Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 447 คิดยังไงกับครอบครัวฉัน? (รีไรท์)
ชนะรางวัล?
ทันทีที่ได้ยินลู่โจวตะโกนออกมา เฉินเป่าฮัวก็ถามต่อ “รางวัลอะไรกัน?”
ลู่โจวตอบตามความเป็นจริงโดยไม่ปิดบัง
“รางวัลโนเบล…”
ทันใดนั้น ทุกอย่างก็เงียบไปชั่วครู่
ถึงแม้จะไม่มีนาฬิกา แต่ลู่โจวก็รู้ว่ามันนานมาก
ท้ายที่สุดแล้ว เฉินเป่าฮัวก็มองไปยังลู่โจวด้วยดวงตากลมโตพร้อมถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสุดตกใจ
“ระ-รางวัลโนเบล?”
“ใช่ครับ” ลู่โจวพยักหน้าอีกครั้ง
ในตอนแรกที่ได้รับสาย ลู่โจวก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
แม้ว่าศาสตราจารย์อาร์ตัลจะให้สัญญาเอาไว้ว่าจะเสนอชื่อของเขาไปที่ราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน แต่ลู่โจวไม่คาดคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
จิตใจของลู่โจวในตอนนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย
เขาไม่ได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้เลย
เขากำลังตื่นเต้น?
ใช่แล้ว เขากำลังตื่นเต้นอยู่
รางวัลโนเบลถือเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดแห่งโลกวิชาการ นักวิชาการคนใดที่บอกว่าพวกเขาไม่สนใจรางวัลโนเบล พวกเขาก็คงจะกำลังอิจฉาอยู่เป็นแน่
ในตอนนี้ จิตใจของลู่โจวเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
ทันทีที่คิดว่าตัวเองเกือบจะวางสายรางวัลโนเบลถึงสองครั้ง เขารู้สึกถึงอารมณ์ที่ผสมผสานกัน เขาพูดอะไรไม่ออก เหมือนว่าเบอร์แปลกนี้จะทำให้เขาไม่กล้าที่จะกดตัดสายใครอีกในอนาคต อย่างน้อยเขาก็ควรจะกดรับและฟังสิ่งที่ปลายสายจะพูดให้จบก่อน…
ในตอนนี้ เฉินยู่ซานที่กำลังอ้ำอึ้งก็หันไปหาลู่โจวพร้อมกระซิบ “รางวัลของสาขาคณิตศาสตร์งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่” ลู่โจวส่ายหัว “สาขาเคมีต่างหาก…”
“หือ? รางวัลโนเบลสาขาเคมี?”
เฉินยู่ซานถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่ทว่า ไม่นานนัก เธอตระหนักถึงบางสิ่งได้ในทันที
ให้ตายเถอะ!
ไม่ว่าลู่โจวจะอยู่ในสาขาอะไร แต่นี่ก็คือรางวัลโนเบลเชียวนะ!
แม้เฉินยู่ซานจะรู้ว่าลู่โจวเป็นบุคคลที่มีทักษะทางคณิตศาสตร์เป็นเลิศและมีชื่อเสียง แต่เธอก็ไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะมีความรู้ในทักษะทางเคมีด้วย
ในช่วงเวลาหนึ่ง เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมองลู่โจวต่างไปจากเดิม
“เก่งมาก…”
ทว่า ลู่โจวกลับไม่เก่งในเรื่องการตอบรับคำชมจากคนอื่น
ลู่โจวเผยยิ้ม “ขอบใจนะ”
ในระหว่างนั้น เฉินเป่าฮัวก็เงียบไปชั่วครู่
…
โรงงานที่ไม่โดดเด่นที่เมืองเจียงหลิงในประเทศจีน
ในเวลาเดียวกับที่ลู่โจวรับสาย ณ มณฑลเจียงหลิงของประเทศจีน มีโรงงานแห่งหนึ่งกำลังจัดงานเลี้ยงกันอยู่
หลังจากย้ายไปแผนกโลจิสติกส์ ตาเฒ่าลู่ก็พลันรู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องของตัวเองในทุกวัน โดยปกติแล้ว เขามักจะไปตกปลากับเพื่อนทั้งวัน หรือไม่ก็นั่งดื่มชาและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องทำงาน
วันนี้เป็นวันหยุดประจำชาติ มันเป็นวันที่อากาศดี ลู่ปังกั๋วพลันจับปลายักษ์ได้ตั้งสองตัว นอกจากนี้ เขายังชวนเพื่อนชาวประมงมาที่บ้านอีกด้วย
เขาขอให้ฟางเหม่ยย่างปลาและทำอาหารทานเล่นให้ จากนั้น ตาเฒ่าลู่ก็พลันหยิบไป๋จิ่วหรือเหล้าจีนสุดที่รักของตนมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร
โจวปิงนั่งอยู่ตรงข้ามตาเฒ่าลู่ก็พลันจิบไป๋จิ่วและกล่าวคำพูดออกมาอย่างอิจฉา “ชีวิตดีจังเลยนะ ทั้งได้ตกปลาแล้วก็ดื่มเหล้าทุกวัน”
“ดีบ้าอะไรกันล่ะ! ยิ่งกินก็ยิ่งอ้วน ฉันกำลังจะเกษียณในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแล้ว ถ้าวันนั้นมาถึง ฉันก็จะว่างมากกว่าเดิมอีก แต่อันที่จริง ฉันอยากกลับมาทำงานที่โรงงานเสียมากกว่า” แม้จะดูเหมือนว่าเขากำลังบ่น แต่เขาก็พลันเผยยิ้มออกมา
โจวปิงหยิบปลาหนึ่งชิ้นขึ้นมาและเผยยิ้ม “พอเลย อย่าทำให้เลขาอู๋เดือดร้อนนักสิ นายคิดว่าทางโรงงานจะทำให้นายกลับมาเป็นพนักงานได้จริงหรือ?”
ตาเฒ่าลู่ส่ายหัวและเผยยิ้ม เขาไม่ได้ตอบกลับอะไร
อันที่จริงตาเฒ่าลู่ก็เอาแต่เฝ้าถามตัวเองว่าเคยทำอะไรที่เป็นที่ประจักษ์บนโลกนี้หรือยัง ทว่า เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมามากนัก
เขาใช้ทั้งชีวิตด้วยการทำงานในโรงงาน และความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือการได้เลื่อนตำแหน่งเท่านั้น
โจวปิงพลันรินไป๋จิ่วใส่ถ้วยแล้วกล่าวคำพูด “วันนี้เป็นวันประจำชาติเชียวนะ ทำไมนักคณิตศาสตร์ของนายไม่กลับมาเลยล่ะ? ไหนจะลูกสาวนายที่มหาวิทยาลัยจินหลิงอีก?”
ตาเฒ่าลู่เผยยิ้ม เขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก “ทุกคนก็มีเรื่องต้องทำ ฉันไม่ห่วงเรื่องพวกเขานักหรอก ถ้ามีเวลา เดี๋ยวก็กลับกันมาเองแหละ แต่ถ้าไม่มีเวลา ก็ยังโทรมาหาที่บ้านได้ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“นายปล่อยให้พวกเขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?” ตาเฒ่าโจวกล่าวคำพูดออกมาเพื่อที่จะโอ้อวดลูกสาวตัวเอง “ดูอย่างลูกสาวของฉันสิ ไม่ว่าวันหยุดจะยาวแค่ไหน เธอก็มักจะกลับบ้านอยู่เสมอ”
ตาเฒ่าลู่พลันชำเลืองมอง “ก็ลูกนายเรียนอยู่แถวนี้นี่! แค่นั่งรถไฟความเร็วสูงมาหาก็ถึงแล้ว จะเปรียบเทียบกันแบบนี้จริงรึ?”
ผู้เฒ่าโจวเผยยิ้มพร้อมโบกมือ “สถานที่ไม่ใช่สิ่งสำคัญนักหรอก สิ่งสำคัญคือหัวใจต่างหากล่ะ”
ตาเฒ่าลู่กล่าวต่อ “ก็ได้ งั้นค่อยมาโม้ตอนเธอมีคู่ครองก็แล้วกัน”
ดวงตาของผู้เฒ่าโจวเบิกกว้าง เขาเผยท่าทางที่เปลี่ยนไปทันที “ฉันจะไม่ให้ชายหน้าไหนพรากลูกสาวไปจากฉันทั้งนั้!”
ในระหว่างที่ชายชราสองคนกำลังคุยโม้กันอยู่ พวกเขาก็เปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้ และตอนนี้มันกำลังเผยแพร่ข่าวสดอยู่… ทั้งสองสามารถได้ยินเสียงจากโทรทัศน์ในทันใด
ระหว่างผู้ประกาศข่าวกำลังจะจบรายการ เธอก็ได้รับกระดาษใบหนึ่งก่อนปิดกล้อง
หลังจากผู้ประกาศข่าวอ่านเนื้อหาในกระดาษ เธอก็เผยสีหน้าสุดประหลาดใจ
ไม่นาน… เธอก็ตั้งสติได้
“ต่อไปนี้จะเป็นข่าวด่วนชั่วคราวนะคะ”
“ในวันที่สี่ตุลาคม เมื่อประมาณสิบห้านาทีที่แล้ว ทางราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดนได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีประจำปี 2018 ออกมาแล้วค่ะ…”
ทว่า พิธีกรหยุดพูดไปครู่หนึ่ง
ราวกับว่าเธอกำลังยับยั้งความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ
และดูเหมือนว่าทุกคนกำลังจดจ่อกับการประกาศข่าวของพิธีกรกันหมด
จากนั้นไม่นาน เธอเริ่มอ่านข่าวในมือต่อด้วยน้ำเสียงสุดมั่นคง
“เนื่องจากผลงาน ‘แบบจำลองเชิงทฤษฎีของโครงสร้างพื้นผิวสัมผัสเคมีไฟฟ้า’ ที่โดดเด่นของเขา ศาสตราจารย์ลู่… ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยจินหลิง เขาได้เป็นผู้ชนะรางวัลค่ะ! นอกจากนี้ เขาจะเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับเงินรางวัลเก้าล้านโครเนอร์ด้วย!”
“ทั้งนี้ เขายังได้กลายเป็นนักวิชาการคนแรกของโลกที่ได้คว้าทั้งรางวัลโนเบลและเหรียญฟิลด์ไปพร้อมกันอีกด้วย!”
ข่าวที่ออกอากาศยังคงดำเนินต่อไป แต่ภายในห้องกลับเงียบสงัด
แม้ว่าตาเฒ่าลู่จะไม่รู้จักรางวัลฮอฟแมนหรือเหรียญฟิลด์สว่าคืออะไร แต่สำหรับรางวัลโนเบล… แม้แต่ชายที่แทบจะไม่เคยออกจากบ้านเกิดของตัวเองเลยก็ยังเคยได้ยินชื่อนี้!
ความเงียบดำเนินต่อไปประมาณหนึ่งนาที
คนแรกที่ทำลายความเงียบคือเพื่อนนักตกปลาของลู่ปังกั๋ว
“เอ่อ…” โจวปิงกล่าว
“มีอะไร?” ลู่ปังกั๋วถาม
“ลูกชายนายยังไม่แต่งงานใช่ไหม?”
“ก็ใช่”
“งั้นนายอยากจะหา… ใครสักคนไปเป็นคู่ชีวิตให้เขาหน่อยไหมล่ะ?”
ลู่ปังกั๋วมองไปยังโจวปิง “นายหมายความว่ายังไงกัน?”
โจวปิงเผยยิ้ม “นายอยากเจอหน้าลูกสาวฉันไหมล่ะ?”
……………………………………