Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 201 หลิวเหวินจื้อ
Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 201 หลิวเหวินจื้อ
จู้เหว่ยตะโกนโหวกเหวกจนเจ้าหน้าที่ตํารวจคนอื่นๆ ในพื้นที่สํานักงานหันมามองหลิวเหวินจื้อเป็นตาเดียวพลางชักปืนออกมาด้วย
“อย่าขยับ อย่าขยับเลย” หลิวเหวินจื้อหน้าซีครีบยกมือขึ้น “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําร้ายพวกคุณ!”
“อย่าเพิ่งยิง ฟังเขาก่อน” แมวเฒ่าลดปืนลงและหันไปบอกคนอื่นๆ
หลิวเหวินจื้อยังคงชูมือขึ้น เขาพูดด้วยน้ําเสียงสั่นเครือว่า “ผมไม่ได้ผูกมันเอง ขอร้องล่ะ…หาคนมาช่วนปลดมันออกที”
แมวเฒ่าชะงักไปครู่หนึ่งและหันไปพูดกับจู้เหว่ยว่า “รีบไปเรียกหน่วยเก็บกู้ระเบิดมา”
“โอเค” จู้เหว่ยรีบวิ่งออกไปทันที
“ทุกคนอย่างเพิ่งแตกตื่น” แมวตะโกนสั่ง “ตอนนี้อย่างแพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้ กําจัดข่าวให้มีแค่ในพวกเราพอ”
หลิวเหวินจือแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคําพูดของแมวเฒ่า “คุณมีไหวพริบดีนะครับ รับมือกับสถานการณ์ได้เร็วมาก”
“ถ้าเก่งขนาดนั้นฉันคงได้เป็นผู้นําเขตสิบแล้ว” แมวเฒ่า เช็ดเหงื่อบนหน้าผากและเหลือบมองหลิวเหวินจือ “นายเป็นพ่อค้าปืนสินะ”
ชั่วโมงต่อมา
หลังจากจัดการระเบิดตามที่แมวเฒ่าสั่งเรียบร้อย หน่วยเก็บกู้ระเบิดทั้งสองคนก็ออกจากสํานักงานไป
ในห้องสอบสวนของทีมสาม แมวเฒ่าถือแก้วมองหลิวเหวินจื้อ และถามว่า “ตกลงแล้วนายคิดจะทําอะไรกันแน่?”
หลิวเหวินจื้อนั่งบนเก้าอี้ เขาหยิบกล่องบุหรี่ออกมาพลางก้มศีรษะลงแล้วพยักหน้าตอบว่า “ผม…ว่าจะพอแล้วล่ะ”
แมวเฒ่าเผลอพ่นน้ําที่เพิ่งดื่มออกมาเพราะความตกใจ
“ให้ตายเถอะ ทํางานมาตั้งหลายปีเพิ่งเคยเจอแบบนี้ครั้งแรก” หลิวเหวินจื้อพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แมวเฒ่าวางแก้วลงก่อนเอ่ยถาม “คือยังไง?”
“ผมยอมแพ้แล้วจริงๆ” หลิวเหวินจื้อเงยหน้าขึ้นตอบ
“ยอมแพ้อะไร?”
“ที่ผ่านมาผมเป็นคนจัดหาสินค้าให้หวังปิงและหวูเวินเซิ่ง แต่ตอนนี้ผมยอมแพ้แล้ว” หลิวเหวินจื้อตอบอย่างตรงไปตรงมา
แมวเฒ่าเหลือบมองหลิวเหวินจื้อและพยายามสังเกตอาการว่าชายตรงหน้ากําลังเมาอยู่หรือเปล่า
“อย่ามองผมแบบนั้นสิครับ” หลิวเหวินจื้อเอามือกุมขมับ “เฮ้อ….ตอนนี้ผมคงไม่ต่างอะไรจากไอ้โง่คนหนึ่ง”
แมวเฒ่านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งไปตะโกนที่ประตูว่า “จู้เหว่ยเปิดกล้องวงจรปิดและเข้ามาบันทึกคําให้การ”
ไม่กี่นาทีต่อมา จู้เหว่ยเข้ามานั่งข้างแมวเฒ่าพร้อมสมุดบันทึก
“ดื่มน้ําหรืออะไรหน่อยไหม? หิวหรือเปล่า…ฉันจะได้ให้โรงอาหารเตรียมข้าวไว้” แมวเฒ่าถามอย่างกระตือรือร้น
“ฮ่าๆๆ” หลิวเหวินจื้อยิ้ม “ไม่ครับ เริ่มกันเลยเถอะ”
แมวเฒ่ายักไหล่เมื่อได้ยินคําตอบก่อนจะเริ่มต้นคําถาม “เอาล่ะ…อะไรคือเหตุผลที่ทําให้นายมาที่นี่?”
“เมื่อวานเยี่ยจือเซียวโทรมาหาผม” หลิวเหวินจื้อสูบบุหรี่ “เขาขอให้ผมมามอบตัวและสารภาพเรื่องหวังปิงและหวูเวินเซิ่ง ผมคิดว่าหมอนั่นป่วยก็เลยด่ากลับไป”
“แล้ว?”
“จากนั้นเด็กส่งของคนสนิทของผมสองคนก็ถูกขังไว้ในโรงน้ําแข็งซ่งเจียง” หลิวเหวินจื้อเล่าเสียงสั่น “ผมได้ข่าวก็รีบไปช่วยแต่ก็ไม่พบคนทําอยู่แถวนั้น”
“เรื่องเกิดเมื่อไหร่?” แมวเฒ่าถาม
“เช้าวันนี้”
“นายไปที่เกิดเหตุเองเลยเหรอ?”
“อืม” หลิวเหวินจื้อพยักหน้า “ทั้งสองถูกฟางยัดปาก ถึงจะยังไม่ตายแต่ก็ไม่ต่างอะไรกับคนเสียสติ”
แมวเฒ่าตกตะลึง
“ผมกลัวมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ใจหนึ่งก็คิดเหมือนกันว่า อีกฝ่ายก็คงกลัวผมถึงได้ไม่กล้าทําตรงๆ” หลิวเหวินจื้อขมวดคิ้วเล่าเรื่องต่อ “ช่วงเย็นจึงนัดเพื่อนไปสังสรรค์ย่านสถานบันเทิงเพื่อคลายเครียด ผมดื่มไวน์ไปหลายแก้วจนรู้สึกมึนหัวและหลับไปในรถ…แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีระเบิดถูกมัดติดเอวอยู่ส่วนคนขับถูกขังอยู่ในท้ายรถ”
แมวเฒ่านั่งฟังหลิวเหวินจื้ออย่างจริงจัง
“ผมทํางานสายนี้มานานเจอผู้คนมากหน้าหลายตา แต่กลับไม่เคยเจอคนชื่อเยี่ยจือเซียวเลยสักครั้ง รู้แค่ว่าเป็นคนทํางานไม่เรียบร้อย ถึงขนาดขายของขาดทุนยับก็ยังกล้าทําต่อ” หลิวเหวินจื้อเงยหน้ามองแมวเฒ่า “ผมมีเมียสาม ลูกสอง และพ่อแม่ให้เลี้ยงดู ผมไม่ขาดเหลือเรื่องเงินก็จริง…แต่ผมรับมือกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ก็เลยยอมแพ้”
“เป็นฉันก็คงยอมเหมือนกันล่ะนะ” แมวเฒ่าพยักหน้าเห็นด้วย
“ผมยอมรับสารภาพโดยมีเงื่อนไข” หลิวเหวินจื้อสูบบุหรี่พลางหรี่ตามองแมวเฒ่า “อย่างแรก อย่าขุดคุ้ยหาช่องทางขนส่งสินค้านอกเหนือจากของผม พวกคุณจัดการพวกเขาไม่ได้ และผมเองก็จนปัญญาช่วย พูดให้ชัดเจนคือให้มันจบลงที่ผม อย่างที่สอง..ผมจะสารภาพแค่เรื่องจัดหาปืนเถื่อนให้หวังปิงเท่านั้น คุณห้ามถามอะไรอีก และผมจะไม่พูดอะไรนอกจากที่บอกไป อย่างที่สาม…ก่อนที่คําพิพากษาจะถูกประกาศ คุณจะต้องรับรองความปลอดภัยให้ผม”
แมวเฒ่าชั่งน้ําหนักอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามกลับ “ก็ได้อยู่ แต่ฉันมีข้อสงสัย
“อะไร?”
“นายกลัวเยี่ยจือเชียวแล้วนายไม่กลัวหวูเวินเซิ่งหรอ?” แมวเฒ่าถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมกับเขามีครอบครัวเหมือนกัน ถ้าเขาทําผมก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะโต้กลับ เพราะงั้นเขาไม่ทําอะไรสุดโต่งอยู่แล้ว” หลิวเหวินจื้อกระซิบกลับ “แต่สําหรับคนอย่างเยี่ยจือเซียว หมอนั้นทําได้ทุกอย่าง มันมีหูตาอยู่ทุกที่ เพราะงั้นผมเลยไม่อยากเสี่ยงมีปัญหา ไม่คุ้มกับชีวิตที่ต้องแลก”
แมวเฒ่าพยักหน้า
“อีกอย่าง” หลิวเหวินจื้อมองแมวเฒ่าก่อนพูดขึ้น “แม้แต่คนที่หนุนหลังผมยังกลัวมัน”
“หมายความว่ายังไง?” แมวเฒ่าชะงัก
“การที่เยี่ยจือเซียวจะทําอะไรผมจะต้องได้รับการยินยอม จะคนคนนั้นก่อน และจากสถานการณ์ของผมในตอนนี้แสดงว่าไม่มีใครคุ้มกะลาหัวผมแล้ว” หลิวเหวินจื้อยิ้มแหย “เรียกว่าถูกตัดหางคงเหมาะกว่า”
“แล้วทําไมถึงเป็นแบบนั้น?” แมวเฒ่ายังคงสงสัยในเรื่องราวที่เกิดขึ้น
หลิวเหวินจื้อก้มหน้าถฝ่ามือไปมาก่อนตอบกลับ “ในสายตาคนทั่วไปผมก็แค่คนธรรมดา แต่สําหรับคนที่อยู่เบี้องบนนั้นมองว่าผมเป็นเด็กส่งของคนสําคัญ ฮ่าๆๆ ถ้าคุณฉลาดก็คงพอจะรู้นะว่าทําไมพวกเขาถึงมองผมสูงขนาดนั้น”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แมวเฒ่าก็ตอบกลับไปว่า “เพราะเขาคิดว่าหวูเวินเซิ่ง…”
“นั่นแหละ ในเมื่อคิดออกแล้วผมก็คงไม่ต้องพูดอะไรอีก” หลิวเหวินจื้อขัดจังหวะการคาดเดาของแมวเฒ่า
ข่าวการมอบตัวของหลิวเหวินจื้อถูกแมวเฒ่าปกปิดไว้ก็จริง แต่เรื่องที่ผูกระเบิดเข้าไปในสํานักงานตํารวจนั้นมีคนพบเห็นมากเกินไป ส่งผลให้หวูเวินเซิ่งทราบข่าวทันทีในคืนเดียวกัน ถึงจะไม่รู้ว่าหลิวเหวินจื้อมอวตัวหรือเปล่าแต่ก็พอคิดได้ ว่าทางตํารวจคงมีหลักฐานเพียงพอจัดการตนเองแล้ว
เช้าตรู่…
หวูเวินเซิ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่างสูงทรงฝรั่งเศส เขาทอดมองไปด้านนอกด้วยแววตาแห่งความโกรธก่อนจะสบถด้วยความหงุดหงิด “เวรเอ๊ย! ขนาดฉันยังไม่ยอมพวกแกก็อย่าลังเลสิวะ ในเมื่อเล่นเกมด้วยกันแล้วก็ต้องเล่นให้จบ!”
หลังจากนั้นหวูเวินเซิ่งก็กดโทรศัพท์โทรหาหวังปิง
“ฮัลโหลเวินเซิง?”
“ตรวจสอบทรัพย์สินแล้วแบ่งให้ผมห้าสิบ ที่เหลือก็แจกจ่ายไป” หวูเหวินเซิงพูดต่อ “ส่วนคุณก็อย่าเพิ่งนอน รีบมาหาผมเดี๋ยวนี้”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
หยวนเค่อเดินไปมาในห้องทํางาน “เมื่อหลิวเหวินจื้อถูกจับก็แสดงว่าทุกอย่างใกล้จะจบแล้วสินะ”
“ใครคือหลิวเหวินจื้อ?” เสี่ยวจิ๋วถาม
“คนจัดหาของให้หวูเวินเซิ่ง ตอนนี้หมอนั้นโดนจับแล้ว คิดว่าฝั่งตํารวจคงได้หลักฐานพอแล้วล่ะ”
ชานเมือง
อาเซียวก้มศีรษะเดินไปที่ประตูก่อนจะพูดขึ้น “หยวนเค่อเป็นหมารับใช้ให้หวูเวินเซิ่งงั้นเหรอ? ดีเลย..ฉันจะได้ส่งมันไปอยู่พี่ชายเป็นรายต่อไป”