ใบเมฆาวายุกำลังหลบหนีอย่างเร่งร้อน ทว่าในใจของเขากลับยิ่งทวีความเยือกเย็น
เพราะว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึก คนร่างยักษ์สูงตระหง่านที่อยู่เบื้องหลังยังคงเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า ดูคล้ายว่าจะสบายๆ แต่เพียงชั่วพริบตาผู้บำเพ็ญก็ถูกเหยียบตายไปกว่าร้อยคนแล้ว
“เจ้าทะเลหุบเหวลึก เจ้าสามารถปล่อยข้าเอาไว้ได้หรือไม่ ข้าจะเต็มใจฟังบัญชาเจ้าอย่างสมบูรณ์เลย!” เสียฝานที่อยู่ไม่ห่างออกไปจากใบเมฆาวายุมองดูเจ้าทะเลหุบเหวลึกที่อยู่ด้านหลังแล้วพยายามถ่ายเสียงออกไปหา ขณะนี้ ‘เสียฝาน’ ชายชราร่างเตี้ยเล็กมองไปทางเจ้าทะเลหุบเหวลึก แววตามีความถ่อมเนื้อถ่อมตัวเพื่อประจบประแจง เขาย่อมมิได้สนใจหน้าตาอยู่แล้ว
ในบรรดาผู้บำเพ็ญที่ถูกเหยียบตายไปเป็นจำนวนมาก ผู้ที่ร้องขอชีวิตแล้วยอมสวามิภักดิ์นั้นถึงแม้ว่าจะมีอยู่น้อยนิดเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีอยู่บ้าง
เพราะมีผู้บำเพ็ญบางส่วนมองว่า… ขอเพียงแค่ตนเองมีชีวิตรอดเท่านั้น เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็มีความหวัง!
“ปึง”
เท้าใหญ่ข้างหนึ่งเหยียบลงมา สะท้อนอยู่ในดวงตาที่เบิกกว้างของเสียฝาน จากนั้นเสียฝานก็กลายเป็นผุยผงไปเสียแล้ว
นัยน์ตาของเจ้าทะเลหุบเหวลึกเยียบเย็นเป็นอย่างยิ่ง
ร้องขอชีวิตหรือ
ข้าถูกทรมานขัดเกลาลงโทษมาเป็นระยะเวลายาวนานเช่นนี้ ได้รับความลำบากยากเข็ญมานับไม่ถ้วน ผู้บำเพ็ญอ่อนแอพวกนี้ต้องตายกันไปให้หมด! ไม่ปล่อยไปเลยแม้แต่คนเดียว!
“ปึง ปึง ปึง…” เจ้าทะเลหุบเหวลึกเหยียบลงไปอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้เพลิงโทสะของเขาลุกโชน ด้านหนึ่งก็เพื่ออยากจะหาทางระบายความโกรธที่สะสมมาเป็นระยะเวลายาวนานและแก้แค้น ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถสลัดให้หลุดจากโซ่ตรวนได้ ไม่มีทางไปจากโลกแห่งนี้ได้ เขาก็ยังคงอยู่ท่ามกลางความตื่นตระหนก… เมื่อใดที่ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นทางฝั่งผู้บำเพ็ญไปถึงก่อนก้าวหนึ่ง เขาที่พลังยุทธ์ลดลงไปอย่างมหาศาลเนื่องจากได้รับผลกระทบของค่ายกลปิดผนึก ก็เกรงว่าคงต้องเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว
การคุกคามของความตายยังไม่เลือนหาย
เจ้าทะเลหุบเหวลึกจะใจดีปล่อยบรรดาผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอเหล่านี้ไปได้อย่างไรกันเล่า
ต้องเหยียบตายให้หมดสิ้น! เหยียบตายให้หมดสิ้น! ไม่เหลือทิ้งเอาไว้เลยแม้แต่คนเดียว!
“ใบเมฆาวายุ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกมองเห็นใบเมฆาวายุที่กำลังหลบหนีแล้วสีหน้าก็ทวีความเหี้ยมโหดมากยิ่งขึ้น ผู้ที่เขาอยากจะสังหารมากที่สุดในบรรดามดปลวกที่อ่อนแอฝูงนี้ก็คือผู้ที่มีชื่อว่าจ้าวหิมะเหินผู้นั้น ส่วนคนที่สองก็คือใบเมฆาวายุผู้นี้นี่เอง จ้าวหิมะเหินตายไปเรียบร้อย ก็มาถึงคราวของใบเมฆาวายุผู้นี้แล้ว
“เจ้าเมืองเมฆาวายุ”
“พี่เมฆาวายุก็จะดับสูญแล้วเช่นกันหรือ”
เหล่าผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ มากมายที่กำลังอยู่ระหว่างการหลบหนีแต่ละคนต่างก็รู้สึกสะเทือนใจกับการตายของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ พวกเขาคาดการณ์ได้ว่าอีกไม่นานก็ต้องมีจุดจบเฉกเช่นเดียวกันกับใบเมฆาวายุแล้ว
เหล่าผู้บำเพ็ญที่อยู่ในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญจำนวนมากต่างก็ไม่มีร่างแยกกันทั้งสิ้น!
เพราะโดยทั่วไปแล้วก็มาจากสถานที่ที่มิใช่โลกกำเนิดอย่าง ‘โลกอสนีบาต’ โดยทั่วไปแล้วต่างก็ไม่สามารถบำเพ็ญเคล็ดร่างแยกกันได้! เหล่าผู้บำเพ็ญของโลกกำเนิดโดยทั่วไปเท่านั้นจึงจะมีความหวังในการบำเพ็ญได้ แต่เหล่าผู้บำเพ็ญของโลกกำเนิดก็จำเป็นต้องดูเส้นทางการบำเพ็ญ ‘วิถีอากาศ’ โดยทั่วไป หรือว่าผู้ที่มีวิธีการบำเพ็ญแบบพิเศษเท่านั้นจึงจะมีความหวังในการบำเพ็ญร่างแยกออกมาได้
ร่างแยกนั้นได้มายากยิ่ง!
และในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ ส่วนใหญ่ล้วนมีสายโลหิตคละถิ่นอยู่ในร่างกายกันทั้งสิ้น คนเหล่านี้ล้วนยากที่จะบำเพ็ญร่างแยกได้ แต่เหล่าผู้ตระหนักวิถีส่วนใหญ่ก็ไม่มีร่างแยกกันทั้งสิ้น เพราะว่าโลกที่ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นเหตุ หรือไม่ก็เพราะ ‘วิถี’ ของตนเป็นเหตุ
ผู้ที่มีร่างแยกนั้นมีจำนวนน้อยนิดยิ่งนัก
“หนีไม่รอดแล้วล่ะ”
“ข้า ใบเมฆาวายุ วิถีสองสายต่างก็ไปถึงระดับครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแล้วทั้งสิ้น ด้วยการสั่งสมของข้า เมื่อเผชิญหน้ากับความตายก็มีความเป็นไปได้สายหนึ่งในการบรรลุ”
ใบเมฆาวายุหมุนการเผชิญหน้า ไม่หนีอีกต่อไปแล้ว
เขาจ้องมองเงาร่างของคนร่างยักษ์อันสูงใหญ่ตระหง่านนั้น ในสายตาอันดุร้ายและบ้าคลั่งของใบเมฆาวายุไม่มีความหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความบ้าคลั่งเท่านั้น
เสี่ยงเถิด
หากไม่บรรลุ เช่นนั้นก็ต้องตาย!
“ฮ่าฮ่า…” เจ้าทะเลหุบเหวลึกเหยียบลงมาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอย่างลำพองใจราวกับสายฟ้าฟาด ในบรรดาผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอเหล่านี้ มีเพียงจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างแรงกล้ายามที่เหยียบตายได้
“ปัง!”
เท้าหนึ่งเหยียบลงมาจากชั้นเมฆ
ผู้บำเพ็ญจำนวนมากต่างก็หนังตาเกร็งกระตุกคราหนึ่ง นี่ก็คือผู้ที่เป็นที่รู้กันทั่วว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศที่สุดของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญก่อนหน้าที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจะมาถึง ก็จะต้องดับสูญอยู่ที่นี่แล้วหรือ
ใบเมฆาวายุเงยหน้าขึ้นมองตาไม่กะพริบ
“ปึง”
ฝ่ามือใหญ่มหึมาเช่นกันข้างหนึ่งที่มีความยาวราวๆ พันลี้ ผิวหนังขาวผ่องมีประกายระยิบระยับ อีกทั้งบริเวณพื้นผิวของผิวหนังก็มีพลังอันอ่อนโยนชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่ด้วย ฝ่ามือขนาดยักษ์นี้ดูคล้ายว่าจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ ค่อยๆ ช้อนขึ้นมา! แล้วช้อนตัว ‘ใบเมฆาวายุ’ เอาไว้ในอุ้งมือ จากนั้นฝ่ามือข้างนั้นก็เก็บกลับไปอย่างง่ายๆ
ปึง!
เท้าใหญ่กระทืบลงไป เหยียบลงไปบนพื้นหิมะ ทำให้ผิวดินที่ปกคลุมด้วยหิมะสั่นสะเทือนและแตกกระจาย
เหยียบความว่างเปล่าเข้าเสียแล้ว!
มิได้เหยียบใบเมฆาวายุตาย!
ทว่าดวงตาของเจ้าทะเลหุบเหวลึกกลับจ้องจนกลอกกลิ้งในทันใด จ้องมองเงาร่างสูงตระหง่านตรงหน้า ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวตรงหน้าคนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเขา มีร่างสูงแปดพันลี้เช่นเดียวกัน! คนทั้งสองปะทะสายตากัน มุมปากของชายหนุ่มอาภรณ์ขาวถึงกับเผยรอยยิ้มสายหนึ่งออกมา
“เจ้า เจ้า…” เจ้าทะเลหุบเหวลึกไม่อยากจะเชื่อ “จ้าวหิมะเหินหรือ”
เขามองปราดเดียวก็จำได้แล้วว่าบุคคลตรงหน้าผู้นี้ก็คือเป้าหมายแรกของเขาในบรรดาผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอ! แต่ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาได้ถูกเหยียบตายไปก่อนหน้านี้แล้ว
จ้าวหิมะเหินร่างสูงแปดพันลี้ตรงหน้า กลิ่นอายชีวิตไม่นับว่าแข็งแกร่ง ยังคงเป็นเพียงแค่ร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอยู่ดี
เป็นไปได้อย่างไรกัน
บริเวณโดยรอบอยู่ภายในอาณาเขตกฎเกณฑ์ของเขา ถึงแม้ว่ากฎเกณฑ์ของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญนี้จะบีบให้ร่นถอยออกไปแล้ว ภายในอาณาเขตกฎเกณฑ์ของเขา ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาก็ยังต้องไม่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้เลยจึงจะถูกต้อง! จ้าวหิมะเหินผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศได้อย่างไรกัน นอกจากนี้มดปลวกเล็กจ้อยอ่อนแอที่มิได้เป็นแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นคนหนึ่ง… จะทำให้ร่างกายคงความสูงแปดพันลี้ภายใต้อาณาเขตกฎเกณฑ์ของเขาได้อย่างไรกัน
“เจ้าไม่ตายหรือนี่” เจ้าทะเลหุบเหวลึกอดพูดมิได้ “ไม่ตายได้อย่างไรกัน”
“เจ้าฆ่าข้ามิได้หรือก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก
ใช่แล้ว
ก่อนหน้านี้ร่างกายถูกทำลาย แต่เขาสามารถควบคุมพลังแห่งโลกาทั่วทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญและพลังต้นกำเนิดจักรวาลบางส่วนได้ พลังต้นกำเนิดจักรวาลรวมตัวกันเป็นร่างกายร่างหนึ่งอยู่ข้างกายเจ้าทะเลหุบเหวลึกอย่างรวดเร็ว เพราะว่าเป็นเพียงแค่ร่างกายของร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเท่านั้น! สำหรับพลังต้นกำเนิดจักรวาลของโลกแห่งหนึ่งแล้ว การรวบรวมร่างกายอันอ่อนแอเช่นนี้เอาไว้นั้นเป็นเรื่องเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้นเอง!
ร่างกายรวมตัวกันขึ้นมาแล้วร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีพลังต้นกำเนิดจักรวาลของโลกบางส่วนเสริมอยู่ด้วย ทุกการเคลื่อนไหวก็มีพลังแห่งโลกาของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญทั้งโลกอยู่ ก็ย่อมต้านทานอาณาเขตกฎเกณฑ์ของเจ้าทะเลหุบเหวลึกแล้วคงความสูงแปดพันลี้เอาไว้ได้อย่างสบายๆ อยู่แล้ว
ไม่ต้องพูดถึงแปดพันลี้เลย ต่อให้เป็นแปดหมื่นลี้ หรือแปดแสนลี้ เขาก็สามารถคงเอาไว้ได้ทั้งสิ้น
เพียงแต่ว่าเพื่อการช่วยเหลือผู้คน… ร่างกายที่สูงแปดพันลี้นั้นมีความเหมาะสมมากกว่า
“อาณาเขตกฎเกณฑ์นี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็รู้สึกได้แล้วว่าความกดดันของตัวอาณาเขตกฎเกณฑ์เองนั้นมิได้นับว่าแข็งแกร่งนัก อย่างน้อยก็มิได้นับว่าแข็งแกร่งสำหรับเขาที่มีอิทธิพลของโลกอยู่ในทุกการเคลื่อนไหว แต่กฎเกณฑ์ก็คือกฎเกณฑ์! ภายใต้การกำหนดกฎเกณฑ์ บริเวณโดยรอบมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ ต่อให้เป็นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ ในทางกลับกันการรวมร่างกายก่อนหน้านี้ เขาสามารถรวมร่าง ณ แห่งหนใดของโลกก็ได้ แต่เมื่อร่างกายสำเร็จแล้วกลับไม่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้เลย
นอกเสียจากว่าเหาะเหินออกไปจากอาณาบริเวณที่กฎเกณฑ์ของเจ้าทะเลหุบเหวลึกปกคลุม
เป็นถึงเทวทูตของโลก! ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาภายในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญได้อย่างง่ายดาย
……
“นี่ นี่…”
“นี่คือจ้าวหิมะเหินหรือ”
“มิใช่ว่าเขาตายไปแล้วหรอกหรือ เหตุใดจึงปรากฏตัวขึ้นมาจากไหนไม่รู้ได้เล่า แถมยังสามารถคงสภาพร่างกายอันใหญ่โตเช่นนี้เอาไว้ได้อีกด้วยหรือ”
เหล่าผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ มากมายที่กำลังหลบหนีไปยังทิศทางต่างๆ อยู่ในขณะนี้ล้วนปากอ้าตาค้าง มิอาจเข้าใจได้ในทันที
บรรลุสำเร็จเป็นคละถิ่นแล้วอย่างนั้นหรือ
เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่! กลิ่นอายของจ้าวหิมะเหินยังคงเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอยู่เช่นเดิม แต่เหตุใดกลับสามารถคงสภาพร่างกายเช่นนี้เอาไว้ได้กันเล่า
“ข้า ข้าได้รับความช่วยเหลือแล้วอย่างนั้นหรือ” ใบเมฆาวายุผู้อยู่ในอุ้งมือของตงป๋อเสวี่ยอิงก็งงงันอยู่บ้าง ฝ่ามือนี้มีขนาดใหญ่เกือบพันลี้ ในอุ้งมือของตงป๋อเสวี่ยอิง ใบเมฆาวายุเงยหน้ามองจ้าวหิมะเหินที่สูงตระหง่านผู้นั้น แล้วมองดูเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้มีความสูงเท่าๆ กันที่อยู่ด้านข้างแล้วก็อดที่จะงงงันเต็มหัวใจมิได้ “เขามิได้สำเร็จเป็นคละถิ่นนี่นา แต่เหตุใด…”
มิได้สำเร็จเป็นคละถิ่นแต่กลับกล้าท้าทายสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาอย่างนั้นหรือ
นี่ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเอาชีวิตรอดมาได้อย่างไร ไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงสามารถคงสภาพร่างกายอันใหญ่โตเช่นนี้เอาไว้ภายใต้อาณาเขตกฎเกณฑ์ของข้าได้ แต่ในท้ายที่สุดแล้วเจ้าก็ยังเป็นเพียงแค่มดปลวกตัวเล็กจ้อยที่ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเลยเสียด้วยซ้ำ ไปตายให้ข้าเสียเถิด!” รยางค์สิบหกเส้นของเจ้าทะเลหุบเหวลึกโบกสะบัด ทำให้ห้วงอากาศบริเวณรอบๆ แตกกระจายจนหมดสิ้น แฝงไว้ด้วยพลังคุกคามอันผลาญฟ้าทลายดินปกคลุมเข้ามา
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนไหวแล้ว
เมื่อเขาเคลื่อนไหวขึ้นมา ร่างกายก็เหลือควันหลงมากมายนับไม่ถ้วนทิ้งเอาไว้
ควันหลงสายหนึ่งก็จับตัวผู้บำเพ็ญคนหนึ่งเอาไว้ ควันหลงอีกสายหนึ่งก็ช้อนตัวผู้บำเพ็ญอีกคนหนึ่งขึ้นมา…
เจ้าทะเลหุบเหวลึกคิดจะโจมตี แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับช่วยเหลือผู้บำเพ็ญหลายท่านที่อยู่ในทิศทางนี้ขึ้นมาจนหมดแล้ว นอกจากนี้ยังเปลี่ยนทิศทางไปช่วยเหลือผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ อีกด้วย
“รวดเร็วยิ่งนัก”
“ความเร็วของเขา…”
เดิมทีเจ้าทะเลหุบเหวลึกยังอยากจะเข่นฆ่าตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างเดือดดาลบ้าคลั่ง แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงช่างรวดเร็วเหลือเกิน ขจัดเขาออกไปแล้วไปช่วยเหลือผู้บำเพ็ญคนแล้วคนเล่าได้อย่างง่ายดาย
พูดถึงความเร็ว
เจ้าทะเลหุบเหวลึกถูกโซ่ตรวนของทั้งค่ายกลปิดผนึกฉุดลากอย่างสุดกำลัง ความเร็วก็เชื่องช้าลงไปเป็นอันมากแล้วจริงๆ ต่อให้ยังคงครองความได้เปรียบในการจัดการกับเหล่าผู้บำเพ็ญที่อ่อนแออย่างสิ้นเชิง แต่สำหรับการเผชิญกับตงป๋อเสวี่ยอิงที่มีพลังแห่งโลกาส่งเสริมจนมีความเร็วไม่ด้อยไปกว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงเลยแม้แต่น้อย เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็อับจนหนทางอยู่บ้างแล้ว
“หนีไปให้หมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงช่วยเหลือผู้บำเพ็ญคนแล้วคนเล่าไปพลาง ควบคุมพลังแห่งโลกาไปพลาง พลังแห่งโลกาอันปั่นป่วนห่อหุ้มเหล่าผู้บำเพ็ญกว่าหมื่นคนที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกหนแห่งเอาไว้ ทำให้ความเร็วในการหลบหนีของบรรดาผู้บำเพ็ญเหล่านี้เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
“ช่วยหรือ เจ้าช่วยไหวหรืออย่างไร” เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็มิได้โง่งม ถ้าหากไล่ตามก้นตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ด้านหลังก็ย่อมมิอาจไล่ตามได้ทันไปตลอดกาล
แต่ว่าผู้บำเพ็ญมากมายหลายทิศทางโดยรอบ
เขาไล่ตามเหล่าผู้บำเพ็ญนั้นก็ยังคงง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง!
“ฟิ้ว”
เจ้าทะเลหุบเหวลึกกระโจนก้าวใหญ่ ภายใต้การระเบิดอย่างสุดกำลัง เพียงไม่นานก็ไล่ตามผู้บำเพ็ญที่ทิศทางหนึ่งได้ทัน
“ตายให้ข้าเสียเถิด!” เจ้าทะเลหุบเหวลึกโบกสะบัดรยางค์สิบหกเส้นอย่างลำพองใจ รยางค์ตวัดลงมาราวกับเสาค้ำฟ้า นี่คือเคล็ดวิชาที่เจ้าทะเลหุบเหวลึกสำแดงอย่างสุดกำลัง ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการเหยียบให้ตายอย่างเกียจคร้านตามสบายเท่านั้น ตอนนี้ภายใต้การระเบิดพลังอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้ว่าเหล่าผู้บำเพ็ญจะมีระยะห่างระหว่างกัน แต่ภายใต้การโจมตีอย่างสุดกำลังแล้วส่งผลกระทบต่ออาณาบริเวณโดยรอบ ครั้งหนึ่งก็ฆ่าผู้บำเพ็ญตายไปหลายสิบคนก็ยังสามารถทำได้
“หืม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมไล่ตามมาในทันที สวบๆๆ… เขารวดเร็วกว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึกอยู่หลายเท่าตัว และในยามที่เจ้าทะเลหุบเหวลึกสะบัดรยางค์ก็เข้าไปสกัดอยู่ด้านหน้า มือขวากุมหอกยาวเล่มหนึ่งที่ยาวกว่าหมื่นลี้ หอกยาวกวัดแกว่งหมายจะสกัดรยางค์ที่มีอยู่ทั้งหมดเอาไว้
“สกัดกั้นข้าอย่างนั้นหรือ มดปลวกที่มิได้เป็นแม้แต่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นอย่างเจ้าก็กล้ามาสกัดข้าซึ่งๆ หน้าด้วยอย่างนั้นหรือ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกกลับบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น “ตายเสียเถิด”
ขวับ ขวับ ขวับ ขวับ ขวับ ขวับ!!!!!!
ภายใต้การตวัดอย่างบ้าคลั่งของรยางค์สิบหกเส้น ถึงแม้ว่าจะมีการกดดันอย่างสุดความสามารถของโซ่ตรวน ก็ยังคงมีพลังยุทธ์อันน่าหวาดหวั่นอยู่เช่นเดิม
“ฟิ้ว…”
ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเหินลอยออกไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว ลอยกระเด็นออกไปไกลหลายแสนลี้ในทันใด แล้วยังโซซัดโซเซถอยหลังไปสามก้าวจึงจะยืนปักหลักได้
“โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ ถึงแม้ว่าโลกจะมีเสถียรภาพเป็นอย่างยิ่ง มีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นธรรมดาสามัญจำนวนมากมายมหาศาลดำรงชีวิตอยู่ อีกทั้งยังคุมขังนักโทษคละถิ่นเอาไว้ด้วย แต่พูดถึงแหล่งต้นกำเนิด พูดถึงพลังแห่งโลกา… เมื่อเปรียบเทียบกับโลกกำเนิดแล้วก็ยังด้อยกว่าเป็นพันเท่าหมื่นเท่าเลยทีเดียว ข้าสามารถโคจรพลังแห่งโลกาได้มากมายถึงเพียงนี้ แต่ก็ยังถูกสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาที่พลังยุทธ์ลดต่ำลงไปอย่างมหาศาลกดดันเอาไว้ได้อยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบบ่นพึมพำ
แต่ในขณะนี้
สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่มีอยู่นอกจากตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็ตะลึงงันกันไปเสียแล้ว
“เขา เขา… เขาสกัดสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาเอาไว้อย่างนั้นหรือ”
“จ้าวหิมะเหิน กลิ่นอายของเขา แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็ยังมิใช่เลยกระมัง”
“ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์ของเจ้าทะเลหุบเหวลึกจะลดต่ำลงไปอย่างมหาศาล นั่นก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงอยู่ดี เป็นไปได้อย่างไรกัน! นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน”
ผู้บำเพ็ญแต่ละคนต่างก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเหลือผู้คนได้อย่างรวดเร็ว ก็ยังคิดว่าเป็นเคล็ดวิชาการหลบหนีอะไรบางอย่าง แต่การสกัดกั้นซึ่งหน้าแล้วเพียงแค่ถูกโจมตีจนร่นถอยไปเท่านั้น นี่ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปเสียแล้ว บอกได้ชัดเจนว่าระดับพลานุภาพของทั้งสองฝ่ายเป็นระดับเดียวกันแล้ว ต่อให้นับได้ว่าพลังยุทธ์ของเจ้าทะเลหุบเหวลึกลดต่ำลงไปอย่างมหาศาล ขณะนี้พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง เกรงว่าก็ยังนับได้ว่าเป็นขั้นสุดยอดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงเลยทีเดียว
เป็นไปได้อย่างไรกัน
“จ้าวหิมะเหิน นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน” บุรุษร่างสูงผอมในอาภรณ์ดำที่อยู่กลางอากาศไกลออกไปมองดูอยู่ห่างๆ ทั้งยังเกิดความสับสนว่าวิญญาณอาวุธตนหนึ่งอย่างเขา ขณะนี้ก็ไม่มีทางตระหนักรู้ได้แล้ว
“เจ้าเจตนานี่ เจ้าสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแล้ว ถูกต้องหรือไม่เล่า เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงเรียบร้อยแล้ว! แต่แกล้งปลอมแปลงเป็นกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอ ใช่หรือไม่” เจ้าทะเลหุบเหวลึกคำราม ถึงแม้ว่าเขาจะคำราม แต่ก็ยังคงมีความสับสนเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาที่ยิ่งใหญ่เช่นเขา ถ้าหากตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นรู้สายโลหิต บรรลุไปถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงแล้วจริงๆ ว่ากันตามเหตุผลก็ย่อมไม่สามารถซ่อนเร้นต่อหน้าเขาได้อยู่แล้ว เขาต้องสามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ภายในปราดเดียวจึงจะถูกต้อง
นอกจากนี้
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเหยียบตงป๋อเสวี่ยอิงจนตายก็ได้ค้นพบแล้วว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้มีสายโลหิตคละถิ่นแต่อย่างใด
ว่ากันตามเหตุผล การบรรลุในชั่วพริบตา ก็เป็นได้เพียงแค่การใช้พลังทำลายกฎเท่านั้น! แต่นั่นคือการสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนที่สงส่ง นิ้วมือข้างเดียวก็สามารถบี้เขาให้ตายได้แล้ว
“เป็นไปไม่ได้ ไม่ควรเป็นเช่นนี้สิ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกตะลึงไปโดยสิ้นเชิงเสียแล้ว
……
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้กระทั่งเหล่าผู้แกร่งกล้าคละถิ่นที่สังเกตดูเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นในโลกทิพย์ของผู้บำเพ็ญก็ยังตะลึงงันกันอยู่พอสมควร
ท่ามกลางมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุด
มีก้อนหินใหญ่ทรงกลมก้อนหนึ่งล่องลอยอยู่ ก้อนหินใหญ่ทรงกลมมีขนาดมหึมาราวกับดาวเคราะห์ บนนั้นมีกระท่อมเล็กๆ อยู่หลายหลัง
และที่ด้านนอกกระท่อม ชายชราจมูกแดงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่นั่น ที่บริเวณเอวของเขามีน้ำเต้าสุราอันหนึ่งห้อยอยู่ ทว่าสายตากลับมองไปยังทิศทางของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญอยู่ห่างๆ เขาก็คือผู้ลาดตระเวนของเขตที่เจ็ดแห่งนี้… ‘นักพรตฉื้อเฟิง’ ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับโลกา แน่นอนว่าเป็นร่างแยกที่ธรรมดาสามัญที่สุดในบรรดร่างแยกที่รับผิดชอบสังเกตการณ์สถานที่ต่างๆ มากมายอยู่ที่นี่
ร่างแยกพลังรบหลักของเขานั้นรับผิดชอบรักษาการณ์ รับผิดชอบระวังภัย! ไม่สามารถรับผิดชอบรับผิดชอบสังเกตการณ์อยู่ที่นี่ได้
ร่างแยกพลังรบหลักอยู่ห่างจากโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญนี้ไกลแสนไกล
“เจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้สามารถอยู่ภายใต้สภาวการณ์เช่นนั้นที่โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญได้ ก็ยังมิได้ไปถึงขั้นสมบูรณ์ หากแต่เจตนาซ่อนเร้นพลังยุทธ์ สามารถบรรลุได้ในคราวเดียว ไปถึงขั้นสมบูรณ์ก่อน แล้วค่อยไปถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกา! การบรรลุได้ในคราวเดียวนี้… ศักยภาพของเขาช่างน่าหวั่นเกรงอย่างแท้จริง หากให้เวลาเขามากพอ เกรงว่าคงมีหวังที่จะไปถึงขั้นสุดยอดของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาเสียด้วยซ้ำ จำเป็นจะต้องกำจัดเสีย” นักพรตฉื้อเฟิงชมดูอยู่ห่างๆ
ตอนนี้เจ้าดินแดนผู้ยิ่งใหญ่ได้ส่งร่างแยกพลังรบหลักของผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับโลกาที่อยู่ค่อนข้างใกล้ท่านหนึ่งให้มุ่งหน้าไปเรียบร้อยแล้ว
การเดินทางในมิติคละถิ่นไร้ขีดจำกัดก็สิ้นเปลืองเวลาไปมิใช่น้อย
“หวังว่าจะสามารถไปถึงและกำจัดเขาก่อนได้นะ มิฉะนั้นก็คงจะเป็นมหันตภัยครั้งใหญ่เลยทีเดียว” นักพรตฉื้อเฟิงสูดจมูกพลางลอบทอดถอนใจ
เขาดูอยู่อย่างเงียบๆ
มองดูเจ้าทะเลหุบเหวลึกเหยียบผู้บำเพ็ญคนแล้วคนเล่าตายไปภายใต้ความบ้าคลั่ง
นักพรตฉื้อเฟิงเจ็บปวดใจอยู่บ้าง แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่ดูเท่านั้น ร่างแยกพลังรบหลักของเขาอยู่ในระยะที่ห่างไกลกว่า และการส่งร่างแยกที่อ่อนแอไปก็มิได้มีประโยชน์แต่อย่างใด
“หืม”
นักพรตฉื้อเฟิงจ้องจนตาแทบถลนในทันใด
เขามองเห็นสิ่งใดเข้าอย่างนั้นหรือ
ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวร่างสูงแปดพันลี้หรือ ผู้บำเพ็ญที่มีชื่อว่าจ้าวหิมะเหินผู้นั้นน่ะหรือ
“นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน เขามิได้มีสายโลหิตคละถิ่น ตอนนี้ก็คงยังมิได้สำเร็จเป็นคละถิ่น…แต่ แต่เขา… อะไรกันนี่ สกัดกั้นซึ่งหน้าเลยอย่างนั้นหรือ” นักพรตฉื้อเฟิงยิ่งตื่นตระหนก มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงที่ถูกรยางค์สิบหกเส้นของเจ้าทะเลหุบเหวลึกโจมตีสุดกำลังอย่างบ้าคลั่งแล้วเพียงแค่ลอยกระเด็นโซซัดโซเซไปไม่กี่ก้าวก่อนจะยืนปักหลักได้ นักพรตฉื้อเฟิงก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว
ไม่มีทางเข้าใจได้เลย
ไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึกเอาเสียเลย!
……
“นี่มัน…” ที่มิติคละถิ่นอันไร้ขีดจำกัด มีผู้แกร่งกล้าคละถิ่นจำนวนมากพอสมควรที่ต่างก็ให้ความสนใจกับโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญใบเล็กๆ แห่งนี้ เพราะว่าพวกเขาล้วนเป็นกังวลว่าในท้ายที่สุดแล้วเจ้าทะเลหุบเหวลึกจะได้รับความช่วยเหลือให้หนีไปได้ แต่ทว่าพวกเขากลับได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเหนือจินตนาการเสียอย่างนั้น
“เป็นไปได้อย่างไรกัน เจ้าดินแดน ครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นคนหนึ่งสามารถกระตุ้นพลังยุทธ์ระดับสุดยอดผู้แกร่งกล้าคละถิ่นขั้นสูงออกมาได้ด้วยอย่างนั้นหรือ”
……
ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นแต่ละคนต่างก็รู้สึกว่าสิ่งที่รู้มาตลอดระยะเวลาอันยาวนานของพวกเขาต่างก็ถูกโค่นทิ้งไปเสียแล้ว มีจำนวนมากอดที่จะไปไถ่ถามบรรดาเจ้าดินแดนผู้ยิ่งใหญ่มิได้
“ข้าสามารถแน่ใจได้ว่าเขายังมิได้สำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นหรอก!” เจ้าดินแดนท่านหนึ่งส่งสารลงมา
“เขาโคจรพลังแห่งโลกาของโลกแห่งนั้น น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เขามิได้หลอมแปรแหล่งต้นกำเนิดโลก แต่กลับสามารถโคจรพลังแห่งโลกาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และถึงขนาดที่โคจรพลังต้นกำเนิดโลกบางส่วนอีกด้วย เจ้าเด็กตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ช่างน่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับการตระหนักรู้ทางด้านวิญญาณของเขากระมัง” เจ้าดินแดน’หยวน’ เองก็ให้คำตอบด้วย
ในขณะนี้เอง
เหล่าผู้แกร่งกล้าคละถิ่นผู้สูงส่งของมิติคละถิ่นไร้ขีดจำกัดแต่ละแห่งต่างก็ให้ความสนใจกับผู้บำเพ็ญ ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ที่โค่นล้มสิ่งที่พวกเขารู้มาผู้นี้กันทั้งสิ้น
…………………………
MANGA DISCUSSION