเด็กแปดคนนั้น”ฉินอวพูดต่อพลาง เอามือประสานกัน “เพื่อเป็นการตบตาฉันเลยย้ายจ่าวเปากับถังหยวนไปอีก อ้างว่าพวกเขาทิ้ง เบาะแสไว้ให้ฉันฉันเลยสืบคดีนี้ต่อได้”
“การโน้มน้าวแค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉวีหยางไม่ เชื่อแน่นอน เพราะนี่เป็นแค่สิ่งที่นายพูดอย่างเดียวและไม่มีหลักฐาน”แมวเฒ่าเอ่ยปากพูดแทรก
“ใช่”ฉินอวพยักหน้า“ฉะนั้นฉันจึงเลยได้ว่านี่ไม่ใช่หมากที่เตรียมพร้อมสําหรับกระดานนี้ตั้งแต่แรกแล้ว”
“ฉันเป็นคนจับลูกน้องของพวกขายยาได้คนหนึ่ง”หม่าเหลาเอ่ออธิบายต่อจากฉินอวี่ “มันอยู่ในกํามือฉันตั้งนานแล้วคนที่โกหกในบริษัทนี้ด้วยบอกว่าแม่ของตัวเองตายก่อนจะกลับไปที่ช่างจี”
“พอมีลูกน้องคนนี้ ฉันเลยบอกกับฉวีหยางได้ ว่าเขาส่งคนขับรถกลับซ่งเจียงไปแล้วเพราะก่อนหน้านี้พวกมันเป็นพวกค้ามนุษย์เหมือนกันก็ต้อง ติดต่อกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว” ฉินอวี่เอามือประสานกันพลางอธิบายด้วยแววตาที่เป็นประกาย “พอฉวีหยางได้รับข่าวจากฉันแล้วมันต้องพิสูจน์หลัก ฐานแน่นอนว่าฉันเกี่ยวข้องกับสาเหตุการหายไปของลูกน้องคนนี้หรือไม่”
“ฉันเข้าใจแล้ว”เมื่อแมวเฒ่าฟังถึงตรงนี้แล้วจึงนึกขึ้นได้ทันที“ระยะเวลาที่ลูกน้องคนนั้นหายตัวไปเป็นเวลาก่อนที่ฉวีหยางบอกว่าตัวเองจะทําการเปลี่ยนฝ่ายฉะนั้นขอแค่มันพิสูจน์หลักฐานเรื่องนี้แล้วก็จะไม่สงสัยนายอีกต่อไป”
“ใช่” ฉินอวี่พยักหน้า “พอจัดการเรื่องพวกนี้เสร็ จฉันก็รอให้เป่ยเตอหยงส่งคนมาจัดการทันทีเพราะถ้ามันไม่รู้ว่าคนที่ถูกจับคือใครแบบนั้นต้องเสี่ยงแน่นอนแต่มันต้องรู้ว่าในมือของฉันมีคนขับรถสองคนนั้นอยู่และต้องรู้ว่าจ่าวเปาให้ความร่วมมือในการเป็นพยานให้ฉันด้วยเลยต้องเสี่ยงเพื่อกําจัดปัญหาออกก่อน”
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ” จี้เหว่ยพยักหน้า
“ตอนนั้นสถานการณ์มีอยู่แค่สองอย่างอย่างแรกคือถ้าคนของเป่ยเตอหยงบุกเข้ามาฆ่าปิดปากแสดงว่าฉวีหยางต้องแกล้งทําเป็นเปลี่ยนฝั่งแน่นอน และที่มาคลุกคลีกับเราก็เพื่อหลอกให้เราหลงกลเท่านั้นอย่างที่สองก็คือถ้าคนของเปียเตอหยงไม่ได้เข้ามาฆ่าปิดปากงั้นก็แสดงว่าฉวีหยางอยากจะแยกออกจากมันและร่วมมือกับเราจริงๆ” ฉินอวี่เอามือประสานกัน“ฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเราก็ไม่เสียเปรียบอะไรเลยแต่ฉัน…ไม่คิดเลยว่าเว่ยจือจะตายวันนี้”
ทุกคนได้ยินแล้วจึงคาดเดาอยู่ในใจว่าฉินอวี่จะพูดอะไรต่อ
“เหลาเอ่อ สรุปแล้วความสัมพันธ์ของเว่ยจี อกับฮวีหยางเป็นยังไงกันแน่?” จู่ๆ ฉินอวก็เงยหน้าพลางถาม“นายรู้บ้างไหม?”
หม่าเหลาเอ๋อครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะตอบกลับอย่างเด็ดขาด“ความสัมพันธ์ของฉวีหยางกับเว่ยจือก็เหมือนความสัมพันธ์ของนายกับฉันนั่นแหละ”
แมวเฒ่ากับเหว่ยได้ยินจึงรวมหัวปรึกษากัน
“นายแน่ใจได้ยังไงว่าพวกมันสองคนมีความสัมพันธ์แบบนี้?”ฉินอวถามต่อ
“ฉันมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าความสัมพันธ์ของพวกมันสองคนต้องเป็นแบบนี้แน่นอน!” หม่าเหลาเอ๋อตอบกลับอย่างไม่ลังเล“ตําแหน่งของฉวี หยางในบริษัทของเปียเตอหยงมีห้าส่วนที่เว่ยจือเป็นคนปั้นขึ้นมาฉวีหยางเลยตอบแทนด้วยการแบ่งหุ้นส่วนบ่อนให้เว่ยจือครึ่งหนึ่งแล้วนายว่าถ้าไม่ไว้ใจจริงๆ ใครจะทําแบบนี้ล่ะ?”
ฉินอวี่ฟังจบแล้วจึงเอ่ยปากถามขณะสูบบุหรี่ “แมวเฒ่า นายได้สังเกตรถที่เข้ามาในสนามของอีกฝ่ายไหม?”
“ตอนนั้นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่นตระหนก ฉันเลย ไม่ได้ยุ่งกับรถคันนั้นและเป็นเพราะมันอยู่ไกลเกินไปด้วย”แมวเฒ่าตอบกลับด้วยเสียงเบา“แต่ฉัน จําลักษณะพิเศษของมันได้นะ!”
“งั้นนายว่ามา!”
“เป็นรถเก๋งสีเทาหนึ่งคัน” แมวเฒ่านึกย้อนด้วย ความตั้งใจ “ป้ายทะเบียนเป็นของซ่งเจียงเลขตัวสุดท้ายคือเลขเจ็ด!”
ฉินอวี่ได้ยินแล้วจึงหันหน้าไปทางนอกหน้าต่าง “ฉันเห็นคนที่ฆ่าเว่ยจือแล้ว เดี๋ยวตอนที่พวกมันจะไปก็ต้องนั่งรถคันนี้แน่นอน”
ทุกคนพากันอึ้งไปสักพัก
“คนที่ฆ่าเว่ยจือก็คือคนของเป่ยเตอหยง ฉันเดาเรื่องนี้ไม่ผิดแน่นอน”ฉินอวี่ขมวดคิ้ว “แล้วถ้าเว่ยจือกับฉวีหยางจะแตกหักกันขนาดนี้งั้นก็แสดงว่าฉวีหยางกับเป๊ยเตอหยงไม่ได้ลงรอยกันมันอยากจะเปลี่ยนทีมจริงๆส่วนฉันก็คิดมากเกินไป”
“แต่จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกสิ ถ้าฉวีหยางอยากจะ เข้าร่วมทีมของเราจริงๆ แล้วเป่ยเตอหยงจะรู้ข่าวที่คนขับรถสองคนถูกจับได้ยังไงล่ะ? อีกทั้งยังส่งคนมาฆ่าปิดปากอีกด้วย”แมวเฒ่าถามพลางขมวดคิ้ว
ฉินอวี่สูบบุหรี่“หรือว่า…ในสมาชิกตํารวจจะมีคนของเป่ยเตอหยงอยู่ นอกจากสี่พวกเราสี่คนแล้วใครก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”