Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 432 ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (รีไรท์)
หลังจากที่เคลย์สันได้รับข้อความจากลู่โจวแล้ว ความหวังที่จะได้จัดงานพิธีมอบรางวัลของเขาก็ต้องจบลง
ถึงกระนั้น ข่าวเรื่องการจัดพิธีมอบรางวัลก็รั่วไหลออกไปแล้วอยู่ดี
มันน่าจะถูกลือออกไปทำนองว่า… ลู่โจวปฏิเสธการรับรางวัล!
นับตั้งแต่การแก้สมการนาเวียร์-สโตกส์ได้รับความนิยม สื่อทุกแขนงก็ให้ความสนใจกับรางวัลการพิสูจน์สมการมิลเลนเนียมมูลค่ากว่าล้านดอลลาร์เป็นอย่างมาก สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์โดยตรง เงินรางวัลหนึ่งล้านดอลลาร์ก็ดูจะน่าตื่นเต้นกว่าการแก้สมการนาเวียร์-สโตกส์เสียอีก
ทั้งนี้ นักข่าวสำนักนิวยอร์กไทม์ได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้ในข่าวทำนองว่า…
“หลังจาก นักคณิตศาสตร์ชาวรัสเซียอย่างพีเลอร์แมนได้ปฏิเสธเงินรางวัลมูลค่าหนึ่งล้านดอลลาร์ นักคณิตศาสตร์ชาวจีนอย่างลู่โจวก็ได้ปฏิเสธเงินรางวัลเช่นเดียวกัน ดูเหมือนเงินรางวัลนี้จะเป็นเหมือนคำสาปที่ถูกสาปเอาไว้ไม่ให้นักคณิตศาสตร์คนใดยินยอมรับรางวัลนี้! พวกเขาเสียสติไปหมดแล้วหรือ? ทำไมถึงไม่สนใจเงินรางวัลจำนวนมากขนาดนี้กันล่ะ?”
ฮาร์ดี้ส่งหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านอยู่ให้แก่ลู่โจว ทันทีที่อ่านเสร็จ ลู่โจวก็พลันโยนหนังสือพิมพ์ลงถังขยะและส่ายหัว
“ไร้สาระ! ฉันปฏิเสธและเลือกที่จะไม่เอารางวัลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ฉันแค่บอกว่าให้สถาบันสถาบันเคลย์รอไปก่อน เพราะช่วงนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่ ก็แค่ยังไม่มีเวลาไป แค่นั้นเอง”
ฮาร์ดี้พลันกล่าวคำพูดออกมา “อาจารย์… คุณไปรับรางวัลไม่ได้เพราะไม่มีเวลาใช่ไหม?”
ลู่โจวพลันตอบกลับ “ฉันแค่เลื่อนวัน… ไม่ใช่ปฏิเสธสักหน่อย”
ฮาร์ดี้หยักไหล่ “โอเค ก็แค่เลื่อน… อันที่จริง ผมมีคำแนะนำนะ แต่ไม่รู้จะถูกใจอาจารย์ไหม…”
ลู่โจวหันมาจ้องหน้าฮาร์ดี้ทันทีและถามขึ้น “มีอะไรล่ะ?”
ฮาร์ดี้เกาหัวและเผยยิ้ม “ถ้าหากคุณไม่มีเวลาไปรับรางวัลที่ปารีส งั้นก็ให้ผมไปรับแทนสิ… ถ้าอาจารย์ยังยุ่งอยู่กับการทำวิจัย ก็แค่ส่งผมไปแทนสิ!”
ลู่โจวพลันขมวดคิ้ว
ให้ตายเถอะ! นายดูจะว่างเกินไปแล้ว!
…
ทั้งนี้ ข่าวลือของลู่โจวเป็นเพียงความวุ่นวายเล็กน้อยเท่านั้น
ลู่โจวกำลังยุ่งอยู่กับการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพลาสมา เขาไม่มีเวลาทำอย่างอื่นหรือสนใจเรื่องไร้สาระอะไรเลย นอกจากนี้ การแก้สมการนาเวียร์-สโตกส์ไม่เพียงแต่ทำให้ลู่โจวได้รับความสนใจจากสื่อและมีการจัดพิธีมอบรางวัลที่มากมายเท่านั้น มันยังสร้างปัญหาอื่นตามมาด้วย
ตัวอย่างเช่น ตอนที่ลู่โจวกลับไปที่ประเทศอเมริกา อีเมลหลายร้อยฉบับก็ถูกส่งมาหาเขาพร้อมกับคำเชิญที่น่ารำคาญ
อีเมลพวกนั้นมาจากทั้งสถานวิจัยในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ อีเมลฉบับอื่นยังมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังกว่าหนึ่งร้อยแห่งอีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีอีเมลคำเชิญที่ส่งมาให้ลู่โจวไปร่วมเป็นแขกรับเชิญร่วมรายการทีวีและทอล์คโชว์อีกด้วย
ทันทีที่เห็นเช่นนั้น ลู่โจวก็สั่งให้เสี่ยวไอลบอีเมลไร้สาระทั้งหมดทิ้งไปเสีย
นอกจากเสี่ยวไอจะช่วยจัดการเรื่องไร้สาระทั้งหมดให้ลู่โจวแล้ว เสี่ยวไอยังเป็นผู้ช่วยที่ดีของลู่โจวอีกด้วย อย่างที่เห็น เสี่ยวไอมีความรู้และความสามารถที่ฉลาดขึ้น
หลังจากที่มีคนคอยช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้แล้ว ลู่โจวก็กลับไปค้นคว้าวิจัยพลาสมาต่ออีกครั้ง
ทั้งนี้ ความยากในการค้นคว้าวิจัยก็ได้ถูกแบ่งเป็นสองส่วน
ส่วนแรกคือความซับซ้อนของระบบและสภาพแวดล้อมตลอดจนความหลากหลายของระบบที่จะทำให้เกิดความปั่นป่วนของพลาสมาขึ้น
ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ต้องลองคิดถึงยานอวกาศเป็นตัวอย่าง เมื่อระดับความสูง ความเร็ว ตำแหน่งและอุณหภูมิของพื้นผิวเปลี่ยนไป ก๊าซและสภาพแวดล้อมทางกลที่อยู่รอบยานก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
ส่วนที่สองคือกฎทางฟิสิกส์พื้นฐาน
การทดลองและค้นคว้าแบบเก่าได้มีการใช้องค์ประกอบพื้นฐานของพลวัตวัสดุและมีการสร้างสมการการเคลื่อนที่จากกฎปฏิสัมพันธ์อย่างมากมาย… สิ่งนี้อาจฟังดูงงงวย แต่ท้ายที่สุดแล้ว สูตรฟิสิกส์ที่ใช้ในการพิสูจน์ก็ไม่ได้อยู่ในระดับสูงอะไรขนาดนั้น
สำหรับโลกของฟิสิกส์ “มันอยู่เหนือความซับซ้อน” มากกว่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นเครื่องบิน… สนามพลังการไหลรอบเครื่องบินมีไมโครฟลูอิดอยู่ที่ 10^15~10^24 ซึ่งไมโครฟลูอิดแต่ละตัวนั้นจะต้องได้รับการวิเคราะห์เชิงกลอย่างละเอียด นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาเรื่องแรงปฏิสัมพันธ์ระหว่างไมโครฟลูอิดด้วย อันที่จริง แม้จะมีทรัพยากรคอมพิวเตอร์อยู่ทั่วโลก แต่ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้
ทั้งนี้ ความซับซ้อนของแบบจำลองส่วนใหญ่จะถูกสร้างโดยนักวิจัยพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ พวกเขามักจะใช้ปรากฏการณ์หลายรูปแบบในการทดลอง ทั้งนี้ ถึงแม้ว่านักวิชาการส่วนมากจะใช้วิธีการสร้างแบบจำลองพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณแบบเดียวกัน แต่มันก็อาจมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้
ด้วยเหตุนี้ การสร้างแบบจำลองพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณแบบซับซ้อนจึงถูกมองว่าเป็นศิลปะมากกว่าวิทยาศาสตร์
สำหรับสาเหตุที่ผู้คนส่วนมากมักจะหมกมุ่นอยู่กับวิธีแก้สมการเวียร์-สโตกส์ นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ทราบวิธีการแก้สมการที่ถูกต้อง พวกเขาจึงต้องค้นหาผลลัพธ์ที่ถูกต้องที่สุด
สำหรับพลังพลาสมาภายในเครื่องสเตลลาเรเตอร์ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนมาก แต่มันก็จัดการได้ค่อนข้างง่าย แม้ว่าพลาสมาจะไม่คงที่เมื่ออยู่ภายในอุณหภูมิและความกดอากาศสูง แต่อย่างน้อย การไหลเวียนของมาโครพลาสมาก็ค่อนข้างสม่ำเสมอ…
ถึงกระนั้น ปัญหาที่สองดูเหมือนจะยุ่งยากกว่ามาก
ถึงอย่างไร มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาเท่านั้น แต่ไม่ใช่กับลู่โจวเลย
หลังจากที่ลู่โจวใช้ทฤษฎีของเอลเมนฟอร์ย เขาก็สามารถแก้สมการนาเวียร์-สโตกส์และสามารถสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์จากข้อมูลการทดลองเชิงเรขาคณิตอนุพันธ์ได้… แม้มันจะเป็นกระบวนการที่ยาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว…
ต้นเดือนกันยายน
ลู่โจวนั่งอยู่ที่ห้องทำงานของตนที่สถาบันพรินซ์ตัน เขามองจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์และหยิบปากกาขึ้นมาร่างบางอย่างลงเศษกระดาษ
หลังจากที่เขียนบรรทัดสุดท้ายของการคำนวณเสร็จ ท้ายที่สุดแล้ว ลู่โจวก็พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอกและวางปากกาลูกลื่นลง
“สำเร็จ!”
ทันทีที่ฮาร์ดี้ได้ยินเช่นนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าสุดสับสน เขาสบตากับฉินเยว่ก่อนที่จะมองกลับไปยังห้องทำงานของลู่โจ
เจคและเวร่ามองไปที่ลู่โจวด้วยความเคารพ โดยเฉพาะเวร่า ดวงตาของเธอเกือบจะเป็นประกายเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าศาสตราจารย์กำลังทำอะไร แต่เธอก็รู้สึกได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ไม่น้อยแน่
สำหรับเหว่ยเหวินที่กำลังเขียนวิจัยของตนเองอยู่ เขาพลันมองไปยังความวุ่นวายรอบตัวและเผยท่าทีสุดเมินเฉย เขาอยากจบการศึกษาปริญญาโทภายในปีนี้และเรียนต่อปริญญาเอกในปีหน้าในทันที เพราะแบบนั้น เขาจึงไม่ได้สนใจในงานวิจัยของลู่โจวมากนัก
สิ่งที่เหว่ยเหวินรู้ก็คือศาสตราจารย์ของเขากำลังค้นคว้าบางอย่างที่น่าเบื่ออีกครั้ง…
ลู่โจวไม่ทันได้สังเกตเห็นท่าทีของแต่ละคน เขากำลังทำการตรวจสอบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของตนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นาน เขาก็ได้คัดลอกข้อมูลทั้งหมดลงยูเอสบีและรีบออกจากห้องทำงานไป
การพิสูจน์สมการที่ยากเย็นเช่นนี้ สมองของมนุษย์ไม่สามารถคำนวณได้แน่
สำหรับการพิสูจน์สมการที่ซับซ้อนเช่นนี้ เขาจำเป็นต้องใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์!
ยิ่งคอมเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี!
…
ในฐานะมหาวิทยาลัยที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ ความมั่งคั่งของพรินซ์ตันไม่เพียงสะท้อนให้เห็นในความตั้งใจที่จะแย่งชิงคนเก่งจากทั่วโลกเข้ามาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านฮาร์ดแวร์ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
แม้ว่าสถาบันพรินซ์ตันจะอยู่ในเมืองที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่สถาบันนี้ก็มีทุกอย่างครบตั้งแต่ห้องปฏิบัติการพลาสมาไปจนถึงศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ายิ่งสมาคมศิษย์เก่านั้นมีความเข้มแข็งและสำคัญเพียงใด การเงินของมหาวิทยาลัยก็จะยิ่งแข็งแกร่งและมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของสถาบันพรินซ์ตันนั้นตั้งอยู่ที่ศูนย์จอนโวลเนแมน ส่วนใหญ่แล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มักจะถูกใช้สำหรับการจำลองสารควบแน่นของพลาสมาและกลศาสตร์จักรวาลเท่านั้น
นอกจากนี้ ลู่โจวเองก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง “เดวิด ชอว์” ด้วย
ทั้งนี้ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แอนตันเองก็มักจะถูกใช้คำนวณการทดลองของสาขาเคมีเท่านั้น มันไม่เหมือนกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไปเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างที่กำลังกรอกใบร้องขอ ลู่โจวไม่จำเป็นต้องรอนานเลยด้วยซ้ำ เขาได้รับการอนุมัติจากสถาบันอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้า ลู่โจวก็นำเอกสารทั้งหมดไปให้ศูนย์จอห์นฟอนนอยมันน์และศาสตราจารย์อาเมอร์ กรีนซึ่งเป็นผู้อำนวยการของศูนย์ ลู่โจวพลันเล่าความตั้งใจทั้งหมดของตนให้กับกรีนฟัง
หลังจากได้ยินคำขอของลู่โจว ศาสตราจารย์กรีนก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“หือ? แน่ใจนะว่าไม่ได้ล้อเล่น? คุณจะสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์สำหรับความปั่นป่วนของพลาสมาในเครื่องสเตลลาเรเตอร์เนี่ยนะ?”
แม้ว่ากรีนจะไม่ใช่นักฟิสิกส์ แต่เขารู้ดีว่าความสำเร็จนี้จะน่าทึ่งเพียงใด
ลู่โจวพลันถอนหายใจและยื่นเอกสารการอนุมัติให้กับกรีน “ผมไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย”
ศาสตราจารย์กรีนไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เขารีบเปิดคอมพิวเตอร์และกล่าวคำพูด “คุณเอาแบบจำลองมาหรือเปล่า?”
ลู่โจวพลันวางยูเอสบีไว้บนโต๊ะ “เอามาแล้วครับ”
ทันทีที่ยูเอสบีเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ ศาสตราจารย์กรีนก็พลันเปิดไฟล์ขึ้นมาและลูบเครา “มันดูยากเหมือนกันนะ ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าศูนย์เราจะมีความสามารถในการประมวลผลขนาดนี้ไหม… บางที คุณอาจจะต้องใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ห้องทดลองของโอ๊คริดจ์แทน คุณแน่ใจนะว่าทำให้มันง่ายกว่านี้ไม่ได้แล้ว?”
……………………………….