Sevens - ตอนที่ 16 เต็มพิกัด
เต็มพิกัด
—
ด้านหน้าของเหมืองร้าง มีซากปรักหักพังของหมู่บ้านที่น่าจะร้างมานานไม่แพ้กันอยู่
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่ก็จริง แต่กลับปรากฎร่องรอยว่ามีคนอยู่มาก่อน
“ที่นี่คือรังโจรสินะ”
โนแวมที่อยู่ข้างผมยกไม้เท้าขึ้นมา และระวังรอบๆ
อาจจะเพราะจำนวนคนของเรามีมากกว่าโจรหลายเท่า ทำให้กลุ่มนักผจญภัยหละหลวมพอสมควร
“ท่านไรเอล พวกเขาดูไม่ตั้งใจกันเลยนะคะ”
“ใช่ มันแย่ แต่ครั้งนี้มันจะเป็นข้อได้เปรียบของเรา”
เหล่านักผจญภัยที่ไม่ได้เตรียมตัว
มีบางคนเอาแต่หาวไม่หยุด บางคนก็ยิ้มแล้วคุยกันว่าจะเอาเงินรางวัลไปทำอะไรดี
พอเห็นแบบนั้น ผมก็กลับมาคิดดูว่าควรจะให้ 2 เหรียญเงินกับพวกเขาจริงๆ เหรอเนี่ย
ตอนที่ผมทำงานอย่างหนักยังได้ไม่ถึง 10 เหรียญทองแดงใหญ่ด้วยซ้ำ
มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
เทียบกับงานธรรมดาพวกนั้น ทำให้ผมเข้าใจเลยว่าเงินรางวัล 2 เหรียญเงินนี่มันพิเศษแค่ไหน
แต่ผมต้องแยกเหตุผลออกจากอารมณ์
[ถ้าเป็นข้า จะไม่นำไอ้เจ้าพวกนี้ไปต่อสู้ที่ไหนเด็ดขาดเลย…แต่ครั้งนี้ ความเหลวไหลของพวกเขาคือส่วนสำคัญของแผน]
พวกโจรจะออกมาตอนไหนกันนะ
พวกมันต้องเตรียมดักไว้อยู่แล้วล่ะ
กว่าเราจะมาถึงจุดหมายก็ใช้เวลาทั้งวัน และวางแผนจะโจมตีเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นในวันถัดไป
ผมมองไปรอบๆ
“…โนแวม อย่าอยู่คนเดียวนะ จริงสิ…เรียกคุณอาเรียมาสู้ด้วยกัน หรือไปกับนักผจญภัยหญิงรอบๆ ก็ได้”
โนแวมส่ายหน้าให้ผม
“ไม่เอาค่ะ ข้าจะอยู่ข้างๆ ท่านไรเอล ข้าช่วยรักษาได้นะคะ”
ดูแล้วเธอคงไม่คิดจะอยู่ห่างผม
บรรพบุรุษก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน
[ไรเอล อย่าห่างเธอ มันจะไม่ดีถ้าเธอถูกจบเป็นตัวประกัน เพราะพวกโจรคงรู้แล้วว่าโนแวมคือคนสำคัญของเจ้า
แล้วก็อย่าไว้ใจคนที่อยู่รอบๆ เป็นอันขาด…]
รุ่นที่ห้ากล่าว
พวกเรารีบมาที่เหมืองแล้วก็จริง แต่กลับมีไส้ศึกอยู่ด้วยนี่สิ
แน่นอนว่าเป็นเหล่าบรรพบุรุษที่รู้ตัว
[พวกเขาไม่โง่ และหัวหน้าพวกมันต้องเตรียมรับมือไว้แล้วแน่นอน…เจ้ารู้รึเปล่าว่าพวกข้าต้องเจอปัญหาพวกนี้มากแค่ไหน? ]
รุ่นที่ห้าทำเสียงต่ำ
บรรพบุรุษของผมทุกคน…ไม่สิ เจ้าเมืองทุกคนเลยต่างหากที่เกลียดโจร
พวกมันเป็นภัยของประชาชน และพอโจรออกปล้นดินแดนอื่น ภัยที่คนอื่นได้รับจากพวกมันก็จะมากตามไปด้วย
“ท่านไรเอล เตรียมการตามคำสั่งแล้วค่ะ”
ผมพยักหน้าให้โนแวม
“มาทำตามแผนกันเถอะ ให้ทุกคนพักให้พร้อมสำหรับพรุ่งนี้… อ่า แล้วก็เรียกคุณล็อคเวิดมาด้วยสิ เธอคงไม่พอใจแน่ถ้ามัน ‘จบไปก่อน’ น่ะ”
โนแวมพยักหน้า
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
ผมนำโนแวมไปหาคุณล็อคเวิด
ตามที่บรรพบุรุษบอกไว้ ผมจะไม่ปล่อยให้โนแวมอยู่คนเดียว
.
.
.
ด้านในเหมือง
“หัวหน้า! มาแล้ว! พวกเขากำลังตั้งแคมป์อย่างชิวๆ อยู่”
ชาายร่างใหญ่ยิ้มกว้างให้กับรายงานของลูกสมุน
เขากำอัญมณีสีแดงแน่นแล้วหยิบขวานข้างกายขึ้นมา
มันคือหนึ่งในสินสงครามที่เขาได้มา อาวุธของขุนนาง
เขาถือขวานยักษ์ด้วยมือขวา และเช็คอัญมณีที่พันผ้าไว้ในมือซ้ายจนมั่นใจว่ามันจะไม่หลุดมือ
“พวกมันมาเสิร์ฟให้ถึงที่ขนาดนี้ พวกเราที่ผ่านสงครามมาหลายครั้ง จะสอนให้พวกมันรู้เองว่าสนามรบของจริงมันเป็นยังไงใช่มั้ย?”
เขาพูดด้วรอยยิ้ม โจรคนอื่นพอได้ยินก็หยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมา
ส่วนพวกที่เข้าไปเป็นไส้ศึกของนักผจญภัยก็กลับมารายงานแล้วเช่นกัน
รวมแล้ว 27 คน
“เอาละโว้ย! พวกราจะบุกออกไปตอนกลางคืนนี่แหละ! ”
แต่ลูกน้องคนหนึ่งที่บังเอิญมองลงไปที่พื้นกลับส่งเสียงตกใจออกมาก่อน
“ห-หัวหน้า! ”
“อะไรวะ!? ”
จู่ๆ ควันก็พวยพุ่งเข้ามาในที่ๆ พวกเขาอยู่กัน
.
.
.
[โอ้ ควันพวกนั้นย้อนทะลักออกมาแล้ว]
ผมเอาท่อนไม้กิ่งไม้ที่ขนมาด้วยตอนกลางวันมาสุมไฟ
ไม้ดิบพวกนี้ยังมีใบไม้ติดอยู่เลย และแน่นอนว่าไม้ดิบมันสร้างควันได้มาก
แถมยังทำให้ระคายเคืองตาอีกต่างหาก
“โนแวม เวทมนต์ของเธอโอเครึเปล่า? ”
“ค่ะ ยังไหวอยู่”
ล็อคเวิดที่อยู่ข้างโนแวมเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น
“ม-หมายความว่าไงเนี่ย? คุณไม่ได้บอกหรือว่าพวกเราจะบุกกับตอนเช้าน่ะ? ”
ผมส่ายหัวไปมา
“แบบนั้นมันโจ่งแจ้งไป พวกศัตรูที่รู้ตัวอยู่แล้วก็จะบุกมาก่อนน่ะสิ ไหนจะพวกไส้ศึกที่หายไปแล้ว…”
พวกโจรที่ซ่อนอยู่ในเดลลีนถูกพบโดยบรรพบุรุษ…จากรุ่นที่สามเป็นส่วนใหญ่ล่ะ
มันเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่าพวกมันยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอื่นอยู่อีก
พอไปสืบดู ผมก็ตกใจนิดหน่อยเมื่อรู้ตัวคนพวกนั้น แต่…
“ไส้ศึก? เจ้าไปรู้มาจากไหนน่ะ!? ถ้ารู้แล้ว ทำไมไม่จับพวกมัน ไม่ก็…”
[…ถ้าเจ้าจะจับพวกมันก็ต้องรวบให้หมดทีเดียว ถ้าปล่อยให้เหลือไว้จนเกิดปัญหาก็ต้องมาโกรธตัวเองทีหลังแน่
มันเป็นเหตุผลที่ไรเอลต้องแกล้งโง่ และแจกเงินอย่างไร้ประโยชน์แบบนั้น อ๊ะ นี่ไม่ใช่เวลามาอธิบายแล้ว ไรเอล! ]
ผมบอกคุณล็อคเวิดไปว่าไม่มีเวลามาอธิบาย และชักดาบออกมา
[เอาล่ะ ข้าช่วยเรื่องสกิลได้ ใช้สกิลของป๊า…รุ่นที่ห้ากับร่วมกับของข้าสิ ไรเอล]
พอรุ่นที่หกบอกแบบนั้น ผมก้ใช้สกิล
ด้วยการเพิ่มความสามารถของผม 20% ชั่วคราวจาก [เต็มพิกัด] ผมก็สามารถจัดการกับพวกโจรได้แล้ว
สกิลของรุ่นที่ห้าคือ [แผนที่]
และสกิลของรุ่นที่หกที่เขาบอกให้ผมใช้คู่กันก็คือ [ค้นหา]
สกิลแผนที่สามารถทำให้ผมสำรวจพื้นที่รอบๆ ตัวได้
มันทำให้ผมเข้าใจโครงสร้างของเหมืองราวกับอยู่บนฝ่ามือ
ส่วนสกิลค้นหา…คือสกิลที่ทำให้ผมรู้ตำแหน่งของศัตรูและกับดักได้
ทั้งคู่ล้วนเป็นทักษะที่พิเศษ และมีประโยชน์
แต่การใช้พวกมันก็สิ้นเปลืองพลังเวทอย่างมหาศาล ทำให้ผมใช้ได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
ผมยืนยันสถานการณ์รอบๆ
ผมหากับดักในเหมืองไม่พบ และเจอแค่พวกโจรที่วิ่งพล่านไปมา
“ตามคาด พวกเขามีทางหนีอยู่…รบกวนซะแล้วสิ คุณส่งข้อความไปหาคุณเซลฟี่ให้ทีได้มั้ย?”
คนที่ผมขอร้องคือนักผจญภัยที่เชี่ยวชาญในการหาเงินจากเป้าหมายที่เป็นมนุษย์…นักล่าค่าหัวล่ะ
“ข้อมูลแม่นยำมาก…เจ้ามีสกิลงั้นรึ? ”
นักผจญภัยคนนั้นช็อกกับข้อมูลของพวกโจรที่ผมบอก
ผมยิ้ม
“นั่นสิ ข้าเองก็สงสัยเหมือนกัน”
พอเขาได้ยินก็ขอโทษ และจากไปทันที
การที่เขาสวมชุดคลุมสีดำ ทำให้เวลาเขาวิ่งจากไปราวกลับจะกลืนไปกับความมืดมิด
“เขาไม่ธรรมดาเลย นี่คุณจ้างคนเก่งๆ มาด้วยสินะ? ฉันค่อยโล่งใจหน่อย”
“ข้าไม่ได้จ้างหรอก เขาแค่มาช่วยเอง คิดว่านะ”
“เอ๋? ”
คุณล็อคเวิดไม่เข้าใจ และขณะที่เธอกำลังเหม่อ โนแวมก็ยกคทาขึ้นมาขัดจังหวะเรา และเริ่มร่ายเวทมนต์
นักผจญภัยคนอื่นๆ ก็เตรียมอาวุธพร้อมสำหรับรับมือศัตรูที่กำลังมา
“เร็วแฮะ…พวกมันหกคนกำลังมาทางข้างหน้าแล้ว”
คนรอบๆ ประหลาดใจกับสิ่งที่ผมบอก แต่ก็เปลี่ยนการแสดงออกเป็นจริงจังอย่างรวดเร็ว
[เจ้าใช้คล่องไม่เบา ถึงจะรั้งไว้นานไม่ได้ แต่ก็เปิดเฉพาะตอนที่จำเป็นเพื่อลดการใช้พลังเวทแทน
ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าคือคนที่เพิ่งจะเรียนไปเมื่อครู่]
รุ่นที่ห้าชมผม
เพราะการใช้สกิลเต็มพิกัดทำให้ผมผ่านเงื่อนไขในการใช้สกิลของบรรพบุรุษคนอื่น
ยกเว้นสกิลของรุ่นที่สาม และรุ่นที่เจ็ดที่ยังใช่ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสกิลของบรรพบุรุษคนอื่นในช่วงระยะสั้น ผมก็ใช้ได้ทั้งหมด
“รุ่นที่หนึ่งสุดยอด”
พอผมกระซิบก็ได้ยินเสียงของรุ่นที่หนึ่งตอบกลับมา
[ในที่จุดเอ็งก็เข้าใจสักที ไอ้หนู! ]
[เฮ้ย เจ้าสัญญาไว้ว่าจะยอมเงียบไม่ใช่หรือไง? ไรเอล…มองไปข้างหน้า]
ขณะรุ่นที่ห้ากลับมารับช่วงต่อ ผมก็ตั้งดาบ
คุณล็อคเวิดที่หายเหม่อแล้วก็หยิบอาวุธขึ้นมาเช่นกัน ซึ่งอาวุธของเธอก็คือหอกที่ไม่เหมาะกับผู้หญิงเอาซะเลย
“กระสุนลม! ”
โนแวมปล่อยเวทมนต์ไปทางโจรที่โผล่ออกมาจากควันจนกระเด็นไป
เธอสะกัดพวกที่พุ่งออกมา
ส่วนผมก็จับโจรคนนึงที่เล็งมาทางเราได้ด้วย
“ก-แก เจ้าสารเลว! ”
โจรที่พุ่งมาทางผมตะโกนพร้อมดาบสั้นในมือ มันเป็นมีดโค้งที่ใบค่อนข้างกว้าง และมีคมด้านเดียว
ถ้าผมรับมัน ดาบบางๆ ของผมต้องหักแหง
‘ถ้า’ รับมันน่ะนะ…
“ช้ามาก”
ผมฟันไปที่ใบดาบของเขาจากด้านข้าง และเตะเข้าที่ท้อง ครั้งนี้ผมยังฆ่าเขาไม่ได้
เพราะผมได้สัญญาเอาไว้
ผมมองไปรอบๆ พวกโจรถูกปราบลงอย่างง่ายดาย
หนึ่งในโจรที่ปลอมตัวเป็นนักผจญภัยมองคนที่จับเขาไว้
“ก-แกเป็นใครกัน! ข้าไม่เคยเห็นเจ้าอยู่ในขบวนที่มาเลยนี่! ”
โจรยังคงโดนมัดต่อไปเงียบๆ
พอมัดเสร็จ เขาก็ทำให้โจรเงียบด้วยการต่อยไปหนึ่งหมัดถ้วน
“พวกเขามีฝีมือ และเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ เราคิดถูกที่ฝากคุณเซลฟี่นะ”
“ใช่ค่ะ ท่านไรเอล”
พอเราจัดการกับพวกที่ออกมาเสร็จ ผมก็ใช้สกิลอีกครั้ง
สำหรับผมในตอนนี้การใช้สกิลในเวลาที่ต้องการ จะดีกว่าการใช้มันทีเดียวในระยะเวลาสั้นๆ
“…เต็มพิกัด”
ผมยืนยันรอบๆ อีกครั้ง
บนแผนที่ของสกิล กลุ่มโจรที่เคลื่อนที่อยุ่ในเหมืองนั้น….
พวกเขายังมีทางหนีนอกจากทางเข้าออกหลักอยู่ด้วย พวกเขาหันหลังกลับและวิ่งไปทางออกพวกนั้น
แต่ที่นั่น ผมส่งพวกคุณเซลฟี่ไปดักไว้แล้ว
ผมใช้สกิลเช็คว่าสิ่งต่างๆ เป็นไปตามแผนรึเปล่า แต่เสียงของรุ่นที่ห้าก็ดังออกมาจากอัญมณี
[อย่าประมาทจงกว่าจะจบ หากเริ่มหย่อนยานเมื่อไหร่ปัญหาก็จะตามมา เจ้าจะผ่อนคลายได้ก็ต่อเมื่อกลับไปทมี่เมืองแล้วเท่านั้นนะ]
ผมกลืนน้ำลายและตั้งสติ
[ใช่แล้ว จะใช้สกิลอย่างประหยัดก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าต้องเห็นให้ครอบคลุมมากที่สุด
ที่จริงเจ้าต้องคอยดูพวกมันไว้ตลอดเวลา แต่มันจะสูญเปล่าถ้าเจ้าล้มลงไปก่อนล่ะนะ]
ผมแตะอัญมณีเพื่อบอกว่าผมเข้าใจแล้ว
หลังจากที่รู้ว่าทางเข้าออกถูกนักผจญภัยล้อมไว้ การเคลื่อนไหวของพวกโจรก็ไม่เป็นทิศเป็นทาง
แต่พอเป็นหนึ่งสัญญาณชีวิตในนั้นหายไป พวกมันก็กลับมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว
[เชือดไก่ให้ลิงดูสินะ ลำบากแล้ว ศัตรูตอนนี้คงถูกความกลัวตายเข้าครอบงำจนขึ้นสมอง
ไรเอล จากนี้ถ้าจับพวกมันไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งทันทีซะ พวกมันเป็นศัตรูที่ประมาทไม่ได้]
ผมแตะอัญมณีอีกครั้ง
รุ่นที่ห้ามีประสบการณ์มากมายในการสู้กับศัตรูแบบนี้
เขาพาตระกูลไต่เต้าขึ้นเป็นวิสเคานต์ และขึ้นนำหัวเมืองต่างๆ ในอาณาเขต
เขาต้องตอบรับคำขอ และส่งทหารไปนับครั้งไม่ถ้วน
และด้วยความที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเมืองลูกต่างๆ จึงไม่ชัดเจน และโดนดูแคลน
…มันเป็นยุคที่ศัตรูมากมายเข้าท้าทายตระกูลวอลท์
แน่นอนว่าเหตุผลมาจากความอิจฉาของขุนนางคนอื่นต่อตำแหน่งของรุ่นที่ห้า
ทำให้พวกเขาสร้างเรื่องร้ายมากมายบนดินแดนของตระกูลวอลท์
และคนที่กำราบพวกเขาทั้งหมดลงได้ ก็คือรุ่นที่ห้า
[น่าเสียดาย ถ้าไม่ต้องใช้เหมืองนี้แล้ว มันจะง่ายกว่าถ้าเราพังทิ้งให้ถล่มใส่พวกมัน หรือไม่ก็ปิดทางเข้าออกไปเลย]
ผมเมินคำพูดอันตรายของรุ่นที่ห้าไป และสัมผัสได้ถึงพวกโจรบางส่วนท่มุ่งมาทางนี้
ที่พวกเขาไม่ไปหาคุณเซลฟี่แล้วคงเพราะเพิ่งแพ้จากทางนั้นมานั่นแหละ
จากสัญญาณของพวกเขาที่หายไปห้าจุด
ผมปลดสกิล และรอการมาถึงของพวกเขา นักผจญภัยคนอื่นที่เห็นผมเตรียมตัวก็ยกอาวุธขึ้นมาด้วยเช่นกัน
ปฎิกิริยานี้…พวกเขาคงรู้ว่าผมสามารถสัมผัสถึงศัตรูที่จะเข้ามาได้ และเชื่อว่ามันคือสกิลของผม
[เหมือนเจ้าจะถูกประเมินไว้สูงนะ เอาเถอะ ทักษะของพวกเราก็เป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนอิจฉาอยู่แล้ว ใช้พวกมันให้ดีล่ะ ไรเอล]
‘แน่นอนครับ’
ผมตอบในใจ และพวกโจรก็พุ่งแหวกออกมาจากควันด้วยสายตาที่สิ้นหวัง
ในหมู่พวกมัน มีชายร่างยักษ์ที่ถือขวานอยู่ด้วย
[นั่นต้องเป็นหัวหน้ากองโจรแน่นอน…ไรเอล]
ผมมุ่งไปทางเขาตามคำของรุ่นที่ห้า โดยที่โจรที่สิ้นหวังคนอื่นก็เข้าประจันหน้ากับนักผจญภัยเช่นกัน
พวกเขาคงยังมาช่วยผมไม่ได้ล่ะ
“ท่านไรเอลคะ! ”
โนแวมยกคทาขึ้นมาร่ายเวท
แต่ผมห้ามเธอไว้ก่อน
“ข้าจัดการเอง! ”
ชายร่างใหญ่ขมวดคิ้วให้ผม และยกขวานในมือขึ้น
ขวานที่ปกติแล้วต้องถือสองมือ กลับถูกเขายกขึ้นอย่างง่ายดายด้วยมือเพียงข้างเดียว
ถ้าไม่นับความแข็งแรงนั้น แค่การทักษะการควงอาวุธของเขาก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีได้แล้ว
“ไอ้เด็กบ้า อย่ามาอวดดีนะโว้ย! ”
ผมกระโดดถอยหลังเพื่อหลบขวานที่เหวี่ยงมาในมุมกว้าง และล่อเขาเข้ามาระหว่างต้นไม้ที่ทำให้เคลื่อนไหวลำบากขึ้น
แต่…
“อ่อนนัก! ข้ามีเจ้านี่มาด้วย! ”
ขณะยื่นหมัดซ้ายมาที่ผม แสงสีแดงลอดออกมาระหว่างนิ้วของเขา
“อัญมณี? ”
ชายร่างใหญ่ตอบกลับมาอย่างภาคภูมิ
“ถูกต้อง! ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นของชั้นยอดที่มีหลายสกิลด้วย! เจ้าจะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ! แล้วก็…”
ขวานที่ผมหลบได้ฟันต่อไปที่ต้นไม้ด้านหลัง ปกติแล้วมันควรจะติดอยู่ตรงนั้น แต่ต้นไม้กลับถูกฝ่าเป็นสองซีกโดยแรงฟันไม่ชะลอลงเลย
เขาฝ่าต้นไม้ได้ด้วยการฟันฉับเดียว
“มันเพิ่มพลังอาวุธให้ข้า! แถมอัญมณียังสอนวิธีใช้สกิลด้วย! มันเยี่ยมที่สุด! ”
การเพิ่มพลังอาวุธนั่นไม่ได้ช่วยให้เขาถือขวานหนักๆ ด้วยมือเดียวได้
เขาอาจจะมีสกิลอื่นที่เป็นตัวปัญหาอีก
“ไหนจะเพิ่มพลังให้กล้ามเนื้อของข้า! แล้วก็จากระยะนี้…”
[เฮ้ย! โดดไปด้านข้าง! ]
ถึงจะไม่ได้อยู่ในวงสวิงขวานของหัวหน้าโจร แต่ผมก็กระโดดไปตามที่รุ่นที่หนึ่งบอกทันที
คลื่นกระแทกออกมาจากขวานที่เขาฟันลงไป ต้นไม้หลายต้นแหวกเป็นทางให้กับพลังนั้น
“ชิ เจ้าเซ้นส์ดีไม่เลว มันเป็นสกิลที่ปล่อยคลื่นกระแทกได้ แต่…อันต่อไปนี่สิที่โคตรเจ๋ง”
ชายร่างใหญ่ฉีกยิ้ม แล้วเขาก็หายไปจากทัศนวิสัยของผมทันที
ผมได้ยินเสียงจากด้านบนเลยกระโดดหลบ แต่แรงกระแทกที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผมเสียการทรงตัวและลงไปกลิ้งกับพื้น
ก่อนจะล้มลงผมเห็นพื้นตรงที่ผมเคยอยู่ถูกคว้านออกไป ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์คนนึงจะทำได้เลย
ผมใช้แรงเฉื่อยเพื่อผลักให้ตัวเองพลิกกลับมายืนอีกครั้ง แต่หัวหน้าโจรก็เข้ามาประชิดซะแล้ว
“สกิลสุดเถื่อนอันต่อไปเรียกว่า เชือด มันจะเพิ่มพลังและความเร็วให้กับข้าถึง 5 เท่า! ”
ขวานของเขาฟันลงมาที่ผม
การโจมตีที่เสริมด้วยสกิลพุ่งมาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
ผมได้ยินเสียงจากรอบข้าง
“ท่านไรเอล! ”
“ไรเอล! ”
โนแวม และคุณล็อคเวิดตะโกนเรียกผม
ในเสี้ยววินาทีนั้น ใบหน้าของรุ่นที่หนึ่งก็ผุดขึ้นมา ภาพที่เขากอดอกอยู่บนเก้าอี้ในห้องประชุม ทั้งดูป่าเถื่อนและน่าเกรงขามไปพร้อมๆ กัน
รุ่นที่หนึ่งยิ้ม
[เจ้ารออะไรอยู่…อัดมันสิฟะ ไรเอล!]
—
ติดเกมคับ เกนชินคับ สนุกมากคับ บัย