Side Character Transmigrations: The Final B… บทที่ 31 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก..ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (11)
บทที่ 31 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (11)
“คุณลู่…ทําไมคุณถึงไม่มาเป็นผู้อุปภัมถ์ให้ฉันล่ะ?”ฉีเซิงยังคงกอดแขนของลู่ชิงหยุนแน่นในขณะที่เธอพูดด้วยน้ําเสียงเชิงอ้อนนิดๆในขณะเดียวกันเซี่ยเหมินที่กําลังจะเดินผ่านเธอไปถึงกับต้องเงี่ยหูฟังสิ่งที่พวกเขาพูดจนเธอเกือบเดินหลุดเส้นทาง
เซี่ยเหมินยังคงมองไปที่ฉีเพิ่งด้วยความสงสัย ทําไมวันนี้เจียงหวันถึงได้ดูประหลาดๆ??
“กลับไปกินมะละกอเยอะๆสิ แล้วบางทีผมอาจจะลองพิจารณา
“มะละกอ?” เหมือนเธอจะเคยเสิร์ชเห็นในอินเตอร์เน็ตมาว่าถ้าเรากินมะละกอเยอะๆแล้วหน้าอกจะบะละฮ่มขึ้นนึกได้ดังนั้นฉีเชิงก็รีบหันควับมองดูที่หน้าอกของตัวเองในทันทีก่อนที่สีหน้าของเธอจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงไอ้บ้านี้มันหลอกด่าเธ อว่าหน้าอกเล็กเย้ากกก…ฉันจะฆ่าแก!
ลู่ชิงหยุนผลักฉีเพิ่งออก ก่อนจะพูดพลางยิ้มขู่ไปด้วย“คุณจะหยุดตามผมดีๆหรือจะให้ผมฆ่าคุณให้ตายอย่างทารุณดี”
“ ไม่มีทาง! คุณซูอี้ซิ่วอุตส่าห์มอบหมายให้ฉันดูแลคุณนะและฉันก็เป็นคนจําพวกที่ถ้าได้สัญญาอะไรกับใครไปแล้วก็ต้องรักษาคําสัญญาแล้วก็ทําให้ดีที่สุดซะด้วยสิ “ฉีเพิ่งรีบจับแขนลู่ชิงหยุนให้มั่นก็ถ้าเธอปล่อยเขาไปตอนนี้เธอจะหาเขาเจอได้อีกทีตอนไหนละ
“ ต่อให้คุณจะทําแบบนี้เพื่อเขาเขาก็ไม่ชอบคุณหรอกเขาชอบผู้ชาย”
ชอบผู้ชาย? ห้ะ! ใช่หรอฉันไม่คิดว่าซูอี้จิ๋วจะเป็นแบบนั้นนะ!
เดี๋ยวก่อนนะว่าแต่ทําไมฉันถึงจะต้องอยากให้เขาชอบฉันด้วยล่ะ?”
ฉีเซิงกําลังครุ่นคิดด้วยความสับสนแต่เมื่อเธอคิดออกและกําลังจะอ้าปากตอบกลับคู่ชิงหยุนถึงได้พบว่าเขาไม่อยู่ตรงนั้นแล้วเขากําลังเดินฝ่าเข้าไปในกลุ่มคนกลุ่มใหญ่เบื้องหน้าเธอสีหน้าของฉีเพิ่งเริ่มมืดครื้มลงเล็กน้อยก่อนเธอจะรีบยกชายกระโปรงวิ่งตาม
เขาไป
“ลู่ชิงหยุน เฮ้..ลองพิจารณาดูก่อน!คุณดูสิฉันมีประโยชน์มากมายขนาดไหนฉันมีความสามารถเรื่องการจัดการหุ้นหรือว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจอีกอย่างฉันสามารถสร้างรายได้ให้คุณได้และที่สําคัญที่สุดฉันสามารถช่วยคุณสอนบทเรียนให้คนอื่นได้! คุณลองคิดให้ดีๆนะคุณจะหาคนที่เยี่ยมยอดอย่างฉันได้จากที่ไหนอีก ต่อ ให้คุณรอไปอีกเป็นร้อยๆปีก็ไม่เจอนะบอกเลย!
# เมื่อโฮสต์ของผมประกาศขายตัวเองสุดฤทธิ์เร่เข้ามาจ้าเร่เข้ามา#
ลู่ชิงหยุนเมินเฉยต่อการพรรณนาคุณสมบัติล้านแปดของฉีเชิงแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ไล่เธอออกไปทั้งดวงตาคู่นั้นของเขาก็ส่องประกายด้วยแววตาซุกซนราวกับว่าเขากําลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่
ฉีเพิ่งเริ่มถอดใจเล็กน้อย แต่เพื่อพิชิตภารกิจโยนหนึ่งพันเหรียญทองเธอจึงจําต้องกัดฟันสู้อีกครั้งแต่จะว่าก็ว่านะเธอคิดว่าการที่จะให้ลู่ชิงหยุนมาเปย์เธอเนี้ยมันน่าจะยากกว่าการที่เธอหาเงินเองหรือไม่ก็เธอเอาเงินให้เขาแล้วให้เขาเอามาเปย์เธอซะอีก ให้ตายเถอะชีวิต!
ลู่ชิงหยุนกําลังเดินไปตามทางเดินของโรงแรมแล้วก็โดนตามหลังมาติดๆด้วยฉีเชิง ก่อนเขาจะได้ยินเสียงบ่นจากข้างหลังแววตาของเขาก็เจือไปด้วยความรู้สึกขบขัน
“ นี่ลู่ชิงหยุนถึงแม้ว่าตอนนี้หน้าอกของฉันมันจะเล็กไปหน่อยแต่มันก็ยังโตได้อีกนะ หรือถ้ามันไม่โตขึ้นแล้วจริงๆที่มีอยู่ตอนนี้ฉันว่ามันก็ไม่ได้แย่สักหน่อย!”
“ผมจนจะตาย ผมดูแลคุณไม่ได้หรอก” ลู่ชิงหยุนพยายามกลั้นหัวเราะก่อนจะตอบด้วยน้ําเสียงจริงจัง
ฉีเซิง “
“เอิ่ม…นายเนี้ยนะคนจน!
“ในบรรดาพวกวายร้ายทั้งหมดเนี้ย นายเรียกได้ว่าเป็นอภิมห์มามหาเศรษฐีเลยนะยะแล้วแทนที่จะตอบว่านายทําไม่ได้ หรือไม่ อยากทํากลับเลือกแกล้งตอบว่าตัวเองจนเนี้ยนะคุณพระ!”
ขณะที่ฉีเซิงเองกําลังคิดว่า ทําไมลู่ชิงหยุนถึงได้เลือกวิธีผิดศีลธรรมโกหกเธอแบบนั้นจู่ๆ ลู่ชิงหยุนก็หยุดเดินอย่างกระทันหันก่อนจะลากเธอเข้าไปที่ทางหนีไฟข้างๆ
“ถ้าคุณพูดมาอีกคําเดียว ผมจะตีซูอี้ซิ่วที่คุณชอบหนักชอบหนาให้ตายเลย”
ซูอี้จิ๋วผู้ซึ่งถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างลับๆ “ ”
“แล้วชีวิตของซูอี้จิ๋วมันมาเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะหว่า?!”
ฉีเซงชั่งน้ําหนักในใจเงียบๆ ก่อนจะเลือกปิดปากตัวเองไว้และมองออกไปยังหน้าต่างที่ประตู
ตอนนี้มีคนสองคนยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตูคือซิโม่และเซี่ยเหมินดูเหมือนว่าเซี่ยเหมินพยายามจะเดินหนีแต่ซิโม่ไม่ยอมและเนื่องด้วยเสียงของพวกเขาไม่ได้ดังมากนักจึงทําให้เธอไม่สามารถที่จะได้ยินเสียงผ่านลอดประตูมาได้
แต่ไม่นานนักเซี่ยเหมินก็สามารถหลุดจากพันทนาการของซีโม่ได้ก่อนเธอจะรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ซิโม่ก็ชกกําแพงจนเลือดซิบด้วยความหงุดหงิดและโกรธเกรี้ยว
“อ่า ฉันลืมไปเลย ว่าจะมีโชว์ดีๆให้ดูในคืนนี้ฉีเชิงคิดพลางถามคําถามที่แทบจะรู้คําตอบอยู่แล้วออกไป “คุณเป็นศัตรูกับซีโม่สินะ?”
ลู่ชิงหยุนเปิดประตูออกพลางยิ้มอย่างสดใสไปด้วย “ เขาเป็นเจ้านายของคุณไม่ใช่เหรอ? คุณจะไม่เข้าไปช่วยปลอบใจเขาหน่อยเหรอ?”
“ ไม่เอาด้วยหรอกเจ้านายแบบเนี้ย” ฉีเชิงพูดด้วยความไม่พอใจพร้อมกับกลอกตามองบนไปด้วย “ ทําไมคุณฉกฉันไปอยู่บริษทคุณซะเลยล่ะ”
“ ผมจะทําแบบนั้นไปเพื่ออะไร คุณไม่ได้มีคุณค่าอะไรขนาดนั้นสักหน่อย ”
ฉีเชิง “
”
ปากดี ปากเก่ง ปากหมา เอาให้ครบทุกปากไปเลยจะพ่อคุณ!
“ ไม่รู้แหล่ะ ถ้าคุณไม่ทําแบบนี้ ฉันก็จะไปบอกซูอี้ซิว่าคุณนอนกับฉันแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน
ราวกับรอยยิ้มของลู่ชิงหยุนถูกแช่แข็งไปครู่หนึ่ง
ฉีเซิงเชิดคางขึ้นอย่างผู้มีชัย “มันก็เหมือนกับถ้าเราคิดจะจัดการกับคนที่เล่นสกปรก เราก็ยิ่งต้องสกปรกมากกว่านั้นแหละเป็นไงล่ะเฉียบมะ!”
“ ก็ได้ ผมจะทํา” แม้ว่าลู่ชิงหยุนจะกําลังยิ้มอยู่ทําไมเธอรู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่เธอกลับรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างมากกว่า
ข้อดีคือเธอจะได้ออกจากตงฟางเอนเตอร์เทนเมนท์สักทีแต่ในขณะเดียวกันเธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าซีโม่จะต้องตามมาคิดบัญชีกับเธออย่างแน่นอนแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอคิดว่า หยูเจียง เอนเตอร์เทนเมนท์ของลู่ชิงหยุนจะสามารถปกป้องเธอได้และในตอนนั้นเธอน่าจะสามารถดูแลและจัดการอะไรหลายๆอย่างได้ด้วย
เมื่อฉีเชิงหลุดออกจากภวังค์ความคิดได้ ลู่ชิงหยุนก็ได้หายไปตัวไปแล้วเธอพยายามค้นหาเขาแทบทุกที่แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา
“ไอ้ลูกหมาลู่ชิงหยุน ! นี่นายจะแกล้งปั่นหัวฉันใช่ไหมยะ !อ่อยยากอ่อยเย็นนักน่ะ ”
เมื่อฉีเชิงกลับเข้าไปในงานเลี้ยงเธอก็เห็นซึโม่กําลังดื่มอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องในขณะที่เซี่ยเหมินเองก็ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นนักเธอค่อยๆชําเลืองมองซีโม่กับเซี่ยหยวนเป็นะระยะๆฉีเชิงมองภาพนั้นแล้วไตร่ตรองกับตัวเองอยู่ครู่นึ่งก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปหาเซี่ยเหมิน
เซี่ยเหมินห่อตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฉีเชิงกําลังเดินตรงมาที่เธอ
“คุณเซีย” ฉีเซิงก้าวเข้าไปอยู่ตรงหน้าเซี่ยเหมินก่อนจะเอ่ยทักใบหน้าของเซี่ยเหมินในยามนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในตากลับสงบนิ่งไร้ระลอกคลื่นใดๆ พอเอาสองอย่างนี้มารวมกันแล้ว มันช่างไม่เข้ากันเอาซะเลย
“คุณเจียง” เซี่ยเหมินเอ่ยทักพร้อมยิ้มเล็กน้อยอย่างสุภาพ“ฉันยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณสําหรับเรื่องเมื่อวันนั้นเลยค่ะ”
หากวันนั้นเจียงหวันไม่ได้ผลักเธอ กระสุนคงไม่ได้แค่เฉียดแน่ๆเพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้เธอฉันก็อาจจะไม่ได้มายืนอยู่ที่นี้ในตอนนี้ก็ได้
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ วันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจจะช่วยคุณอยู่แล้วมันเป็นแค่อุบัติเหตุ” ฉีเชิงพูดพลางยิ้มอย่างชั่วร้ายให้เธอ “ถือว่าเป็นโชคดีของคุณนะคะเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
เมื่อเจอคําพูดเชิง เซี่ยเหมินถึงกับตัวแข็งที่อ “แปลกคนนี่ฉันกําลังขอบคุณเธออยู่นะ!
“งั้นเรามาตกลงอะไรกันหน่อยดีไหมล่ะ”ฉีเชิงไม่สนใจอาการตัวแข็งที่อของเซี่ยเหมิน เธอพูดพลางหันหน้าไปในทิศทางเดียวกับที่เซี่ยเหมินสามารถมองเห็นซิโม่ได้
“ ตกลงเรื่องอะไร?” เซี่ยเหมินเริ่มตื่นจากความงุนงง นี่เป็นการพบกันเพียงครั้งที่สามของพวกเขาเท่านั้นแล้วเธอต้องการจะทําข้อตกลงอะไรกัน?
“ คุณคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะจะคุยกันเรื่องนี้กันจริงเหรอ?” ฉีเชิงทําเป็นกระพริบตาแบบไร้เดียงสาให้เซี่ยเหมิน เซี่ยเหมินเองก็จ้องไปที่ฉีเพิ่งด้วยความสงสัย แต่ก็นะเธอเองก็ไม่สามารถที่จะทนความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้แล้ว เมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองคนต้องเดินกลับเข้าไปในงาน พวกเขาทั้งคู่ต่างหันมายิ้มให้กันอย่างความหมายบางอย่างที่ไม่อาจเดาได้
เมื่อเข้ามาถึงในงาน ฉีเชิงพยายามมองหาซีโม่แต่ก็ไม่พบเขาแล้วดีจริงหายหัวกันไปหมด ทั้งซีโม่ ทั้งเจ้าลู่ชิงหยุนฉันไม่น่ามางานเลี้ยงบ้าๆนี่เลยให้ตายเถอะ ”
เซี่ยเหมินรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวโดดเดี่ยวเกินไปเธอจึงขอตัวกลับไปก่อน
หลังจากงานเลี้ยงเลิกรา ถังหยินก็ขับรถมาส่งเธอที่อพาร์ตเม้นต์ส่วนเรื่องของคู่ชิงหยุนเธอก็ขอหยุดคิดไว้สักพักเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้บ้านั้นจะขับยานอวกาศออกนอกโลกไปแล้วหรือยังหลังจากที่เธออาบน้ําเสร็จเธอก็นอนแผ่หลาลงบนเตียงแล้วก็จ้องมองไปที่เพดานแบบเหม่อๆ แต่หลังจากนั้นไม่นานจู่ๆเธอก็ลุกพรวดขี้ นมาจากเตียงอย่างรวดเร็วแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบสมุดบันทึกที่อยู่ ข้างๆขึ้นมาดู
เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวในหัวอยู่ครู่นึงก่อนค้นหาหมายเลขติดต่อสตูดิโอออนไลน์ เธอเพิ่มเลเยอร์การป้องกันอีกสองสามชั้นบนแล็ปท็อปของเธอก่อนเธอจะส่ง SMS ไปที่สตูดิโอทันที
ผู้ที่ได้รับ SMS คือหูฉ่เขาเป็นเจ้าของสตูดิโอแห่งนี้และทํางานเพียงคนเดียวในบริษัท เขาเป็นปาปารัสซี่มือโปรที่เชี่ยวชาญมากในการขุดคุ้ยแฉและเปิดโปงพวกบรรดาคนดัง ถ้าเขาเล็งใครนี้เตรียมตัวดับได้เลย
หูฉ่ไม่ได้ทํางานเพื่อเงิน เพราะเท่าที่เธอรู้เขารวยพอสมควรเขาจะทํางานนั้นๆก็ต่อเมื่อเขาสนใจเท่านั้นเขาไม่ค่อยชอบสังคมเซเล็บคนดังที่ชอบปั้นหน้าเข้าหากัน สําหรับใครที่ไม่ได้ทําเรื่องผิดศีลธรรมอะไรก็ไม่ต้องกลัวอะไรไป แต่ถ้าคนไหนที่มีคดี ติดตัวเบี้ยเตรียมตัวไว้เลยจ้ะ
“ เซี่ยหยวน…”ในห้องมืดหูฉ่กําลังนั่งสูบบุหรี่อยู่พลางมองไปยังข้อมูลที่พึ่งจะได้รับมาจากผู้ส่งนิรนามเขานั่งอยู่สักพักก่อนจะดับบุหรี่ในมือเอื้อมมือไปหยิบกล้องที่อยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องไป
MANGA DISCUSSION