Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 98
ตอนที่ 98 นี่มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย
จินหลิงเข้าฤดูหนาวแล้ว และอุณหภูมิก็ลดลง
นี่เป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของปี
ณ เวลาบ่ายสองหน้าประตูมหาลัย เฉินยู่ซานยืนอยู่ใต้ต้นอู่ถง เธอสวมเสื้อสีน้ำตาล กางเกงเอวสูงคู่กับรองเท้าบูทยาวถึงเข่า แม้ว่าเธอจะไม่ได้สูงหกฟุต แต่ขาเธอก็ดูเหมือนคนสูงหกฟุต
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าวิชวลเอฟเฟคใช่ไหม?
ลู่โจวตระหนักทันที
เมื่อเฉินยู่ซานสังเกตเห็นลู่โจว แววตาของเธอก็เปล่งประกายแล้วโบกมือให้เขา
ลู่โจวสะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊คไว้ด้านหลัง เมื่อเขาเดินเข้าไปหาเธอ เขาก็ถาม “เราจะไปดูหนังที่ไหน?”
เฉินยู่ซานโบกตั๋วหนังสองใบที่อยู่ในมือแล้วกล่าว “อี้ต๋าพลาซ่า! แล้วนายเอากระเป๋าโน๊ตบุ๊คมาทำไม?”
ลู่โจวตอบอย่างสัตย์จริง “ตอนเช้าผมไปอยู่ห้องสมุดมาอยู่พักนึง แล้วก่อนมาที่นี่ผมก็ไม่ได้กลับหอพัก”
แม้ว่าเขาจะทิ้งกระเป๋าไว้ในห้องสมุดได้ แต่เสี่ยวไออยู่ในโน๊ตบุ๊ค เขาจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะทิ้งโน๊ตบุ๊คไว้ในที่สาธารณะ
เฉินยู่ซานมีสีหน้าพ่ายแพ้ เธอกลอกตามองต้นอู๋ถงแล้วถอนหายใจ “รุ่นน้องน้อย นายทำให้ฉันกดดันมาก”
ลู่โจวไม่รู้จะตอบยังไง
เขารู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะตอบยังไง เขาก็ถูกเกลียด
จะดีที่สุดถ้าเขาปิดปากเงียบ
ทั้งสองเรียกแท็กซี่ เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปนั่งบนเบาะหลัง ทั้งคู่ก็เริ่มคุยกัน
เนื่องจากทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเขาจึงมีเรื่องให้พูดมากมาย
พวกเขาพูดกันถึงชีวิตมหาลัย การสร้างอาคารหอพักใหม่ กิจกรรมนอกหลักสูตรและเรื่องอื่นๆ ยี่สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และทั้งสองก็มาถึงปลายทาง
จากนั้นพวกเขาก็ไปที่จุดขายตั๋วแล้วมองดูเวลาฉาย
พวกเขามองดูหนังที่กำลังฉาย แล้วลู่โจวก็เอ่ยถาม “คุณอยากดูอะไร?”
เฉินยู่ซานตอบอย่างไม่ลังเล “ฮอนเตดโร้ด(Haunted Road)”
(ผู้แปล : หนังสยองขวัญของจีน)
ขณะที่เธอกล่าว แววตาของเธอก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
เธอตั้งหน้าตั้งตารอดูหนังสยองขวัญเรื่องนี้ตั้งแต่เห็นเทรลเลอร์ครั้งแรกเลย แต่มันก็น่ากลัวเกินไปที่จะมาดูคนเดียว
ตอนแรกเธอวางแผนที่จะดูหนังเรื่องนี้กับรูมเมท แต่รูมเมทของเธอกลัวเกินไปแล้วทิ้งเธอ
เฉินยู่ซานหาคนไปดูด้วยไม่ได้ด้วยความสิ้นหวัง สุดท้ายเธอก็นึกถึงนักศึกษาที่ช่วยวิชาคณิตศาสตร์เธอ
“ตกลง” ลู่โจวกล่าวแล้วพยักหน้า เธอพูดกับคนขายตั๋ว “ฮอนเตดโร้ดหนึ่งใบ อินเตอร์สเตลลาร์(Interstellar)หนึ่งใบ”
เฉินยู่ซาน “???”
คนขายตั๋วมองลู่โจวก่อนจะมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเขา จากนั้นเธอก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วถาม “อะแฮ่ม คุณอยากคิดใหม่ไหม?”
ลู่โจวอึ้ง “คิดใหม่เรื่องอะไร?”
คนขายตั๋วยิ้มแล้วกล่าว “คิดใหม่ คิดใหม่!”
ลู่โจว “???”
เชี่ย? คุณจะขายตั๋วรึเปล่า?
เฉินยู่ซานเดินเข้ามาเงียบๆแล้ววางบัตรกำนัลสองใบบนเคาน์เตอร์ก่อนจะกล่าว “ฮอนเตดโร้ดสองใบ”
คนขายตั๋วยิ้มแล้วกล่าว “เยี่ยม”
ลู่โจว “???”
เมื่อลู่โจวตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เฉินยู่ซานก็รับตั๋วสองใบมาแล้ว และเธอก็เอาตั๋วใบนึงให้ลู่โจว
บัตรกำนัลถูกใช้ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนกลับแล้ว
ลู่โจวมองตั๋วหนังในมือแล้วถอนหายใจ
มันไม่ใช่ว่าเขากลัวหนังสยองขวัญ เขาแค่ไม่สนใจหนังแนวนี้
เขาดูหนังเรื่อง’The Ring’แล้วยังผล็อยหลับได้ หนังสยองขวัญเด็กๆแบบนี้มันง่ายเกินไปสำหรับเขา
ดูเหมือนเขาต้องรอจนถึงครั้งต่อไปถึงจะได้ดูหนังไซไฟสุดฮิตของโนแลน
เฉินยู่ซานเห็นว่าลู่โจวไม่ได้พูดอะไร เธอจึงกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อย “เอาน่า เลิกงอนเถอะ ไว้ครั้งหน้าฉันจะดูอินเตอร์สเตลลาร์กับนาย”
“ผมไม่ได้งอน ผมไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น” ลู่โจวถอนหายใจแล้วเก็บตั๋วหนัง เขามองดูเวลาแล้วกล่าว “ผมจะไปซื้อป๊อปคอร์น คุณอยากได้อะไรไหม?”
ท้ายที่สุดแล้วเนื่องจากเขาเป็นเศรษฐีแล้ว เขาจึงใจกว้างขึ้นหน่อยนึง
อย่างน้อยเขาก็ไม่ขี้เหนียวเมื่อมันเกี่ยวกับอาหาร
ดวงตากลมโตคู่งามของเฉินยู่ซานเบิกกว้าง “นายแน่ใจเหรอว่านายจะกินป๊อปคอร์นได้…”
ลู่โจวประหลาดใจ “…มีปัญหาอะไรหรือ?”
“ไม่ ไม่มีอะไร” เฉินยู่ซานกล่าวและส่ายหน้าด้วยความนับถือ เธอกล่าวเสริม “ซื้อกินเองก็พอ ฉันไม่หิว”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วไปที่เคาน์เตอร์
เขาซื้อป๊อปคอร์นกับโค้ก
หลังจากซื้อของกิน พวกเขาก็เข้าโรงหนังที่มีคนแน่นโรง
ภายใต้การรบเร้าอย่างต่อเนื่องของเฉินยู่ซาน ลู่โจวก็เดินนำหน้าเธอขณะถือโค้กกับป๊อปคอร์นในมือ
เขาไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองไหม แต่เขารู้สึกว่าผู้คนกำลังมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่สนใจ กลับกันเขาโยนป๊อปคอร์นเข้าปากแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้และรอหนังเริ่มเงียบๆ
ไม่นานอินโทรก็เริ่มเล่น เสียงเพลงเปียโนที่ไพเราะและฟังดูสนุกสนานก็ดังขึ้น แล้วค่อยๆฟังดูมืดมน
ผู้คนรอบตัวพวกเขาก็เลิกกระซิบกระซาบแล้วจ้องมองหน้าจอพร้อมกับกลั้นลมหายใจ มีแต่ลู่โจวคนเดียวเท่านั้นที่กินได้ตลอดทั้งเรื่อง
แน่นอนมันเป็นเพราะเขาไม่สนใจ
อย่างน้อยลู่โจวก็ยังตามพล็อตหนังทันอยู่
หนังเกี่ยวกับคนปกติเจ็ดคนที่จะไปงานแต่งงาน แต่แล้วพวกเขาก็พบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ พวกเขาพูดสิ่งที่ไม่เคารพต่อผู้ตายและแม้แต่ถ่ายรูปอุบัติเหตุเพื่อความสนุก
สรุปสั้นๆก็คือพวกเขารนหาที่ตาย เมื่อรถพวกเขาพังในพื้นที่ชนบท พวกเขาจึงตัดสินใจพักอยู่ในรถ พวกเขากระทั่งถ่ายรูปและแม้แต่ใส่แคปชั่นว่าพวกเขาจะไม่ตายตรงนี้
จากนั้น…
ทุกคนก็ตาย
ลู่โจวได้ยินเสียงกรี๊ดใกล้ๆ ยิ่งเขาดูเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกแปลกใจมากเท่านั้น
พล็อตเรื่องนี้…
ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือน…
มันคล้ายกับไฟนอลเดสทิเนชั่น(Final Destination)?
เช่นเดียวกับผู้ชมคนอื่นๆรอบตัว เฉินยู่ซานก็อดกรี๊ดไม่ได้
อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ถอย
เธอกลัวแทบตาย แต่เธอก็ยังอยากรู้อยากดู สายตาของเธอจ้องมองตรงไปที่จอ ดวงตากลมโตของเธอเปี่ยมไปด้วยความกลัวและความตื่นเต้น มือของเธอจับอยู่บนแก้มพร้อมที่จะเอามาปิดตาได้ทุกเมื่อ…
ลู่โจวเหลือบมองเธอ
ผู้หญิงคนนี้…
เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?
หนังดำเนินต่อไป เมื่อมันมาถึงเนื้อเรื่องหลัก เสียงกรีดร้องก็ดังทั่วโรง
ลู่โจวกินป๊อปคอร์นแล้วตามด้วยโค้ก เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้เขาแค่อยากเข้าห้องน้ำ
อย่างไรก็ตามเฉินยู่ซานกรี๊ดอยู่ข้างๆ ผู้คนรอบตัวกำลังสงสัยว่าเธอเสียสติไปแล้วหรือยัง
ในที่สุดหนังก็มาถึงฉากจบ
ถ้ามองมุมมองอื่น เพลงไม่เลวเลย สำหรับหนังสยองขวัญในประเทศแล้ว มันไม่เลว ตอนจบของหนัง เหตุการณ์ทั้งหมดถูกเปิดเผยว่ามันเป็นแค่ความฝัน
ท้ายที่สุดแล้วจุดเด่นของหนังสยองขวัญไม่ใช่ตอนจบ แต่เป็นเนื้อเรื่อง
พูดตามตรง เรื่องสยองขวัญที่ถูกสร้างขึ้นในยอดนักสืบจิ๋วโคนันยังทำให้ลู่โจวกลัวมากกว่าหนังสยองขวัญเหล่านี้อีก
แน่นอนเขากำลังพูดถึงเวอร์ชั่นทีวี ไม่ใช่เวอร์ชั่นเดอะมูฟวี่
หลังจากพวกเขาออกมาจากโรงหนัง เฉินยู่ซานก็เงียบราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไป สีหน้าเธอซีดขาวและน่ากลัว แถมยังเดินเหมือนไม่มีแรงอีก
หลังจากออกนอกโรงหนังไป มันก็เหมือนกับว่าจิตวิญญาณของเธอกลับมาแล้ว เธอถอนหายใจแล้วเอามือมาวางบนอก “ฉันกลัวแทบตาย…”
ลู่โจวโยนแก้วเปล่ากับถังป๊อปคอร์นลงถังขยะแล้วกล่าว “มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยจริงเหรอ?”
เฉินยู่ซานมองลู่โจวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แน่นอนว่ามันน่ากลัว! นายไม่เห็นด้วยเหรอ?”
ลู่โจวกล่าว “แต่ผีไม่มีจริงหนิ?”
“ฉันรู้ว่ามันไม่มีจริง แต่นายไม่คิดว่าการที่จู่ๆผู้หญิงก็ปีนออกมา มันน่ากลัวเหรอ? หน้าเธอเต็มไปด้วยเลือด…” เฉินยู่ซานกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ
ลู่โจวคิดแล้วก็ยังไม่คิดว่ามันน่ากลัว กลับกันเขากล่าวอย่างหัวดื้อแทน “แต่ทั้งหมดเป็นของปลอม…”
เฉินยู่ซาน “…”