Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 127
ตอนที่ 127 รถด่วนไปเฟิงเปย
อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในซ่งเจียง
หยวนเค่อนั่งสูบบุหรี่ดูรายการวิทยุออนไลน์อยู่บนโซฟา
สาวสวยคนหนึ่งกําลังนอนหนุนตักเขาเอ่ยถาม “ทําไมช่วงนี้คุณดูไม่สดใสเลย?”
“ไม่มีอะไร” หยวนเค่อตอบพร้อมขมวดคิ้ว
“ทะเลาะกับพี่ชายอีกแล้วเหรอ?” หญิงสาวถามต่อ
หยวนเค่อยกบุหรี่ขึ้นมาสูบแทนการตอบคําถาม
“ว่ากันว่าเป็นพี่น้องต้องช่วยเหลือกันยามตกทุกข์ได้ยาก แต่ทําไมคุณกับพี่ถึงทะเลาะกันตลอด?” หญิงสาวเงยหน้ามองหยวนเค่อ “ค่อยๆ คุยกันก็ได้…ไม่เห็นต้องใช้อา รมณ์เลย”
“ฉันก็ไม่ได้อยากทะเลาะบ่อยๆ หรอก แต่หมอนั่นเป็นคนหัวรั้นไม่ฟังใครโดยเฉพาะฉัน” หยวนเค่อส่ายศีรษะก่อนพูดต่อ “ไม่รู้ว่าเขาจงใจดูถูกหรือมองว่าฉันยังเด็ก…ทุก ครั้งที่ฉันพยายามพูดอะไรก็จะโดนขัดตลอด”
“อาเค่อ ฉันอยากพูดอะไรหน่อย แต่อย่าโกรธกันล่ะ”
“ว่ามาสิ”
“อันที่จริงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพี่มีปัญหาคั่นอยู่” หญิงสาวลุกขึ้นพูด “สาเหตุที่ทํากับคุณเหมือนเด็กอาจเป็นเพราะเขาแก่กว่าก็จริง แต่ที่ผ่านมาคุณก็พยายามพิสูจน์ตัวเองมากเกินไปจนหลายครั้งมันคงทําให้เขาอึดอัดที่จะคุย คุณแบ่งเส้นงานกับชีวิตส่วนตัวไว้อย่างชัดเจนจนอาจอาจลืมไปว่าเขาก็คือครอบครัวคือพี่ชายคนหนึ่ง คุณเอาแต่บอกว่าเขาไม่ยอมฟัง…กลับกันคุณก็ไม่อยากคุยเพราะไม่ชอบที่เขาหัวโบราณ บางครั้งการปฏิเสธของคุณก็อาจทําร้ายจิตใจเขาเหมือนกันนะ”
หยวนเค่อพูดไม่ออก
“ถึงจะเป็นครอบครัวก็ต้องเรียนรู้การอยู่ร่วมกันให้ได้ ไม่ใช่ทําตามใจจนไม่นึกถึงคนอื่น” หญิงสาวพูดพลางลูบแก้มหยวนเค่อ “พี่คุณไปจัดการธุระด่วนที่เฟิงเปยใช่ไหม? ไม่เป็นห่วงเขาเหรอ?”
“ห่วงสิ” หยวนเค่อพยักหน้า
“แล้วทําไมไม่โทรหาเขาล่ะ?”
“โทรไปรบกวนเปล่าๆ หน่า” หยวนเค่อปฏิเสธแบบไม่คิด
“เห็นไหม…ขนาดคุณยังพยายามเลี่ยงเลย ไม่ต่างกับพี่คุณหรอก เขาก็ทําแบบเดียวกัน” หญิงสาวพูดต่อ “โทรห เขาเถอะเชื่อฉัน เป็นพี่น้องไม่ควรทะเลาะกัน”
“ไม่โทร….ฉันยังไม่อยากคุย” หยวนเค่อพูดพึมพํา “รอให้เขากลับมาค่อยกันก็ได้”
“โทรเดี๋ยวนี้”
“โธ่…ก็บอกว่าไม่โทรไง”
“อย่าให้ฉันโมโห โทรเดี๋ยวนี้!”
“ฉันจะโทรพรุ่งนี้โอเคไหม? ถึงไม่รู้จะพูดอะไรก็เถอะ” หยวนเค่อตอบด้วยสีหน้าแดงระเรื่อหลังถูกบังคับ
“กริ้ง!”
แต่ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูหมายเลขบนหน้าจอก่อนหันมาบอกหยวนเค่อว่า “หัวโล้นโทรมา”
หยวนเค่อชะงักไปครู่หนึ่งก่อนบ่นพึมพํา “โทรมาเวลานี้คงไม่พ้นหาเรื่องให้ฉันทําในซ่งเจียงอีกแน่!”
“คุยกับเขาเถอะ เดี๋ยวฉันทําอาหารรอ” พูดจบหญิงสาวเดินหายเข้าไปในครัว
ตรงโซฟา หยวนเค่อรับสาย “ฮัลโหล?”
“รีบมาเฟิงเปยเร็วหยวนเค่อ! พี่นายจะไม่ไหวแล้ว” ชายหัวโล้นพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ในครัว หญิงสาวตะโกนถาม “อาเค่อ ขนมปังหมดแล้ว กินข้ามต้มแทนไหม?”
“โครม!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังตึงตั้งจากห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบชะโงกหน้าไปดูก่อนพบว่าหยวนเค่อกําลังลุกลี้ลุกลนสวมรองเท้าวิ่งออกห้องโดยไม่หยิบเสื้อโค้ตไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น…คุณจะไปไหน?!” หญิงสาวรีบวิ่งตามพลางตะโกนถาม
หยวนเค่อซึ่งกําลังร้อนรนรีบวิ่งลงบันไดไปโดยไม่หันมาตอบหญิงสาว
หยวนเค่อขับรถด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “เฒ่าสาม ช่วยหาตัวรถด่วนไปเฟิงเปยให้ฉันที แล้วโทรบอกหัวโล้นด้วยว่าเตรียมรถไปรอรับฉันที่สถานีเลย”
“รับทราบครับ” เฒ่าสามตอบรับคําขออย่างไม่ลังเล เพราะฟังจากน้ำเสียงหยวนเค่อก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องคอขาดบาดตาย
หยวนเค่อวางสายแล้วรีบตรงไปสถานีรถไฟ
ณ โรงพยาบาลกองทหารรักษาการณ์
“ผมคิดว่าคงเกิดภาวะเลือดออกในช่องท้อง แต่ยังหาจุดเลือดออกใต้ซี่โครงไม่เจอ…เราต้องรีบผ่าตัดโดยด่วน”
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากนักศึกษาแพทย์ขณะกําลังตรวจเช็กแผลของหยวนหัว เขาพูดขึ้น “แผลถูกยิงขนาดนี้น่าจะไม่รอด ผมว่าเราควรบอก…”
“ผ่าช่องท้องเอาห้อเลือดออกแล้วฉีดสารกระตุ้นหัวใจ” หัวหน้าศัลยแพทย์สั่ง “อย่าเพิ่งถอดใจ ตั้งสติและทําให้ดีที่สุด”
ยี่สิบนาทีต่อมา
รถของหยวนเค่อแล่นมาจอดที่สถานีรถไฟสายเหนือ เขารีบวิ่งไปยังจุดนั่งพักของผู้โดยสารเพื่อรับตัวจากคนที่นัดหมาย
เมื่อได้ตัวหยวนเค่อจึงรุดไปยังชานชาลาพลางโทรหาชายหัวโล้นโดยไม่หันไปขอบคุณคนหาตัวให้เลยแม้แต่น้อย
“ฮัลโหล?”
“ฉันมาถึงสถานีรถไฟแล้ว อีกสองชั่วโมงเจอกันที่เฟิงเปย” หยวนเค่อหอบหายใจเหนื่อยก่อนถามต่อ “พี่ฉัน เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่รู้เหมือนกัน หมอยังไม่ออกมาเลย…” ชายหัวโล้น ตอบพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นั่งน้ำตาไหลด้วยความร้อนรน “บัดซบ! ฉันไม่น่าปล่อยเขาไปเลย!”
หยวนเค่อปาดน้ำตาก่อนถาม “ตอนนี้มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง?”
“ถามแบบนั้นทําไม? นายคิดจะทําอะไรกันแน่?” ชายหัวโล้นนึกสงสัยกับคําถามของหยวนเค่อ
“จะอะไรซะอีก…พี่ฉันมีครอบครัวอยู่นะ” หยวนเค่อกัดฟันพูด “เคยคิดบ้างไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเป็นอะไรไป?”
ชายหัวโล้นพูดไม่ออก
หยวนเค่อพยามอดกลั้นความเศร้าก่อนพูดเสียงสั่น “บอกคนของนายให้เหยียบเรื่องนี้ไว้ ส่วนใครก็ตามที่รู้แล้วให้บอกไปว่าอาการของหยวนหัวทรงตัวแล้วและกําลังจะถูกส่งตัวไป โรงพยาบาลในเชิงเปยค่อยไปเจอกันที่นั่นแทน แล้วก็หาคนที่ไว้ใจได้พาลูกเมียหยวนหัวไปซ่อนตัวซะ”
ในห้องผ่าตัด
หยวนหัวนอนหลับตาอยู่บนเตียงผ่าตัด เขาพยายามยกมือขึ้นดึงสายออกซิเจนที่คาปากอยู่
“อย่า!” ผู้ช่วยศัลยแพทย์รีบกดมือเขาลงทันที
“ปล่อยให้เขาเอาออกเถอะ” หัวหน้าศัลยแพทย์สั่ง
พยายาลจึงเข้าไปช่วยถอดสายออกซิเจน
“แค่ก…แค่ก!”
หยวนหัวพยายามหายใจเข้าก่อนหันมองรอบตัวและพูดขึ้น “หยวนเค่ออยู่ไหน? ฉันอยู่ที่ไหน?”
“หยวนเค่ออยู่นี่แหละ เขาเพิ่งลงไปข้างล่างเมื่อกี้ทนหน่อยนะเดี๋ยวหมดจะเย็บแผลให้เสร็จแล้วค่อยให้เขามาหา”
“ไม่ต้องมาตอแหล! ฉันรู้ว่ายังไงก็ไม่รอด…” หยวนหัวกระอักเลือด “แต่ฉะฉันยังตายไม่ได้น้องชายฉัน”
“หยวนเค่อเป็นน้องคุณเหรอ?” หัวหน้าศัลยแพทย์ถามก่อนหันไปกระซิบกับพยาบาล
“ฉีดอะดรีนาลีนให้เขาอีกโดส”
“แต่เขาจะ” พยาบาลมองหัวหน้าศัลยแพทย์อย่างไม่เข้าใจ
“ทําตามที่ผมบอกเถอะ” หัวหน้าศัลยแพทย์ใช้อํานาจสั่งการ
ขณะเดียวกัน
เสี่ยวฉีกับพรรคพวกเข้าไปยังโฮสเทลในเขตพัฒนาก่อนตะโกนเรียกใครบางคน “เถ้าแก่อยู่ไหม?”
“โอ้…เสียวนี่เองเหรอ? นาย…” ชายวัยกลางคนถาม ขณะเดินออกมาจากโฮสเทล
“เคลียร์ชั้นสองให้ฉันหน่อย” เสี่ยวฉีสั่ง “แล้วก็หาคนส่งของให้สักสองสามคนแบบด่วนๆ ขอที่ไว้ใจได้นะ”
ชายวัยกลางคนชะงักครู่หนึ่งก่อนหันไปสั่งลูกน้อง “คืนเงินลูกค้าที่พักชั้นสองทั้งหมดแล้วพาพวกเขาไปหาที่พักใหม่เร็ว!”