Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 263 คณิตศาสตร์น่าสนใจจริงๆ
ณ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
ฮาร์ดี้ฟุบอยู่บนโต๊ะและบ่นโอดครวญ “ชายคนนี้เป็นปีศาจ มันเป็นไปไม่ได้เลย…โลกนี้มีใครอ่านหนังสือพวกนี้จบในเดือนครึ่งด้วยเหรอ?”
มีหนังสือหกเล่มอยู่ตรงหน้าเขา บางเล่มก็เป็น’ระดับเริ่มต้น’ อย่างคู่มือทฤษฎีจำนวน บางเล่มก็’ขั้นสูง’กว่านั้น อย่างการบรรยายทฤษฎีจำนวน มันไม่ได้มีแค่หนังสือทฤษฎีจำนวน มีหนังสืออย่างอื่นอย่างเรขาคณิตเชิงพีชคณิต และทอพอโลยีเชิงอนุพันธ์
ก่อนฮาร์ดี้จะได้พบกับอาจารย์ที่ปรึกษา เขาก็ได้เตรียมงานมามากมาย เขาไม่คิดเลยว่าทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในรั้วพรินซ์ตัน จะมีงานเท่าภูเขารอเขาแล้ว
โชคดีที่เขาศึกษามาล่วงหน้าบ้างแล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มเรียนจากไหน
ฉินเยว่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามฮาร์ดี้สงบกว่ามาก เขาไม่ได้คิดเรื่องอย่าง’ทำได้หรือไม่ได้’ กลับกันเขาอ่านบรรยายทฤษฎีจนวนอย่างตั้งใจแทน
แม้ว่าเขาจะอ่านหนังสือได้ไม่เร็วเท่าฮาร์ดี้ แต่เต่าก็ยังชนะกระต่ายเสมอ
เนื่องจากพวกเขาเริ่มอ่านกันแล้ว ฉินเยว่จึงไม่หยุดอ่าน
ฮาร์ดี้ถอนหายใจยอมแพ้ “ฉิน ศาสตราจารย์ในประเทศจีนน่ากลัวขนาดนี้เลย?”
ฉินเยว่ “น่ากลัว?”
ฮาร์ดี้พยักหน้า “ใช่ ตอนที่ฉันอยู่บลาซิล สมัยมัธยมปลาย ฉันทำคณิตศาสตร์ได้ที่หนึ่งตลอด ทุกคนต่างก็คิดว่าฉันเป็นอัจฉริยะ พอฉันเข้าโคลัมเบีย ฉันก็ได้พบกับอัจฉริยะมากมาย แต่เนื้อหาในหลักสูตรก็ยังง่ายสำหรับฉัน ฉันทำได้ง่ายๆโดยไม่ได้ใช้ความพยายามมากนัก”
ฮาร์ดี้ถอนหายใจแล้วพูดต่อ “แต่ตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยความสามารถของตัวเองแล้ว…”
ฉินเยว่ไม่รู้จะปลอบเด็กคนนี้ยังไง กลับกันเขาดันกรอบแว่นแล้วกล่าว “เพราะที่นี่คือพรินซ์ตัน?”
พูดตามตรง มหาวิทยาลัยก่อนหน้านี้ของฉินเยว่ มหาวิทยาลัยไค ศาสตราจารย์ก็ไม่เคร่งเท่านี้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาใช้เวลาเรียนแบบนี้มาสี่ปีแล้ว เขาจึงชิน
“ศาสตราจารย์พรินซ์ตันไม่ได้เข้มงวดกันทุกคน เมื่อวานฉันเล่นฟุตบอลกับรูมเมทอยู่เลย แน่นอนว่าศาสตราจารย์ลู่โจวเป็นข้อยกเว้น” ฮาร์ดี้กล่าวพลางส่ายหน้า จู่ๆเขาก็นึกเรื่องบางอย่างได้ เขาเลยถาม “จะว่าไป ฉิน ฉันสังเกตว่าคุณอ่านหนังสือเล่มสองแล้ว คุณมีเทคนิคไหม? หรือคุณเคยเรียนมาแล้ว?”
ฉินเยว่ส่ายหน้า “ไม่ ฉันเรียนเรื่องนี้ครั้งแรก”
อย่างมาก ฉินเยว่ก็เตรียมตัวมาบ้าง แต่มันก็ไม่มากนัก
ฮาร์ดี้กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ “เป็นไปไม่ได้! เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าคุณเอาไปอ่านที่ห้องนอนด้วย? พระเจ้า…วันหนึ่งคุณใช้เวลาเรียนกี่ชั่วโมงเนี่ย?”
ฉินเยว่กล่าว “นอกจากกินแล้วนอน ผมต้องทำอย่างอื่นด้วยเหรอ?”
ฮาร์ดี้ “…”
ฉันคงคุยกับสหายคนนี้ต่อไม่ได้แล้วแหละ…
…
อ่านหนังสือหกเล่มในหกสัปดาห์เป็นเรื่องยาก แต่ตอนมอบหมายงาน ลู่โจวก็รู้อยู่แล้ว
ดังนั้นเขาจึงคาดหวังต่ำมาก ตราบใดที่ศิษย์เขาเรียนได้ครึ่งนึง เขาก็ให้ผ่านแล้ว
ส่วนความรู้ที่เหลือ พวกเขาเรียนตอนช่วยเขาทำโปรเจกต์วิจัยก็ได้
ท้ายที่สุดแล้วหนังสือมักจะล้าหลังเสมอ และมันเป็นเหมือนการก้าวเท้าเข้าประตูเท่านั้น หนังสือมักจะไม่มีเอกสารหรือวิทยานิพนธ์ที่จำเป็นต่อการวิจัย
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่คิดว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ จะมีคนหนึ่งอ่านหนังสือหมดแล้ว
เมื่อเขาได้ข่าว เขาก็ประหลาดใจมาก
เพราะ…
กลายเป็นว่าเขาพบสมบัติเข้าแล้ว
“…ความสามารถของคุณวิเศษมาก ฉันคิดว่าถ้าคุณตอบได้สักสี่ถึงห้าข้อจากสิบข้อ มันก็น่าประทับใจแล้ว ดูเหมือนฉันจะประเมินคุณต่ำไป”
ลู่โจวเงยหน้าจากกระดาษข้อสอบแล้วมองเวร่าด้วยความแปลกใจ
เขาคิดคำถามสิบข้อนี้เอง ดังนั้นไม่มีทางเลยที่เวร่าจะรู้คำตอบมาก่อน ต่อให้คำถามสิบข้อนี้จะไม่ยากเป็นพิเศษ แต่การตอบถูกก็แปลว่าเวร่าซึมซับความรู้ทั้งหมดจากหนังสือหกเล่มแล้ว
เวร่ายิ้มแล้วกล่าวอย่างถ่อมตน “ฉันอ่านหนังสือสี่เล่มตอนอยู่เบิร์กลีย์แล้ว ฉันว่าฉันคงโชคดี”
“นี่ไม่ใช่โชคช่วย” ลู่โจวกล่าวขณะวางกระดาษข้อสอบไว้ด้านข้าง เขายิ้มแล้วกล่าว “ขอแสดงความยินดีด้วยที่ผ่านการทดสอบของฉัน จากนี้ไป คุณจะเป็นสมาชิกทีมวิจัยโปรเจกต์ของฉัน!”
เวร่ายิ้มอย่างมีความสุข
ลู่โจว “ฉันจะส่งเนื้อหาโปรเจกต์ให้คุณทางอีเมล แม้ว่าโปรเจกต์จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการตอนกันยา แต่คุณใช้เวลานี้มาคิดเรื่องโปรเจกต์ได้ นี่เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจ”
เวร่าพยักหน้าอย่างสุภาพ ผมหางม้าสีทองสลวยแกว่งไปมาราวกับหางกระรอก
“ฉันเข้าใจ มีอะไรอีกไหมคะ?”
ลู่โจวส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว คุณกลับไปเถอะ”
เวร่าเก็บข้าวของแล้วบอกลาลู่โจวอย่างมีความสุข จากนั้นเธอก็เดินออกจากออฟฟิศลู่โจว
เมื่อลู่โจวมองแผ่นหลังร่างแบบบาง จู่ๆเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้
“โอ้เดี๋ยวก่อน มีอีกเรื่อง”
เวร่าหยุดฝีเท้าและหันมาหาเขา
“ฉันอาจละลาบละล้วงไปหน่อย ฉันหวังว่าคุณจะไม่ว่านะ” ลู่โจวกล่าว เขาหยิบเอกสารมาจากลิ้นชักและวางไว้บนโต๊ะ “ฉันรู้ว่าสถานการณ์การเงินของคุณไม่ดีนัก ฉันจึงถามเรื่องทุนจากพรินซ์ตัน รับเอกสารไปกรอก พรุ่งนี้ฉันจะไปสมัครทุนให้คุณ”
ทุนการศึกษาระดับปริญญาเอกนั้นได้มาค่อนข้างง่าย แต่ทุนการศึกษาปริญญาโท โดยเฉพาะทุนเต็ม มันยากอย่างยิ่ง
ปกติแล้ว ถ้านักศึกษาไม่มีจดหมายแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษาที่สุดยอด นักศึกษาจะได้รับทุนครึ่งเดียวเท่านั้น
โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยอย่างพรินซ์ตันที่มีผู้ยิ่งใหญ่นับสิบ มันเกินกว่าจะแข่งขันได้
ลู่โจวมองเข้าไปในดวงตาของเวร่าซึ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ฉันไม่อยากให้คุณเรียนล่าช้าเพราะสถานการณ์การเงิน ไม่ต้องไปทำงานพาร์ทไทม์อีก ฉันไม่ได้บอกว่ามันผิด แต่จำไว้ ความรู้คือพลัง ถ้าทุนเต็มไม่พอ ฉันสมัครงานสอนพาร์ทไทม์ให้คุณได้”
เวร่ารับเอกสารจากลู่โจวแล้วลดหัวลง เธอพูดอะไรไม่ออกพักใหญ่
เธอจับเอกสารไว้แน่นมาก ใบหน้าเธอเป็นสีแดงก่ำ เธอโค้งศีรษะให้ลู่โจว
“ขอบคุณค่ะ!”
ก่อนที่ลู่โจวจะทันตอบสนอง สาวน้อยคนนี้ก็หันหลังและวิ่งออกประตูไปแล้ว
เขารู้สึกแปลกๆ เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำอะไรล่วงเกินเธอเลย
พูดตามตรง เพราะเฉินยู่ซานชอบเรียกเขาว่า ‘เจ้าตายด้าน’ เขาจึงฝึกพูดมาล่วงหน้า
ลู่โจวสงสัยว่าทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงเกือบร้องไห้
ฉันทำเรื่องดีนะ
หวังว่าจะไม่มีคนเข้าใจผิด
ไม่งั้นเขาคงปวดหัวแย่
ลู่โจวส่ายหน้าและตัดสินใจเลิกคิดเรื่องนี้ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วดูเวลา
มันถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว
เขาบิดขี้เกียจและลุกจากเก้าอี้ จากนั้นเขาก็ดูโครงร่างโปรเจกต์แล้วอดยิ้มไม่ได้
คอลลาทซ์ หรือที่เรียกกันว่าข้อคาดการณ์ของคอลลาทซ์ เป็นหลุมดำคณิตศาสตร์ในตำนาน! มันเป็นเหมือนหลุมดำที่บรรจุจำนวนธรรมชาติไว้ทั้งหมด
มุมมองทั่วไปของชุมชนคณิตศาสตร์คือพวกเขายังอยู่อีกไกลกว่าจะแก้ได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคซึ่งเป็นตัวสร้างเครื่องมือทางทฤษฎีที่แข็งแกร่งถูกแก้ไขแล้ว ลู่โจวจึงรู้สึกว่ามันถึงเวลาท้าทายข้อคาดการณ์นี้แล้ว
เขาคิดถึงปัญหาที่ท้าทายนี้แล้วรู้สึกเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
เป็นไปตามคาด คณิตศาสตร์นี่น่าสนใจจริงๆ
………………………………………