Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 30 ความประหลาดใจ
“มีตำราเหล่านี้ ข้าก็มีความมั่นใจในการเป็นเทพจักรวาลเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูตำราจำนวนนับไม่ถ้วนที่ล่องลอยอยู่ภายในห้วงมิติอันกว้างใหญ่แล้วดวงตาก็เปล่งประกาย
ตำราที่เขียนเรียงรายอยู่บนเสาค้ำฟ้า
ตนเองไม่จำเป็นต้องไปคิดถึงมันเป็นการชั่วคราว เพราะว่าตำราเหล่านั้นจำเป็นต้องใช้แต้มความดีความชอบจำนวนมหาศาลจึงจะแลกเปลี่ยนมาได้ ตอนนี้ตนเองก็สามารถรับได้เพียงแค่ภารกิจระดับขั้นรวมเป็นหนึ่งของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์เท่านั้น เมื่อสำเร็จแล้วจึงจะได้รับแต้มความดีความชอบเป็นสิบเป็นร้อยแต้มได้ นอกจากนี้ภารกิจเหล่านี้ยังซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง พวกที่ง่ายดายหน่อยก็ล้วนถูกศิษย์ภายใต้สำนักคนอื่นๆ ช่วงชิงเอาไปหมดแล้ว!
ศิษย์ภายใต้สำนัก ดูเหมือนว่าจะเป็นขั้นอลวนกันหมด ต่างก็สามารถส่งร่างแปรผ่านระยะทางไกลมาได้ จึงสามารถทำภารกิจสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
“นึกอยากจะได้แต้มความดีความชอบมาก็ยังต้องรอให้ถึงเวลาที่สามารถเปิดเผยพลังยุทธ์ของข้าสู่สาธารณะได้ ยามที่สำแดงพลังยุทธ์ชั้นที่เก้าหรือแม้กระทั่งชั้นที่สิบ เมื่อถึงเวลานั้นความเร็วในการสะสมแต้มความดีความชอบก็จะรวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ
“สำหรับตอนนี้น่ะหรือ”
“ก็วางพื้นฐานให้ดีๆ ไปก่อนเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มต้นพลิกอ่านตำราจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างรวดเร็ว
……
คลังตำราของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นี้เกินจริงเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายแล้ว ‘เสาค้ำฟ้า’ อันโด่งดังก็มีเพียงน้อยนิดไม่ถึงหนึ่งร้อยชนิด ทั้งหมดที่เหลือล้วนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย! มีบางส่วนที่เป็นตำราศาสตร์ลับระดับเทพจักรวาลเลยทีเดียว
“ซึมซับการตกผลึกทางปัญญาของผู้อื่น ก็สามารถทำให้เส้นทางการบำเพ็ญของข้ากว้างขวางขึ้นมาได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อยที่จะศึกษาผู้อื่น เพราะการศึกษาผู้อื่นนั้นสามารถทำให้วิสัยทัศน์ของเขากว้างไกลขึ้นได้ ก็เหมือนกับพรสวรรค์แต่เดิมทางวิถีอากาศของเขาที่มิอาจเทียบได้กับ ‘เขตลวงโลกเทียม’ แต่เพราะว่าได้รับวิชาสืบทอดของบรรพชนห้วงอากาศและจักรพรรดิเก้าเมฆาอย่างต่อเนื่องกัน อีกทั้งงยังเคยหยั่งรู้ชุดเกราะของแม่ทัพโม่กู่ที่มีพรสวรรค์ ‘ไร้เงา’ มาก่อนด้วย ทั้งยังเคยพินิจดูทางเดินโลกาพิศวงมานับล้านล้านปี… การสั่งสมในหลายๆ ด้านทำให้ความสำเร็จบนเส้นทางวิถีอากาศของเขายกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงขนาดที่แซงหน้าวิถีเข่นฆ่าและวิถีระลอกคลื่น ใกล้เคียงกับเขตลวงโลกเทียมได้
แต่ในชาติภพนี้
สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ที่เขาคารวะเข้าสังกัด มีความเชี่ยวชาญทางด้านห้วงอากาศเป็นที่สุด กระทั่ง ‘เคล็ดร่างแยก’ ‘มหาศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ ‘เคล็ดกลายเป็นอากาศธาตุไร้สลาย’ และอื่นๆ ก็ล้วนมีด้วยกันทั้งสิ้น
บางทีชาตินี้ความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศอาจสูงส่งกว่าเขตลวงโลกเทียม นี่ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
ผู้ที่มีประสบการณ์ของผู้อาวุโสมากมายคนหนึ่ง…
กับคนที่ค่อยๆ เสาะแสวงหาด้วยตนเองคนหนึ่งก็ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
“ตำรามากมายดีจริง”
ตอนแรกตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เวลาไปสองวันกับการกวาดตามองตำราที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง
ความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศของเขาในตอนนี้ก็สูงส่งเป็นอย่างยิ่งแล้ว ที่สามารถเข้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่มากนัก ตำราทางด้านห้วงอากาศที่เขาต้องตาก็มีอยู่เพียงแค่หนึ่งร้อยเก้าสิบห้าเล่มเท่านั้นเอง! สำหรับเคล็ดลับที่บรรดาผู้อาวุโสชี้แนะการบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าเหล่านั้นก็มิได้อยู่ในสายตาของเขาเลย เพราะบรรดาผู้อาวุโสเหล่านั้นมีอยู่เพียงไม่กี่คนที่สามารถไปถึงพลังรบชั้นที่สิบตอนยังเป็นขั้นอลวนได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงคร้านที่จะไปเสียเวลาด้วย
“หนึ่งร้อยเก้าสิบห้าเล่ม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ ตำราหนึ่งร้อยเก้าสิบห้าเล่มนี้ กว่าสามสิบเล่มล้วนเป็นสิ่งที่ ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ เป็นผู้เขียนขึ้น! ส่วนเล่มอื่นๆ นั้นหากมิใช่ตำราที่มุ่งสู่การเป็นเทพจักรวาล ก็เป็นตำราที่ค่อนข้างแปลกประหลาด
“มีตำราเกี่ยวกับเขตลวงโลกเทียมอยู่มากพอสมควรทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดีเป็นที่สุด
ตำราทางด้านเขตลวงโลกเทียมที่เขาเห็นความสำคัญนั้นมีอยู่เพียงน้อยนิด โดยเฉพาะเมื่อทั้งดินแดนจิตโลกา ตำราทางด้านเขตลวงโลกเทียมก็มิได้มีอยู่มากมายสักเท่าใดอยู่แล้ว ที่เก็บสะสมอยู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปอีก ที่เข้าตาตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีอยู่เพียงแค่สิบแปดเล่มเท่านั้น! ที่สามารถบำเพ็ญไปถึงระดับเทพจักรวาลได้ก็มีอยู่เพียงแค่สองเล่มเท่านั้น นอกจากนี้อยากจะหาตำราที่เป็นขั้นอลวนสำแดงพลังรบระดับชั้นที่สิบนั้นกลับไม่มีอยู่เลยแม้แต่เล่มเดียว!
นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ขั้นอลวนสำแดงพลังรบระดับชั้นที่สิบ นี่ก็เท่ากับว่าสามารถต่อกรกับเทพจักรวาลอย่างซึ่งหน้าได้แล้ว ก็ย่อมนับได้ว่าเป็นเคล็ดลับที่สำนักสักแห่งหนึ่งไม่มีทางเปิดเผยออกสู่โลกภายนอกได้โดยง่าย
เช่นสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็ต้องเป็นศิษย์ภายใต้สำนักจึงจะสามารถศึกษาได้ หากมิได้เป็นศิษย์ภายใต้สำนัก ตามปกติแล้วก็ต้องจ่ายเป็นมูลค่ามหาศาลจึงจะสามารถศึกษาได้
“พอแล้ว”
“เพียงพอแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงชอบใจนัก เพราะว่าตำราเขตลวงโลกเทียมสิบแปดเล่มก็ทำให้เขาเปิดวิสัยทัศน์ได้อย่างกว้างขวาง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นยอดฝีมือของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ที่สามารถคิดค้นเคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่เก้าออกมาได้
“ตำราเหล่านี้ก็เท่ากับเป็นทิศทางการบำเพ็ญที่แตกต่างกัน ทำให้ความมั่นใจในการเหยียบย่างเข้าสู่ระดับเทพจักรวาลของข้าเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว”
การคารวะเข้าสู่สำนักน่ะหรือ
เขามิได้สนใจสมบัติล้ำค่าเลย! ผู้หนุนหลัง เขาก็มิได้สนใจเช่นกัน!
สิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสนใจก็คือตำราศาสตร์ลับที่เหล่าผู้แกร่งกล้ารุ่นแล้วรุ่นเล่าในประวัติศาสตร์อันยาวนานของดินแดนจิตโลกาทิ้งเอาไว้ แต่ว่ากันว่า ‘วิถี ไม่ถ่ายทอดโดยง่าย’ สถานะดังเช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณานั้นสั่งสมตำรามากมายเช่นนี้เอาไว้ก็มิใช่เรื่องง่ายเลย ผู้ที่มิได้สวามิภักดิ์โดยสมบูรณ์อย่างแท้จริงก็ไม่สามารถพลิกอ่านตำราเหล่านี้ตามอำเภอใจได้ ต่อให้อยากจะสวามิภักดิ์ แต่ไม่มีพรสวรรค์และพลังยุทธ์ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ไม่รับ
******
ได้รับตำราเหล่านี้มา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จดจำเอาไว้จนหมดก่อน
หลังจากนั้นจึงค่อยเริ่มบำเพ็ญอย่างเจียมตนอยู่ภายในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ แล้วพลิกอ่านหนังสือเบ็ดเตล็ดต่างๆ เพื่อเปิดวิสัยทัศน์เป็นครั้งคราว กาลเวลาเคลื่อนผ่านไป พริบตาเดียวก็เป็นเวลาที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้ามายังสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์นานกว่าสามหมื่นปีเศษแล้ว
กลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง
เงาร่างของหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวเคลื่อนผ่านเวหา บุกสังหารไปทางพลทหารชุดเกราะเก้านายที่อยู่ไกลออกไป พลทหารชุดเกราะเหล่านี้ถืออาวุธที่แตกต่างกัน มีบางคนถือมีดดาบ บางคนถือโล่ บางคนถือคันธนูและลูกดอก…
“พรึ่บ”
เงาร่างของหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวกะพริบวาบในทันใด เง่าร่างอันน่าอัศจรรย์สายแล้วสายเล่าปรากฎตัวไปทั่วทุกหนแห่ง ราวกับมีเงาร่างแปดเก้าสายปรากฎตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน
ความรวดเร็วและความน่าอัศจรรย์นั้นทำให้จำแนกได้ยากว่าเป็นความเท็จหรือความจริง
“สวบ”
นิ้วมือของตงป๋อเสวี่ยอิงชี้ไปยังด้านหลังของพลทหารคนหนึ่ง ปึง ด้านหลังของนายทหารผู้นั้นลุกไหม้ขึ้นมาในทันที โพรงโลหิตขนาดใหญ่โพรงหนึ่งปรากฏขึ้น หยาดโลหิตสาดกระจาย พลทหารที่กลับหลังหันอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าผู้นั้นมีขวานเล่มหนึ่งอยู่ในมือ ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับหายตัวไปเสียแล้ว เงาร่างราวกับภูติผีปีศาจสิบกว่าสายบุกปะทะเข้าหาพลทหารถือขวานผู้นั้นจากทิศทางต่างๆ กัน
……
อาศัยเคล็ดร่างกายอันน่าหวาดหวั่นก็สามารถบดขยี้พลทหารเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ผ่านเวลาสังหารไปชั่วจิบชาถ้วยหนึ่ง พลทหารชุดเกราะเก้านายนี้ก็สูญสิ้นพลังไปจนหมด สูญสลายหายลับไปจากที่นั้น
“ผ่านแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มคราหนึ่ง ไกลออกไปมีบันไดทรงเจดีย์ปรากฏขึ้น เมื่อขึ้นไปตามบันไดก็สามารถเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดของวังปฐมเทพที่อยู่สูงขึ้นได้
ชั้นที่เจ็ดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อม ‘พ่ายแพ้ราบคาบ’ แล้ว
“อะไรนะ”
“อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เพิ่งจะเข้าสู่สำนักได้ไม่นานเท่าใดเท่านั้นเอง ก็บุกผ่านชั้นที่หกของวังปฐมเทพแล้วหรือ”
“รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
เมื่อบรรดาผู้อาวุโสแต่ละท่านของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ได้ทราบข่าวแล้วต่างก็ประหลาดใจกันเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่เข้าสู่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์แล้วบรรลุอย่างรวดเร็วนี้เป็นเรื่องที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ แต่ถ้าหากคิดถึงอายุของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ช่างเหนือจริงเป็นอย่างยิ่งแล้ว… ห้าล้านปีเท่านั้นเอง!
“เขาได้เข้าไปบำเพ็ญใน ‘โลกมิติเวลา’ หรือไม่ สามหมื่นกว่าปีนี้ หรือว่าเขาเร่งเวลาบำเพ็ญเป็นร้อยเท่าพันเท่าเล่า
“เปล่าเลย”
“เขามิได้เร่งเวลาเลย ดูจากกลิ่นอายของวิญญาณ ก็เพียงแค่ห้าล้านปีเศษๆ เท่านั้นดังเดิม”
“ข้าได้ไปสอบถามวิญญาณค่ายกลได้ความมาว่านอกจากอิงซานเสวี่ยอิงจะเก็บตัวเพื่อบำเพ็ญอยู่ภายในคูหาของตนตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้แล้ว ดูเหมือนว่าก็จะพลิกอ่านตำราอยู่ในโลกหนังสือสะสมตลอด มิได้ทำการเร่งเวลาเพื่อบำเพ็ญแต่อย่างใดเลย
“พลิกอ่านตำราอย่างนั้นหรือ อ้อ ก็ใช่ ภายในโลกหนังสือสะสมมีตำราจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีประสบการณ์ของเหล่าผู้อาวุโสจำนวนมากมายเกี่ยวกับการบำเพ็ญวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าอีกด้วย คาดว่าก่อนหน้านี้เจ้าเด็กอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้คงจะไม่มีอาจารย์ ก้มหน้าก้มตาบำเพ็ญอยู่ในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองอัคคีโชตินั่นมาโดยตลอด ตอนนี้เพียงชั่วครู่ก็ได้รับการชี้แนะจากประสบการณ์ของผู้อาวุโสจำนวนมาก ก็พบทางสว่างในทันใด หยั่งรู้ไปถึงพลังยุทธ์ระดับชั้นที่หกของวังปฐมเทพในทันที ก็เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง”
“อืม ก็คงจะเป็นเช่นนี้แหละ”
เหล่าผู้อาวุโสแต่ละคนวิพากษ์วิจารณ์กัน
ถึงแม้พวกเขาจะเข้าใจว่าผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่ได้รับการชี้แนะที่ดีในอดีตคนหนึ่ง ตอนนี้ภายใต้การชี้แนะประสบการณ์จากตำราของผู้อาวุโสจำนวนมากแล้วบรรลุก็เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เพียงแค่ห้าล้านปีเท่านั้น ก็ยังน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งอยู่ดี
……
เมืองหลวงของรัฐเมฆทักษิณา
ภายในคูหาอันหรูหราเป็นที่สุดแห่งหนึ่ง ภายในเรือนไม้ไผ่ที่มีสายน้ำไหลล้อมรอบ หญิงสาวอาภรณ์ม่วงผู้งดงามคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ อาภรณ์ของนางยาวเป็นอย่างมาก จนแทบจะปกคลุมพื้นครึ่งหนึ่งของเรือนไม้ไผ่แล้ว
นางกำลังหยิบเข็มเล่มหนึ่งขึ้นมาแล้วปักภาพลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“เจ้านายขอรับ” บุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ด้านนอกเอ่ยอย่างเคารพอยู่ด้านนอกม่านไม้ไผ่ของเรือนไม้ไผ่ว่า “ทางสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ส่งข่าวมาขอรับ”
“มีเรื่องอันใดหรือ” หญิงสาวผู้นี้เอ่ยอย่างเรียบเฉย น้ำเสียงว่างเปล่า แทรกทะลุผ่านวิญญาณผู้คน
บุรุษที่อยู่ด้านนอกอดที่จะหัวใจบีบรัดมิได้ เขาเข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าเจ้านายของตนนั้นน่ากลัวเกรงสักเพียงใด จึงเอ่ยอย่างเคารพนบนอบในทันที “ศิษย์ภายใต้สำนักคนล่าสุดของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ‘อิงซานเสวี่ยอิง บุกผ่านชั้นที่หกของวังปฐมเทพในวันนี้ จนกระทั่งบัดนี้เขาก็เพิ่งจะบำเพ็ญมาทั้งสิ้นเพียงห้าล้านห้าหมื่นปีเศษเท่านั้นเองขอรับ”
“อ้อหรือ ส่งเทียบเชิญของข้าไป เชิญเขามาเข้าร่วมงานเลี้ยง” เสียงของหญิงสาวแฝงเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
…………………………………………………….