Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 34 กลับเมืองอัคคีโชติ
เพียงครึ่งชั่วยามให้หลัง
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พามารรับใช้จื่อไป๋ไปถึงสถานที่ตั้งของร้านค้าสกุลฝาน แม้จะเป็นยามราตรี แต่ทั้งชุมชนของล้ำค่าก็ยังมีแสงไฟเจิดจ้า สว่างไสวยิ่งนัก
“คุณชายเสวี่ยอิง เจ้านายข้ามีคำสั่งลงมาก่อนแล้วว่าให้ข้าคอยคุณชายเสวี่ยอิงขอรับ” ณ ประตูร้านค้าสกุลฝานก็มีชายชราร่างอ้วนท้วนผู้นั้นตั้งใจรอต้อนรับอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากเป็นผู้บำเพ็ญที่มีพลังทัดเทียมกัน…ก็คงต้องเห็นแก่หน้าตนเองมากกว่านี้ ไม่มีทางมายืนต้อนรับผู้มีพรสวรรค์ขั้นรวมเป็นหนึ่งอยู่หน้าประตูด้วยความกระตือรือร้นเช่นนี้แน่นอน
แต่ชายชราร่างอ้วนท้วนผู้นี้เป็นมารรับใช้ จึงทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัด
“ต้องรบกวนท่านผู้ดูแลแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“คุณชายเสวี่ยอิง เชิญขอรับ” ชายชราร่างอ้วนท้วนนำทางด้วยความกระตือรือร้น ไม่นานนักก็มาถึงชั้นสาม ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นยามดึกสงัด แขกเหรื่อก็มิได้นับว่ามากมายอะไรนัก ชั้นสามแห่งนี้ก็ยิ่งว่างเปล่าไม่มีแขกคนอื่นๆ อีก
ครั้งนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เสียเวลาอีก หากแต่พุ่งตรงไปหน้าหัวหอกอันนั้น หัวหอกนั้นล่องลอยอยู่ ปลายหอกมีระลอกอากาศสายแล้วสายเล่าแผ่ออกมา ค่ายกลชั้นแล้วชั้นเล่าสกัดกั้นเอาไว้ ห่อหุ้มหัวหอกนี้เอาไว้ราวกับเปลือกไข่ก็มิปาน
“โปรดรอสักครู่”
ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดประโยคหนึ่งแล้วก็เริ่มควบคุมค่ายกลที่สกัดกั้นเอาไว้ ทันใดนั้นค่ายกลที่สกัดกั้นอยู่ชั้นแล้วชั้นเล่าก็ขยายออก แล้วห่อหุ้มตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เข้าไปในนั้นด้วย หลังผ่านไปหลายชั่วลมหายใจ ค่ายกลอันเหมือนเปลือกไข่ที่สกัดกั้นเอาไว้ก็แผ่ขยายออกไปเป็นขอบเขตหลายจ้าง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็อยู่ในนั้นด้วย
“คุณชายเสวี่ยอิง เรียบร้อยขอรับ” ชายชราร่างอ้วนท้วนพูดยิ้มๆ
“ต้องขอบคุณท่านแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดประโยคหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางหัวหอกที่ลอยคว้างอยู่ตรงหน้า เดิมที ‘นายท่านฉื้ออวิ๋น’ เจ้าของหัวหอกที่ธรรมดาสามัญอันนี้ได้สิ้นใจไปตั้งแต่ก่อนสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งแล้ว ซึ่งหมายความว่าหอกยาวนี้ดำรงอยู่มาเป็นเวลายาวนานกว่าหกรัฐโบราณเสียอีก! เพียงแต่ไม่ทราบว่าไปประสบกับเรื่องราวพรรค์ไหนมา จึงทำให้หัวหอกและด้ามหอกของหอกยาวซึ่งเดิมสมบูรณ์ดีต้องแยกออกจากกัน
ฟึ่บๆๆ ตรงปลายหอกทำให้มิติรอบด้านบิดเบี้ยวอบู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดระลอกคลื่นที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าสายแล้วสายเล่า
เมื่อยื่นมือออกไป ตงป๋อเสวี่ยอิงก็คว้าหัวหอกตรงหน้าเอาไว้ได้
หัวหอกเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง มีความคมกริบอันไร้ที่สิ้นสุด ราวกับจะฉีกทึ้งมือออกมาอย่างไรอย่างนั้น ทว่าถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็ฝึกร่างเมฆทักษิณาทิพย์จนถึงชั้นที่หกแล้ว สมบัติลับที่บกพร่องชิ้นหนึ่งไหนเลยจะทำให้มือเขาบาดเจ็บได้เล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมทีเขาก็ควบคุมอากาศได้อย่างร้ายกาจอยู่แล้วด้วย
“วิ้ง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหลับตาลง สติรับรู้แทรกซึมเข้าไป
“ตู้ม!”
เสียงดังกัมปนาทพลันดังก้องขึ้นในสติรับรู้ของเขา เขาสามารถสัมผัสรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าบันไดน้ำวนอันลึกล้ำเกินหยั่งที่สลับซับซ้อนกำลังรวมตัวกันที่ใจกลางอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่รับรู้ด้ามหอกและค้นบุปผากลางม่านหมอกเท่านั้น! แต่บัดนี้เมื่อรับรู้หัวหอก…กลับพบบันไดน้ำวนอันซับซ้อนซึ่งสุดท้ายแล้วสามารถแบ่งออกเป็นบันไดได้ถึงสามแห่ง บันไดสามแห่งหมุนคว้าง ก่อนจะรวมตัวกันเป็นจุดเดียวในท้ายที่สุด
จุดนั้นคือจุดสิ้นสุดของบันไดน้ำวน แต่ก็เหมือนกับการเริ่มต้นอีกแบบหนึ่ง!
ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถสัมผัสได้ว่า ท้ายที่สุดบันไดน้ำวนรวมตัวกันเป็นจุดเดียว รวมตัวกันจนถึงที่สุด จากนั้นก็ปะทุออกมา! หัวหอกและปลายหอก…ต่อให้ไม่มีเจ้าของควบคุมอยู่ อักขระลับก็มิได้ถูกกระตุ้น แต่ก็ทำให้อากาศบิดเบี้ยวจนเกิดระลอกคลื่นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าการรวมตัวกันเป็นจุดเดียวในท้ายที่สุดนั้นมีพลังทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นต่ออากาศ
“หากรวมตัวกับอักขระลับบนด้ามหอกขึ้นมา…”
ห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงประมวลผลอย่างรวดเร็ว
หากนำอักขระลับที่ได้พบและรับรู้บนด้ามหอก และสิ่งที่ได้ค้นพบและรับรู้ในยามนี้เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
ก็จะเป็นอักขระลับของสมบัติลับอันสมบูรณ์
“เมื่อมีข้าเป็นศูนย์กลาง ก็จะเป็นจุดกำเนิดมิติ! สิ่งอื่นๆ ทั้งหมดก็จะถูกข้าควบคุม”
“หอกหนึ่งแทงออกไป อานุภาพรวมตัวกัน อานุภาพก็ช่างไม่กล้าจินตนาการเลยจริงๆ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งผลักดันต่อไป ก็ยิ่งพบว่าลึกล้ำเกินหยั่งเป็นอันมาก
ด้วยระดับขั้นของเขา เขาก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าอักขระลับที่แฝงเอาไว้ในด้ามหอกยาวน่าจะมีสองกระบวนท่าแฝงอยู่ หนึ่งคือตนเองเป็นจุดกำเนิดมิติ แล้วอาศัยมันควบคุมอากาศรอบด้าน นี่คือกระบวนท่าทางด้านบริเวณ ส่วนอีกกระบวนท่าหนึ่งก็คือการรวมตัวกันของมิติอันสับสนอลหม่าน รวมตัวกันเป็นจุดกำเนิดสุดท้าย จนทำให้มีพละกำลังทำลายล้างทุกสิ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงมิกล้าจินตนาการถึงพละกำลังพรรค์นั้นเลย
แม้บัดนี้เขาจะได้วิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าฉบับสมบูรณ์มาแล้ว เป็นเคล็ดสืบทอดลับสองกระบวนท่าซึ่งแฝงไว้ด้วยขั้นอลวนชั้นที่สิบ
ทว่าเคล็ดสืบทอดลับสองกระบวนท่า…
หากพูดถึงจินตภาพ ก็แข็งแกร่งและเหิมเกริมสู้จินตภาพในหอกยาวมิได้ แม้เขาจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ระดับขั้นของตัวเขาก็สูงส่งพอ จึงสามารถวิเคราะห์แรงกดดันและแรงคุกคามที่ทั้งสองสิ่งมอบให้ตนออกมาได้
“ร้ายกาจ”
“อักขระลับในหอกยาว มิใช่แค่ขั้นอลวนชั้นที่สิบเท่านั้น แต่สูงยิ่งกว่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้ดี มหาเคารพลู่เทียนแห่งสกุลฝานเองก็ยังยอมรับว่านายท่านฉื้ออวิ๋นมีพลังไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย จากตรงนี้ก็พอจะเห็นอะไรบ้างแล้ว
มหาเคารพลู่เทียน…
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจดีมากว่า เทพจักรวาลจำนวนมากของสกุลฝานล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตอันดับต้นๆ ทั้งสิ้น
“จำเอาไว้”
“พยายามจำเอาไว้ให้ได้มากที่สุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มพยายามจดจำ
แต่กระนั้นอักขระลับในหัวหอกก็ยังซับซ้อนและพิสดารเกินไป อาวุธที่นายท่านฉื้ออวิ๋นใช้กำแหงไปทั่วดินแดนจิตโลกานั้น ไหนเลยจะเป็นสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิง หนุ่มน้อยซึ่งในตอนนี้ยังไม่บรรลุชั้นที่เก้าเสียด้วยซ้ำจะจดจำได้
เขาจำได้เพียงบางส่วนอย่างพอถูไถเท่านั้น
จากนั้นก็พยายามรับรู้ รับรู้และเข้าใจให้มากอีกหน่อย จึงจะสามารถจดจำได้ลึกซึ้งขึ้นบ้าง
……
ชายชราร่างอ้วนท้วนยืนอยู่ข้างหนึ่ง แล้วรอคอยด้วยใจอดทนเป็นอย่างมาก เมื่อเวลาค่อยๆ ล่วงเลยไป ระหว่างนั้นก็มีแขกคนอื่นมาถึงชั้นสาม ชายชราร่างอ้วนท้วนก็ยังตั้งใจเข้าไปต้อนรับด้วยตนเอง
“ตั้งสองชั่วยามแล้ว ยังดูอีกหรือนี่” ชายชราร่างอ้วนท้วนลอบอึดอัดใจ เขามองดูชายหนุ่มอาภรณ์ขาวที่ถือหัวหอกเอาไว้ “คุณชายเสวี่ยอิงผู้นี้ชอบสมบัติลับที่บกพร่องชิ้นนี้มากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ต่อให้ดูนานกว่านี้ จะมองอะไรออกกันหนอ”
รับรู้สมบัติลับแล้วเคี่ยวกรำศาสตร์ลับขึ้นมาอย่างนั้นหรือ
ชายชราร่างอ้วนท้วนไม่เคยใส่ใจมาก่อน เนื่องจากการรับรู้สมบัติลับเพื่อค้นคว้าศาสตร์ลับนั้นยากลำบากกว่าการได้คัมภีร์ศาสตร์ลับมาแล้วบำเพ็ญเป็นสิบเป็นร้อยเท่า! ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องรับรู้ตลอดคืนวันอันยาวนาน ซึ่งนั่นต้องใช้เวลาเป็นร้อยล้านปี…เมื่ออยู่ในร้านค้า ต่อให้มองทั้งวันแล้วจะได้อะไรขึ้นมาหรือ อักขระลับอันแข็งแกร่งนั้นไม่มีทางจำได้หมด มีแต่ต้องรับรู้และเข้าใจเท่านั้นจึงจะสามารถจดจำได้มากขึ้นบ้าง
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลืมตาขึ้นมา นัยน์ตามีแววเสียใจอยู่เล็กน้อย ตัดใจจากหัวหอกในมือมิได้เป็นอย่างมาก
“ขอบคุณท่านผู้ดูแล” ตงป๋อเสวี่ยอิงปล่อยหัวหอก หัวหอกก็ล่องลอยอยู่ตรงนั้นต่อไป
“ฮ่าฮ่า เรื่องเล็กขอรับ” ชายชราร่างอ้วนท้วนควบคุมค่ายกลที่สกัดกั้นชั้นแล้วชั้นเล่าทันที ทำให้ค่ายกลที่สกัดกั้นหดเล็กลง ผ่านไปหลายสิบชั่วลมหายใจ ค่ายกลที่สกัดกั้นทั้งหมดก็หดเล็กลงแล้วห่อหุ้มหัวหอกเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองหัวหอกแวบหนึ่ง
เนื่องจากอาศัยด้ามหอกก็สามารถรับรู้กระบวนท่าจำพวกบริเวณได้ ครั้งนี้ยังได้ตรวจสอบดูอักขระลับที่สมบูรณ์ เชื่อว่าการคิดค้นบริเวณระดับชั้นที่แปดขึ้นมาก็คงไม่ยากนัก อาศัยด้ามหอกอาจจะสามารถบรรลุถึงอานุภาพระดับชั้นที่เก้าได้
แต่การโจมตีน่ะหรือ
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจการโจมตีของหอกยาวนี้ดี มันไม่เหมือนกับอีกทิศทางหนึ่งของวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่า นอกจากนี้อานุภาพก็ยังน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง
น่าเสียดายที่ตนมีเพียงด้ามหอกเท่านั้น หัวหอกของหอกยาวมิอาจจดจำได้ในระยะเวลาสั้นๆ เกรงว่าหากสามารถรับรู้กระบวนท่าที่มีอานุภาพชั้นที่หกหรือเจ็ดได้ก็ไม่เลวแล้ว
“ไม่ว่าอย่างไร ก็นับว่าได้รับรู้อักขระลับของหอกยาวทั้งเล่มโดยสมบูรณ์แล้ว หากข้าจะรับรู้ต่อไปก็มีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ อย่างบริเวณนั้น เขาก็มีจินตภาพเพียงแค่ว่า ‘ตนคือจุดกำเนิด’ เท่านั้น หากไม่ได้ดูหัวหอก ให้เขารับรู้ด้ามหอกเพียงอย่างเดียว ก็เกรงว่าไม่รู้ว่านานเท่าไหร่จึงจะสามารถเข้าถึงจินตภาพระดับนั้นได้
“จื่อไป๋ พวกเราไปกันเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“ขอรับคุณชาย” มารรับใช้จื่อไป๋ก็มองหอกยาวแวบหนึ่ง เขาก็ลอบพึมพำเบาๆ เหตุใดคุณชายของตนจึงชมชอบสมบัติลับหัวหอกที่บกพร่องนั้นถึงเพียงนั้นกันหนอ
……
เช้าวันต่อมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พามารรับใช้จื่อไป๋ เถียนอี้จือและสาวใช้เหยียนอวี๋เดินทางออกจากสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เพื่อกลับไปยังเมืองอัคคีโชติ!
คัมภีร์ศาสตร์ลับต่างๆ ที่เขาอยากได้ ทั้งอากาศและเขตลวงโลกเทียมเขาก็ได้มาหมดแล้ว หัวหอกก็เคยรับรู้แล้วเช่นกัน
เมื่ออยู่ในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็มิอาจปะทุพลังทั้งหมดของกระบวนท่าที่ฝึกฝนออกมาได้ แน่นอนว่ายิ่งกลับไปยังเมืองอัคคีโชติเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!
“วันที่ข้ามายังนครหลวงครั้งหน้า ก็คือเวลาที่ข้าจะซื้อหัวหอกอันนั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ไม่ว่าจะเพื่ออาวุธสมบัติลับอันแข็งแกร่งเล่มหนึ่งที่เหมาะสมกับตน หรือเพื่อรับรู้ศาสตร์ลับของนายท่านฉื้ออวิ๋น เขาก็ต้องได้หัวหอกนั้นมาให้ได้!
………………………………..