Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 899 ปัดขวา?
เป็นอย่างที่ลู่โจวคาดเอาไว้ ฉินเยว่ใช้เวลาไม่นานในการตอบกลับมา หลังจากลู่โจวลุกขึ้นแล้วไปเข้าห้องน้ำ อีเมลตอบกลับของฉินเยว่ก็รออยู่ในกล่องข้อความของเขาแล้ว
น่าเสียดายที่ฉินเยว่ไม่ทราบอาการของเวร่ามากนัก เขารู้แค่เพียงว่าเวร่ากำลังทำงานกับโมลิน่าเรื่องสมมติฐานของรีมันน์ เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องที่เหลือ
อย่างไรก็ตามฉินเยว่บอกว่าเขาจะพยายามจับตามองสถานการณ์อย่างดีที่สุด เขาบอกว่าถ้ามีข้อมูลอะไรใหม่ๆ เขาจะบอกลู่โจวทันที
ส่วนเวร่า…
มีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอยังไม่ได้ตอบอีเมลเขา
ลู่โจวไม่สามารถจะรอดูอยู่อย่างนี้ได้ แม้ว่าเขาจะยังวิตกกังวล แต่เขาก็ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนและเดินหน้าทำงานวิจัยเรื่องสมมติฐานของรีมันน์ต่อไป
งานวิจัยของเวร่าสร้างแรงบันดาลใจให้เขาอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นเรื่องของทฤษฎีตัวแทนสำหรับกลุ่มเลขฐานแปดไอเซนเบิร์กที่ลดทอนไม่ได้ เขาอดที่จะรู้สึกประทับใจไม่ได้ นี่เป็นความคิดที่ซับซ้อนอย่างแท้จริง
ถ้าเขาสามารถสร้างการค้นพบที่ยิ่งใหญ่โดยใช้กลุ่มเลขฐานแปดไอเซนเบิร์กและประยุกต์ใช้วิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก เขาอาจจะทำให้ค่าเอปซีลอนเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เขามีความคิดในเรื่องการขยายค่าเอปซีลอนแล้ว เขาเพียงแค่ต้องการเวลาในการพิสูจน์การคาดการณ์ของเขา…
มันคุ้มค่าที่จะกล่าวว่าระหว่างที่ลู่โจวกำลังทำวิจัยเรื่องสมมติฐานของรีมันน์ ศาสตราจารย์ครุกแมนยังคงตามหลังเขาอยู่
วิทยานิพนธ์เรื่องเศรษฐมิตินั้นยังคงเผยแพร่ไปทั่วแวดวงเศรษฐศาสตร์ ครุกแมนคงจะคอยก่อความรำคาญให้เขาด้วยอีเมลทุกๆ สองสามวัน บางครั้งก็แนบความก้าวหน้าของงานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับแบบจำลองลู่ บิวลีย์ มาด้วย
การพัฒนางานวิจัยล่าสุดเหล่านี้ได้แก่ รายงานจากนักวิชาการที่มีชื่อเสียง รายงานจากการประชุมวิชาการ รวมถึงงานวิจัยของครุกแมนเองด้วย
มันดูเหมือนว่าศาสตราจารย์สูงวัยคนนี้ต้องการให้ลู่โจวรู้ว่างานวิจัยของลู่โจวนั้นสำคัญเพียงใดและต้องการชักชวนให้ลู่โจวทำการวิจัยต่อในสาขาของเศรษฐศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ไม่มีหวังสำหรับความปรารถนาของศาสตราจารย์คนนี้
ถ้าสิ่งที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นในสาขาฟิสิกส์หรือเคมี มันอาจจะดึงดูดใจลู่โจวได้นิดหน่อย อย่างไรก็ตามลู่โจวชอบที่ได้เห็นคนอื่นได้รับแรงบันดาลใจจากงานวิจัยของเขา
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้สนใจเรื่องเงินอีกต่อไป
เขาไม่ต้องการที่จะเสียเวลาไปกับการทำเงิน
เขาไม่อยากจะคุยโวโอ้อวด แต่จริงๆ เขาก็แค่อยากจะมีเงินเยอะๆ…
เวลามื้อกลางวัน
ครอบครัวนั่งอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารและกำลังรับประทานอาหารกลางวันอย่างมีความสุข
ในตอนนี้ที่ลูกทั้งสองคนกลับมาบ้านแล้ว ฟางเหมยก็รู้สึกมีความสุขมาก เธอทำอาหารจานโปรดทุกอย่างของเสี่ยวถงและลู่โจว มันเกือบจะเหมือนกับว่าเธออยากให้พวกเขาอยู่ที่นี่ตลอดไป
จริงๆ แล้วลู่โจวไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่เขากินมากนัก หลังจากใช้ยาสำหรับเพิ่มระบบการเผาผลาญ เขาก็ไม่เคยน้ำหนักขึ้น
แต่เสี่ยวถงนั้นตรงกันข้าม…
เธอไม่คุ้นเคยกับอาหารที่อังกฤษ และตอนนี้เธอก็อยู่ในสวรรค์ของการทำอาหาร เธอกินอาหารเข้าไปเยอะมากจนกระทั่งเธอต้องเริ่มนับแคลอรี่ของเธอ
ลู่โจวมองที่น้องสาวของเขาที่พยายามข่มใจไม่ให้ตัวเองกินและเขาก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
เสี่ยวถงสังเกตว่าลู่โจวกำลังมองมาที่เธอและทันใดนั้นเธอก็นึกบางอย่างออก เธอวางตะเกียบลงและพูดว่า
“พี่มีอคติกับเศรษฐศาสตร์หรือเปล่า?”
ลู่โจวไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงถามอะไรเช่นนี้ เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วสั่นหัว
“อคติเหรอ? ไม่เลย”
“แล้วทำไมพี่ถึงต่อต้านนักล่ะ?” เสี่ยวถงเกาหัวแล้วพูดว่า “ศาสตราจารย์ครุกแมนกระตือรือร้นมากที่จะทำงานกับพี่ และแบบจำลองลู่ บิวลีย์ นี้ก็มีโอกาสอย่างแท้จริงที่จะได้รางวัลโนเบล”
ขณะที่ลู่โจวกำลังจะอธิบายเหตุผล พ่อของเขาก็พูดขึ้นมาก่อนว่า
“นี่ อย่าจับผมสิ ผมลูกมีน้ำมันเกาะอยู่ทั่ว ไม่เอาน่า ตอนนี้ลูกโตเป็นหญิงสาวแล้วนะ ไม่มีใครอยากจะแต่งงานกับลูกถ้าลูกยังทำแบบนี้”
ผู้เฒ่าลู่ไม่รู้เรื่องเศรษฐศาสตร์หรือเรื่องแบบจำลองลู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดอบรมลูกสาวของเขาได้
เสี่ยวถงได้ยินพ่อของเธอแล้วก็เบะปาก
“พ่อคะ! แล้วคนโสดแก่ๆ นี่ที่อยู่ตรงนี้ล่ะ! ทำไมพ่อถึงเล็งเป้ามาที่หนูคนเดียว!”
ผู้เฒ่าลู่พ่นลมออกมาทางจมูก
“พี่ชายของลูก… พ่อไม่มีหวังสำหรับเขาแล้ว พ่อต้องพึ่งลูกแล้วตอนนี้”
ลู่โจวแทบจะสำลักซุปออกมา เขาวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า “พ่อหมายความว่ายังไงที่ว่าไม่มีหวัง? ผมเสียใจมากนะ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ผมอายุเท่าไหร่? ผมอยู่ในช่วงวัยยี่สิบ!”
เสี่ยวถงแลบลิ้นออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ในทางตรงกันข้ามลู่คนพ่อกลับแค่หัวเราะและถอนหายใจ
แม่ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกเบื่อ แล้วเธอก็เริ่มพูดขึ้น “ลืมเรื่องนั้นเสียเถอะ ลูกชายเราเขามีแผนของเขา เมื่อไรที่เขาพร้อม เขาก็จะเริ่มมีครอบครัวเอง”
ลู่โจวถอนหายใจแล้วพูดว่า
“แม่เข้าใจผม!”
อย่างไรก็ตามแม่ของเขายังพูดต่อไปว่า “ยังไงก็แล้วแต่ ลูกน่ะเป็นพวกบ้างาน ลูกแทบจะไม่ได้เจอผู้หญิงคนไหนเลย! แม่ไม่ได้กังวลเรื่องลูกจะแต่งงาน แต่อย่างน้อยลูกน่าจะมีประสบการณ์ไว้บ้าง ให้พ่อของลูกกับแม่ช่วยไหมล่ะ?
“ลูกสาวบ้านป้าหวังก็ดูน่ารักดีนะ ให้แม่แนะนำลูกให้เขารู้จักดูไหม?”
ลู่โจวแทบจะสำลักอาหาร “เหมือนนัดบอดเหรอ?”
“นัดบอดหมายความว่ายังไง?” แม่ของเขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูดว่า “ก็แค่แนะนำลูกให้อีกฝ่าย”
เสี่ยวถงขมวดคิ้วและทันใดนั้นก็ถามขึ้นว่า “ป้าหวังเหรอ? คนที่อยู่ชั้นบน? คนที่อยู่กับลูกสาวอ้วนๆ น่ะเหรอ?”
ผู้เฒ่าลู่วางตะเกียบลงแล้วพูดว่า
“หมายความว่ายังไงที่บอกอ้วน? เธอก็แค่เจ้าเนื้อนิดหน่อยและเธอก็อยู่ในช่วงอายุยี่สิบ ฉันว่าเธอก็น่ารักดี”
เสี่ยวถงยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ปัดขวาหรือเปล่าล่ะ?”
“ไปไกลๆ เลย!”
ฟางเหมยไม่รู้ว่าลูกๆ ของเธอกำลังพูดถึงอะไรกัน
“ปัดเหรอ? ปัดอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอกแม่…” ลู่โจวกระแอมแล้วพูดว่า “ลืมเรื่องนัดบอดไปได้เลย ผมอยากจะพักผ่อนในวันหยุดนี้ แต่ทุกคนก็คอยแต่ถามเรื่องพวกนี้กับผม ทุกคนแค่ปล่อยให้ผมอยู่เงียบได้ไหม? ผมสบายดีกับการอยู่คนเดียว ผมแน่ใจว่ามีสาวๆ ไม่กี่คนหรอกที่จะทนกับนิสัยผมได้ อย่าให้หญิงสาวที่น่าสงสารต้องมาทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้เลย”
“หญิงสาวที่น่าสงสารนั่นลูกหมายความว่ายังไง ดูสิว่าลูกน่ะประสบความสำเร็จแค่ไหน” ผู้เฒ่าลู่กระแอมแล้วพูดว่า “ถ้านี่เป็นสมัยโบราณ นักวิชาการก็อาจจะได้อยู่ในสถาบันการศึกษาฮั่นหลิน ลูกน่ะเป็นที่หมายปอง”
เสี่ยวถงยิ้มแล้วพูดว่า “พ่อ เลิกอ่านนิยายได้แล้ว สมัยนี้ผู้หญิงไม่ได้ต้องการแค่เงิน พวกเธอต้องการความโรแมนติกด้วยนะ”
ผู้เฒ่าลู่พูดว่า “นิยายอะไรกัน! พ่อกำลังพูดเรื่องจริง!”
ลู่โจวส่ายหัวแล้วกินอาหารของเขาต่อไป
การถูกพ่อแม่ของเขาซักถามเรื่องชีวิตรักกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วตอนนี้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม อาหารที่แม่ของเขาทำยังอร่อยเหมือนเดิม ดังนั้นอาหารอาจจะเป็นแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการกลับมาบ้าน
หมูสามชั้นที่เคี่ยวจนไปสีแดงชุ่มฉ่ำนั้นนิ่มเหมือนกับเต้าหู้ที่นุ่มนวลเหมือนเยลลี่ เมื่อได้กัดเข้าไปไม่ได้รู้สึกเลี่ยนเลย แต่กลับมีรสชาติเหมือนความสุข
แม้ว่าลู่โจวจะเคยไปกินอาหารที่ร้านที่ได้รับดาวมิชลิน 3 ดาวมาแล้ว เขาก็ไม่เคยลืมฝีมือการทำอาหารของแม่
ระหว่างที่เขากำลังเพลิดเพลินกับอาหาร ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“น่าจะเป็นใครสักคนที่มาอวยพรเราในวันตรุษจีน… ฉันจะไปเปิดเอง”
ฟางเหมยวางตะเกียบลงแล้วลุกขึ้นยืน
เธอเปิดประตูหน้าออก
ร่างอันสวยงามและคุ้นเคยก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
ฟางเหมยทักทายด้วยรอยยิ้มอันงดงามและเบิกบาน เสียงอันอ่อนหวานก็ลอยผ่านอากาศเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณป้า!”
เดี๋ยวก่อนนะ…
เกิดอะไรขึ้น…
ลู่โจวดูเหมือนกับว่าเพิ่งจะเห็นผี
เขาและเสี่ยวถงแข็งทื่อ…
…………….