Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 901 เมืองอัจฉริยะ?
นับตั้งแต่ประตูห้องของลู่โจวปิดลง ความสนใจของเสี่ยวถงก็ติดหนึบอยู่ที่ห้องของเขา
แม้ว่าแม่ของเธอจะเตือนไม่ให้เธอไปรบกวนพี่ชาย แต่เมื่อพ่อแม่ของเธอไม่ได้มองอยู่ เสี่ยวถงก็แอบเดินไปที่นั่น
เธอกลืนน้ำลายแล้วแนบหูติดกับประตู
อืม…
ทำไมมันเงียบจัง?
ไม่ใช่ว่ามันจะต้องเสียงดังมากๆ เหรอ?
ขณะที่เสี่ยวถงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูก็เปิดออก…
“โอ๊ย!”
เสี่ยวถงถอยหลังไปครึ่งก้าวแล้วกุมหน้าผากไว้
ลู่โจวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วมองมาที่น้องสาวของเขา
“เธอทำอะไรเนี่ย?”
“เปล่า…” เสี่ยวถงมองไปที่ลู่โจว จากนั้นก็มองไปที่เฉินยู่ซาน และแม้ว่าเธอจะรู้สึกเจ็บหน้าผากอย่างมาก แต่เธอก็ยังพูดขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “พี่… พวกพี่อยู่ในนั้นพักหนึ่งแล้ว… ทำอะไรกันเหรอ?”
“หารือเรื่องบางเรื่องน่ะ”
ลู่โจวเอื้อมมือออกไปแล้วเคาะที่หน้าผากของน้องสาวเบาๆ เขาเมินเฉยต่อปฏิกิริยาที่เกินจริงของน้องสาวแล้วมองไปที่เฉินยู่ซานแทน
“ฉันจะออกไปส่งเธอ”
“อ่า” เฉินยู่ซานยิ้มแล้วพยักหน้า เธอตามลู่โจวไปแล้วเดินออกไปจากห้อง
คุณแม่ลู่เห็นลู่โจวกับเฉินยู่ซานเดินตรงไปที่ประตู แล้วเธอก็รีบออกมาจากห้องครัว
เธอต้องการให้หญิงสาวน่ารักผู้นี้อยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้อย่างเต็มที่ แล้วเธอก็คิดว่าลูกชายของเธอต้องทำให้เสียเรื่องอีกรอบแน่
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอจ๊ะ? ถ้าลูกชายฉันทำให้เธอไม่พอใจอีก บอกฉันมาว่าเขาทำอะไร ฉันจะลงโทษเขา!”
เฉินยู่ซานยิ้มแล้วเริ่มอธิบาย
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณป้า หนูแค่จะมาพูดคุยเรื่องธุรกิจกับลู่โจว เราคุยกันเสร็จแล้ว หนูก็เลยไม่อยากรบกวนทุกคนค่ะ”
“เธอไม่ได้รบกวนอะไรพวกเราเลย! จะว่าไป เธอยังไม่มีที่พักในเจียงหลิงใช่ไหม? ทำไมเธอไม่มาอยู่ที่บ้านพวกเราล่ะ? เพราะไม่ว่ายังไง เราก็มีห้องนอนว่างอยู่แล้ว”
“นั่น… ไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่มั้งคะ”
เฉินยู่ซานเอานิ้วม้วนเส้นผมและพยายามหลบสายตา
ลู่โจวมองมาที่แม่ของเขาและทนไม่ไหวอีกต่อไป
“แม่ หยุดทำให้เธอลำบากใจเถอะ”
ลู่โจวมองไปที่เฉินยู่ซาน
“ไปกันเถอะ”
“โอเค…”
หลังจากเฉินยู่ซานกลับออกไป ในที่สุดลู่โจวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ขอบคุณพระเจ้าที่เขาได้กลับเข้ามา
เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกเหมือนกับว่าเฉินยู่ซานไม่พอใจนิดหน่อยตอนที่เธอกลับไป…
เธอมีเรื่องอยากหารือกับฉันมากกว่านี้หรือเปล่า?
ใครจะไปรู้…
ลู่โจวมองเฉินยู่ซานเดินจากไปแล้วเขาก็กลับเข้ามาที่บ้าน เขาอยากจะทำงานวิจัยคณิตศาสตร์ของเขาต่อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเดินผ่านโซฟาในห้องนั่งเล่น เสี่ยวถงก็แกล้งเตะขาเขาเล่นๆ
“อะไร? เธอต้องการอะไร?”
“พี่นี่โง่จริงๆ เลย!”
“…?”
“นั่นสำหรับที่พี่ตีหน้าผากฉัน…” เสี่ยวถงพูด เธอแลบลิ้นออกมาแล้วกลับไปเล่นเกมในมือถือของเธอต่อ
ขณะที่ลู่โจวมองไปที่น้องสาวคนนี้ เขาก็รู้สึกงุนงง
ไม่มีเหตุผลเลย
ช่างมันเถอะ…
ใครสนกัน
ลู่โจวเลิกสนใจเธอแล้วกลับไปยังห้องของเขา
…
ลู่โจวนั่งลงที่โต๊ะทำงานก่อนจะทำงานวิจัยของเขาต่อ เขาตัดสินใจอ่านเอกสารของเฉินยู่ซานอย่างละเอียด
เอกสารฉบับนี้มีชื่อว่า ‘เมืองอัจฉริยะ’ และประกอบด้วยทิศทางการวิจัยที่มีความเป็นไปได้จำนวนมากพร้อมกับศักยภาพของตลาดที่ดี
บางเรื่องก็ค่อนข้างเป็นไปได้จริง อย่างเช่น ระบบการสื่อสารด้วยโฮโลแกรม เทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย เป็นต้น
บางเรื่องก็ไร้สาระสุดๆ อย่างเช่น รถพลังแม่เหล็กความเร็วสูง
ความคิดที่ว่าถ้ากลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงนั้นมีพลังเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ ความหนาแน่นของประชากรในเซี่ยงไฮ้และชานเมืองบริเวณรอบๆ ก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกขั้น
ผลในเรื่องการจราจรที่ตามมายังไม่สามารถแก้ไขได้เพราะมีการสร้างทางหลวงและสะพานข้ามมากขึ้น พวกเขาต้องเริ่มต้นจากเส้นทางการเดินรถแบบสองมิติไปยังแบบสามมิติ
นั่นก็คือปล่อยให้รถบินไปในอากาศแทนที่จะขับไปบนถนน
นี่ฟังดูเหมือนอะไรบางอย่างที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ รถบินได้เคลื่อนที่ไปมาระหว่างอาคารสูงระฟ้าโดยมีการติดตั้งปัญญาประดิษฐ์ขับเคลื่อนรถอัตโนมัติอย่างครบถ้วน…
แน่นอนว่าเทคโนโลยีประเภทนั้นยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นภายในวันสองวัน อย่างไรก็ตามมันมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน สตาร์สกายเทคโนโลยีมีการวิจัยและความสามารถในการพัฒนาชั้นนำระดับโลก พวกเขาควรจะเริ่มต้นวิจัยในสาขาเหล่านี้ก่อน
เหมือนกับที่พวกเขาเป็นที่แรกที่จับตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์
สำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ทุกชิ้นที่ผลิตออกมา สตาร์สกายเทคโนโลยีได้รับกำไรจากสิทธิบัตรไม่น้อยกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐ
ถ้าพวกเขาสามารถเป็นผู้นำในการประดิษฐ์เทคโนโลยีที่เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนและเริ่มต้นจดสิทธิบัตรได้ สตาร์สกายเทคโนโลยีอาจจะกลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก…
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ลู่โจวสนใจไม่ใช่ความสามารถในการทำกำไรของแผนนี้ แต่เป็นตัวเทคโนโลยีเองมากกว่า
“เมืองอัจฉริยะ…”
ฉันคิดว่ามันดูเหมือนเมืองแห่งอนาคตมากกว่า
ลู่โจวจ้องมองเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในแผนและอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้นอกห้องปฏิบัติการของเขา
อนาคตของจีนจะดูเป็นอย่างไร?
ยี่สิบปีที่แล้ว ผู้คนกล่าวว่ามันอาจจะเหมือนญี่ปุ่นกับอเมริกาในตอนนี้
แต่ในตอนนี้…
เราสามารถกำหนดอนาคตของเราเองได้
…
สิบห้าวันหลังวันตรุษจีน เหตุการณ์ใหญ่ 2 เหตุการณ์ก็เกิดขึ้น
เหตุการณ์แรกก็คือสตาร์สกายเทคโนโลยี รวมถึงบริษัทด้านการบินและอวกาศอีกสองแห่งชนะโปรเจกต์การประกวดราคาของนาซาสำหรับสถานีอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ซึ่งมีมูลค่าทั้งหมด 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นี่ยังรวมภารกิจการปล่อยยานมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการผลิตส่วนประกอบของยานอวกาศอีกนับไม่ถ้วน
เนื่องด้วยนโยบายการป้องกันทางการค้า โปรเจกต์ส่วนใหญ่จึงตกอยู่ในมือของบริษัทอเมริกัน อย่างเช่น บลูออริจิน สเปซเอ็กซ์ โบอิ้ง เป็นต้น ดังนั้น การที่จีนสามารถชิงส่วนแบ่งมาได้จึงทำให้อเมริกาตกตะลึง
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นสำหรับโปรแกรมแอรีส
เรื่องนี้ทำให้คนจำนวนมากนึกถึงยุค 1970 เมื่อยานอะพอลโลและโซยุซร่วมมือกันเข้าวงโคจรต่ำของโลก
หลังจากมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดต่อเนื่อง สองชาติมหาอำนาจนี้ก็จับมือกันและเห็นพ้องต้องกัน
ชาวอเมริกันประหลาดใจที่ได้เห็นการจับมือแบบนี้อีกครั้งกับประเทศที่ต่างออกไป
เหตุการณ์ใหญ่เหตุการณ์ที่สองก็ได้เกิดขึ้นในแวดวงการบินและอวกาศ
16 วันหลังจากวันตรุษจีน…
ลู่โจวได้รับโทรศัพท์จากปักกิ่งแล้วก็บินไปที่ปักกิ่งในทันที เขากำลังจะไปเข้าร่วมการประชุมที่สำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศและฟิสิกส์นานาชาติของจีน
……………………..
นับตั้งแต่ประตูห้องของลู่โจวปิดลง ความสนใจของเสี่ยวถงก็ติดหนึบอยู่ที่ห้องของเขา
แม้ว่าแม่ของเธอจะเตือนไม่ให้เธอไปรบกวนพี่ชาย แต่เมื่อพ่อแม่ของเธอไม่ได้มองอยู่ เสี่ยวถงก็แอบเดินไปที่นั่น
เธอกลืนน้ำลายแล้วแนบหูติดกับประตู
อืม…
ทำไมมันเงียบจัง?
ไม่ใช่ว่ามันจะต้องเสียงดังมากๆ เหรอ?
ขณะที่เสี่ยวถงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูก็เปิดออก…
“โอ๊ย!”
เสี่ยวถงถอยหลังไปครึ่งก้าวแล้วกุมหน้าผากไว้
ลู่โจวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วมองมาที่น้องสาวของเขา
“เธอทำอะไรเนี่ย?”
“เปล่า…” เสี่ยวถงมองไปที่ลู่โจว จากนั้นก็มองไปที่เฉินยู่ซาน และแม้ว่าเธอจะรู้สึกเจ็บหน้าผากอย่างมาก แต่เธอก็ยังพูดขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “พี่… พวกพี่อยู่ในนั้นพักหนึ่งแล้ว… ทำอะไรกันเหรอ?”
“หารือเรื่องบางเรื่องน่ะ”
ลู่โจวเอื้อมมือออกไปแล้วเคาะที่หน้าผากของน้องสาวเบาๆ เขาเมินเฉยต่อปฏิกิริยาที่เกินจริงของน้องสาวแล้วมองไปที่เฉินยู่ซานแทน
“ฉันจะออกไปส่งเธอ”
“อ่า” เฉินยู่ซานยิ้มแล้วพยักหน้า เธอตามลู่โจวไปแล้วเดินออกไปจากห้อง
คุณแม่ลู่เห็นลู่โจวกับเฉินยู่ซานเดินตรงไปที่ประตู แล้วเธอก็รีบออกมาจากห้องครัว
เธอต้องการให้หญิงสาวน่ารักผู้นี้อยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้อย่างเต็มที่ แล้วเธอก็คิดว่าลูกชายของเธอต้องทำให้เสียเรื่องอีกรอบแน่
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอจ๊ะ? ถ้าลูกชายฉันทำให้เธอไม่พอใจอีก บอกฉันมาว่าเขาทำอะไร ฉันจะลงโทษเขา!”
เฉินยู่ซานยิ้มแล้วเริ่มอธิบาย
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณป้า หนูแค่จะมาพูดคุยเรื่องธุรกิจกับลู่โจว เราคุยกันเสร็จแล้ว หนูก็เลยไม่อยากรบกวนทุกคนค่ะ”
“เธอไม่ได้รบกวนอะไรพวกเราเลย! จะว่าไป เธอยังไม่มีที่พักในเจียงหลิงใช่ไหม? ทำไมเธอไม่มาอยู่ที่บ้านพวกเราล่ะ? เพราะไม่ว่ายังไง เราก็มีห้องนอนว่างอยู่แล้ว”
“นั่น… ไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่มั้งคะ”
เฉินยู่ซานเอานิ้วม้วนเส้นผมและพยายามหลบสายตา
ลู่โจวมองมาที่แม่ของเขาและทนไม่ไหวอีกต่อไป
“แม่ หยุดทำให้เธอลำบากใจเถอะ”
ลู่โจวมองไปที่เฉินยู่ซาน
“ไปกันเถอะ”
“โอเค…”
หลังจากเฉินยู่ซานกลับออกไป ในที่สุดลู่โจวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ขอบคุณพระเจ้าที่เขาได้กลับเข้ามา
เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกเหมือนกับว่าเฉินยู่ซานไม่พอใจนิดหน่อยตอนที่เธอกลับไป…
เธอมีเรื่องอยากหารือกับฉันมากกว่านี้หรือเปล่า?
ใครจะไปรู้…
ลู่โจวมองเฉินยู่ซานเดินจากไปแล้วเขาก็กลับเข้ามาที่บ้าน เขาอยากจะทำงานวิจัยคณิตศาสตร์ของเขาต่อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเดินผ่านโซฟาในห้องนั่งเล่น เสี่ยวถงก็แกล้งเตะขาเขาเล่นๆ
“อะไร? เธอต้องการอะไร?”
“พี่นี่โง่จริงๆ เลย!”
“…?”
“นั่นสำหรับที่พี่ตีหน้าผากฉัน…” เสี่ยวถงพูด เธอแลบลิ้นออกมาแล้วกลับไปเล่นเกมในมือถือของเธอต่อ
ขณะที่ลู่โจวมองไปที่น้องสาวคนนี้ เขาก็รู้สึกงุนงง
ไม่มีเหตุผลเลย
ช่างมันเถอะ…
ใครสนกัน
ลู่โจวเลิกสนใจเธอแล้วกลับไปยังห้องของเขา
…
ลู่โจวนั่งลงที่โต๊ะทำงานก่อนจะทำงานวิจัยของเขาต่อ เขาตัดสินใจอ่านเอกสารของเฉินยู่ซานอย่างละเอียด
เอกสารฉบับนี้มีชื่อว่า ‘เมืองอัจฉริยะ’ และประกอบด้วยทิศทางการวิจัยที่มีความเป็นไปได้จำนวนมากพร้อมกับศักยภาพของตลาดที่ดี
บางเรื่องก็ค่อนข้างเป็นไปได้จริง อย่างเช่น ระบบการสื่อสารด้วยโฮโลแกรม เทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย เป็นต้น
บางเรื่องก็ไร้สาระสุดๆ อย่างเช่น รถพลังแม่เหล็กความเร็วสูง
ความคิดที่ว่าถ้ากลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงนั้นมีพลังเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ ความหนาแน่นของประชากรในเซี่ยงไฮ้และชานเมืองบริเวณรอบๆ ก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปอีกขั้น
ผลในเรื่องการจราจรที่ตามมายังไม่สามารถแก้ไขได้เพราะมีการสร้างทางหลวงและสะพานข้ามมากขึ้น พวกเขาต้องเริ่มต้นจากเส้นทางการเดินรถแบบสองมิติไปยังแบบสามมิติ
นั่นก็คือปล่อยให้รถบินไปในอากาศแทนที่จะขับไปบนถนน
นี่ฟังดูเหมือนอะไรบางอย่างที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ รถบินได้เคลื่อนที่ไปมาระหว่างอาคารสูงระฟ้าโดยมีการติดตั้งปัญญาประดิษฐ์ขับเคลื่อนรถอัตโนมัติอย่างครบถ้วน…
แน่นอนว่าเทคโนโลยีประเภทนั้นยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นภายในวันสองวัน อย่างไรก็ตามมันมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน สตาร์สกายเทคโนโลยีมีการวิจัยและความสามารถในการพัฒนาชั้นนำระดับโลก พวกเขาควรจะเริ่มต้นวิจัยในสาขาเหล่านี้ก่อน
เหมือนกับที่พวกเขาเป็นที่แรกที่จับตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์
สำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ทุกชิ้นที่ผลิตออกมา สตาร์สกายเทคโนโลยีได้รับกำไรจากสิทธิบัตรไม่น้อยกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐ
ถ้าพวกเขาสามารถเป็นผู้นำในการประดิษฐ์เทคโนโลยีที่เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนและเริ่มต้นจดสิทธิบัตรได้ สตาร์สกายเทคโนโลยีอาจจะกลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก…
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ลู่โจวสนใจไม่ใช่ความสามารถในการทำกำไรของแผนนี้ แต่เป็นตัวเทคโนโลยีเองมากกว่า
“เมืองอัจฉริยะ…”
ฉันคิดว่ามันดูเหมือนเมืองแห่งอนาคตมากกว่า
ลู่โจวจ้องมองเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในแผนและอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้นอกห้องปฏิบัติการของเขา
อนาคตของจีนจะดูเป็นอย่างไร?
ยี่สิบปีที่แล้ว ผู้คนกล่าวว่ามันอาจจะเหมือนญี่ปุ่นกับอเมริกาในตอนนี้
แต่ในตอนนี้…
เราสามารถกำหนดอนาคตของเราเองได้
…
สิบห้าวันหลังวันตรุษจีน เหตุการณ์ใหญ่ 2 เหตุการณ์ก็เกิดขึ้น
เหตุการณ์แรกก็คือสตาร์สกายเทคโนโลยี รวมถึงบริษัทด้านการบินและอวกาศอีกสองแห่งชนะโปรเจกต์การประกวดราคาของนาซาสำหรับสถานีอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ซึ่งมีมูลค่าทั้งหมด 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นี่ยังรวมภารกิจการปล่อยยานมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการผลิตส่วนประกอบของยานอวกาศอีกนับไม่ถ้วน
เนื่องด้วยนโยบายการป้องกันทางการค้า โปรเจกต์ส่วนใหญ่จึงตกอยู่ในมือของบริษัทอเมริกัน อย่างเช่น บลูออริจิน สเปซเอ็กซ์ โบอิ้ง เป็นต้น ดังนั้น การที่จีนสามารถชิงส่วนแบ่งมาได้จึงทำให้อเมริกาตกตะลึง
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นสำหรับโปรแกรมแอรีส
เรื่องนี้ทำให้คนจำนวนมากนึกถึงยุค 1970 เมื่อยานอะพอลโลและโซยุซร่วมมือกันเข้าวงโคจรต่ำของโลก
หลังจากมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดต่อเนื่อง สองชาติมหาอำนาจนี้ก็จับมือกันและเห็นพ้องต้องกัน
ชาวอเมริกันประหลาดใจที่ได้เห็นการจับมือแบบนี้อีกครั้งกับประเทศที่ต่างออกไป
เหตุการณ์ใหญ่เหตุการณ์ที่สองก็ได้เกิดขึ้นในแวดวงการบินและอวกาศ
16 วันหลังจากวันตรุษจีน…
ลู่โจวได้รับโทรศัพท์จากปักกิ่งแล้วก็บินไปที่ปักกิ่งในทันที เขากำลังจะไปเข้าร่วมการประชุมที่สำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศและฟิสิกส์นานาชาติของจีน
……………………..