Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 294 สี่ประโยคหนึ่งแสนหยวน
ตอนที่ 294 สี่ประโยคหนึ่งแสนหยวน
เว่ยจือรีบวิ่งออกจากห้องด้านหลังขณะถือปืน ไปด้วย หลังจากใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว “วันนี้ฉัน จะต้องจัดการมันให้ได้”
“หยุดก่อนเถอะ!”
“ฉวีหยาง ไม่ต้องมาห้ามฉัน ไอ้แก่หวังหงนั่น มันไม่รู้ที่ต่ําที่สูงเองต้องเจอกับฉันนี่!” เว่ยจือกัดฟันแน่น “บัดซบจริงๆ มันกล้าตีหัวฉัน” “ใจเย็นก่อน” ฉวีหยางขมวดคิ้ว
“จะให้ใจเย็นได้ยังไง?! เห็นไหมว่ามันทํากร่างใส่ฉัน!” เว่ยจือพูดพลางชี้ไปที่แผลบนศีรษะของ เขา “ดูนี่สิ เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
ฉวีหยางเหลือบมองหัวของเว่ยจือ “นายวางปืนลงแล้วฟังฉันก่อน โอเคไหม?”
เว่ยจือจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาแค้นเคืองเขากําด้ามปืนแน่น “พูดมา”
“ตอนนี้เรายังทํางานกับเฒ่าเปยอยู่และหวังหง มันก็อยู่กับเขาตลอด ถ้านายไปฆ่าหมอนั่นตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น? คิดดูสิ!”
“มันคิดจะเป็นศัตรูตั้งแต่มันตีหัวฉันแล้วไม่ใช่ไง?!” เว่ยจือคําราม
“ถือปืนไปแบบนี้มันจะดีเหรอ? ใครเขาจะฟัง?!” ฉวีหยางคว้าปืนในมือของเว่ยจือพลางขมวดคิ้ว “ฉันจะพานายไปเคลียร์เอง ตกลงไหม?”
“นี่นาย…” เว่ยจืออ้าปากค้างก่อนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เออ…จะทําอะไรก็ทําละกัน”
“โอเค ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามฉันมา” ฉวีหยางตบไหล่เว่ยจือเบาๆ
ในฮ่งเจียง
ฉินอวี่หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหม่าเหล่าเอ๋อ “เตรียมเงินหนึ่งแสนหยวนให้ฉันหน่อยและฉันจะยักยอกไว้สักหนึ่งเดือน
“เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ฉันต้องขอให้อาเซียวช่วยทําอะไรบางอย่างให้” ฉินอวี่ตอบอย่างไม่อ้อมค้อม
“เสี่ยวอรี่ ฉันว่าตอนนี้ยังไม่น่าจะเบิกงบได้มาก ขนาดนั้น” หม่าเหลาเอ๋อกล่าวด้วยน้ําเสียงกระอักกระอ่วน “เราเสียเงินไปกว่าสามแสนหยวนและเงินนั้นเป็นหนี้ของครอบครัวโกโก้ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กันมาสักระยะหนึ่ง ถ้านายไปเบิกเพิ่ม…จากหนี้ครั้งที่แล้วมันจะไม่เป็นการดีนะ
เมื่อฉันอรี่ได้ยินเรื่องนี้เขาก็หดหู”เสี่ยวอวี่ ฉันว่ายังพอมีทางออกนะ”หม่าเหลาเอ่อกระซิบ”เส้นทางการค้าแบบนี้เรื่องการหมุนเวียนเงินเป็นเรื่องธรรมดา แต่นายที่เป็นถึงผู้กํากับของสํานักงานตํารวจรัฐพื้นทมิฬ แค่ออกไปข้างนอกก็คงหาเงินได้ไม่ยากมั้ง“ฉินอวี่เงียบ”หาเก็บส่วยจากพวกบ่อนไม่ก็ตามผับตามบาร์สักสองสามวัน ก็มีเหลือใช้แล้วไม่ใช่รึไง?“หม่าเหลาเอ๋อขมวดคิ้วที่นี้ แสนเดียวนายจําเป็นต้องไปยืมอยู่ไหม?”ฉินอรี่ส่ายหัว”ฉันไม่อยากทําแบบนี้”นี่เพื่อน…มีบ่อนไหนไม่รับแทงบ้าง ถ้านายไม่ไปเก็บก็ให้คนอื่นเชิดเงินไปแทนละกัน” ข่าวแย่ๆ มันจะกระจายออกไปละสิ นั่นเท่ากับทําร้ายตัวเองทางอ้อม”ฉินอวี่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น”เรื่องพวกนี้ถ้าจะทํามันก็ทําได้แถมยังได้เงินเยอะในเวลาอันสั้น แต่มันเป็นการทําลายชื่อเสียงตัวเองง่ายๆเลยล่ะ”นายมักจะคิดแตกต่างจากฉันเสมอ“หม่าเหลาเอ๋อยิ้ม หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเขาก็พูด”งั้นฉันจะหากู้เงินโดยจะยื่นจํานองที่ดินตระกูลฉันบางส่วน และเอาเงินแสนมาให้นายละกัน”จะบ้าเหรอ?! ไม่เอาหรอก”ฉินอวี่ส่ายหัว”นายไม่ต้องถึงกับเอาบ้านบรรพบุรุษของนายไปทําขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวฉันจะกลายเป็นคนบาป ขอบใจนะแต่ไว้ฉันจะหาทางเองดีกว่า”ก็ได้ งั้นแค่นี้ก่อนนะ“หลัง จากคุยกันจบทั้งสองก็วางสาย
ฉินอวี่ยืนอยู่ข้างรถ หลังจากคิดถี่ถ้วนอยู่นาน เขาก็กดโทรออกไปยังหมายเลขของเสี่ยวฉี
ผ่านไปหลายสิบวินาที เสียงเสี่ยวฉีก็ดังขึ้นจาก โทรศัพท์”ฮัลโหล?”อยู่ไหนเหรอพี่ไม่ต้องรู้หรอก“เสี่ยวฉีปฏิเสธที่จะตอบ”ฉันต้องการเงินน่ะเท่าไหร่?”หนึ่งแสน”ส่งเลขบัญชีมาเดี๋ยวจะโอนไปให้ช้าสุดก็วันพรุ่งนี้”เสี่ยวฉีกล่าวอย่างรัดกุม” ฉันจะคืนให้อย่างเร็วที่สุด! “ฉันง่วงมาก จะไปนอนแล้วนะ“เสียวฉีหาวและกดวางสายโทรศัพท์หลังจากพูดจบ
ฉินอวี่มองโทรศัพท์พลางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ในใจเขาไม่มีทางเลือกที่จะรบกวนคนอื่นมากขนาดนี้ แต่เงินก้อนนี้ยังไงก็ต้องได้มาจริงๆ
ข้างรถอาเซียวใช้ด้ามมีดทุบหัวปลาเจียงอวี่ สองครั้ง หลังจากมันสลบไปเขาก็กรีดท้องมันด้วยกริช ควักอวัยวะภายในออก และแล่เอาเนื้อปลาดิบยื่นให้ฉินอวี่”ลองหน่อยไหม? “ฉินอวี่เคยกินทุกอย่างมาแล้วเมื่อตอนที่เขายังอยู่เขตพัฒนา เขาจึงหยิบปลาชิ้นนั้นขึ้นมาเคี้ยวในปากของเขา”มันคาวนิดหน่อย”ฮ่าฮ่า“อาเซียวก้มลงดึงขวดเหล้า รัสเซียที่ฝังไว้ก่อนหน้านี้จากกองหิมะ”นี่วอดก้า ลองดื่มมันตามเข้าไปดู
ฉินอวี่หยิบขวดเหล้าขึ้นมากระดกไปสองอึกใหญ่ เขารู้สึกว่าหน้าอกร้อนผ่าว เหมือนกับถูกไฟไหม้ “โห..ปลานี่ไม่คาวอีกแล้วล่ะ!”
“นายจะไปทางเหนืออีกไหม?” อาเซียวถามพร้อมกับลูบผมเปียของตน
“ไม่” ฉินอวี่ส่ายหัว
“ฉันเพิ่งผ่านมาหลังจากพาลูกน้องไปทํางานที่นั่น” อาเซียวพูดด้วยรอยยิ้ม “ลูกน้องของฉันคนหนึ่งเป็นชาวรัสเซียฉันเรียนรู้วิธีกินแบบนี้จากเขา…พอเริ่มจะสนิทเขาก็ตายไปซะดื้อๆ”
ฉินอวี่ตกตะลึง
“ไม่ใช่เพราะฉันอยากได้เงินขนาดนั้น แต่เพราะลูกน้องของฉันอาจต้องเสี่ยงกับการไม่ได้กลับมาด้วยกันอีก” อาเซียวก้มหน้าลง “เงินจึงเป็นสิ่งเดียวที่ทําให้พวกเขารู้สึกสบายใจ”
“ฉันเข้าใจแล้ว” ฉินอวพยักหน้า
“อย่าบอกเฒ่าหลี่เกี่ยวกับธุรกิจของเราล่ะ” อาเซียวพูดกําชับ
“ฉันเข้าใจกฎดี” ฉินอวี่ยิ้มขณะชําเลืองมองอาเซียวก่อนจะถามทันที “นายบอกว่าจะร่วมมือกับเราอีกนาน ไม่มีงานอื่นแล้วเหรอ? หรือตอนนี้ ตั้งใจจะทําแค่ของฉัน?”
หลังจากลิ้งไปครู่หนึ่งอาเซียวก็เอื้อมมือไปตบไหล่ของฉินอวี่เบาๆ “นายก็คิดมากเกินไป”
“ฮ่าฮ่า!” ฉินอวี่หัวเราะเบาๆ
“มากินปลานี่ให้หมดเถอะ” อาเซียวก้มหน้าและแล่ปลาต่อไป
ในเขตเมือง
เปียเตอหยงถามคนที่อยู่ปลายสาย “หวังหง นายบอกว่านายแก่แล้ว ละทําไม่ยังทําอะไรเหมือนเด็กๆ ไปได้ เว่ยจือเป็นลูกน้องของฉวีหยางนะ นายไปทําอะไรหมอนั่น?”
“ตอนนั้นฉันโมโหมาก แถมหมอนั่นยังพูดจาไม่เข้าหูฉันอีก” หวังหงตอบด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา
“นายหาเรื่องให้ฉันจริงๆ เป่ยเตอหยงถอนหาย ใจแล้วพูด” อย่าเพิ่งออกมาให้ใครเห็นล่ะ”อิ่ม ฉันรู้แล้ว”แค่นี้นะ หลังจากคุยกันจบทั้งสองวางสายไป แต่เป่ยเตอหยงยังคงนั่งที่โต๊ะไวน์และชนแก้วกับทุกคน
หลังจากนั้นสิบนาที
ฉวีหยางพาเว่ยจือไปที่บริษัทและนั่งบนโซฟา ในล็อบบี้ขณะโทรหาเบี้ยเตอหยง” พี่เป้ย ลงมาคุยกับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องต้องพูดกับพี่”
ในสํานักงานของหัวหน้าสภาเขตเจียงหนาน เฒ่าหลี่รับโทรศัพท์พลางถามทันที”คุยกันเสร็จแล้วเหรอ?”อืม คุยเสร็จแล้ว“อาเซียวพยักหน้า”ฉันจะกลับไปเก็บของและออกไปทันที“เฒ่าหลี่เงียบไปครู่หนึ่งเล่าเรื่องที่คุยให้ฉันฟังอย่างละเอียดหน่อย”