Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 1400 โรงนาแห่งอนาคต
โลก ไกลออกมาหลายสิบล้านกิโลเมตร
เฉินยู่ซานนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เธอจ้องหน้าจอโทรทัศน์อย่างตั้งใจ
ตอนที่เธอเห็นโมดูลเคลื่อนตัวลงมาจากท้องฟ้าและลงจอดยังพื้นผิวดาวอังคาร เธอก็รู้สึกโล่งใจ
ข่าวเริ่มเล่นและคำวิจารณ์จากพิธีกรโทรทัศน์
“…ออฟฟิศการลงจอดบนดาวอังคารมีข่าวล่าสุดว่า คนกลุ่มที่สองได้เดินทางไปถึงฐานวิจัยวิทยาศาสตร์บนพื้นผิวดาวอังคารอย่างปลอดภัย”
“แผนการของพวกเขาคือพวกเขาจะพักกันที่ฐานดาวอังคารและออกสำรวจหาซากปรักหักพังที่อยู่ใต้ภูเขาเดอะเกตส์ออฟเฮลล์ภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำงานติดต่อกับอารยธรรมนอกโลกเป็นครั้งที่สอง…”
หานเมิ่งฉีเองก็นั่งอยู่บนโซฟา เธอซบไหล่ของเฉินยู่ซานและถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เธอหันหน้าไปหาพี่สาวของเธอและพูดพร้อมรอยยิ้ม
“พี่คะ ฉันบอกแล้วไงว่าลู่โจวจะต้องไม่เป็นอะไร”
“พี่ก็หวังว่าแบบนั้นน่ะ แต่พี่ก็เป็นห่วงอยู่ดี” เฉินยู่ซานยิ้มอายๆ และพูดต่อ “แล้วหนังของเธอถ่ายเสร็จหรือยัง”
เฉินยู่ซานตั้งตารอดูหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ผู้กำกับเคยกล่าวว่าหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมีฉากชีวิตส่วนตัวของลู่โจวเท่าไหร่นัก แต่การได้เห็นตัวละครที่เป็นเธอที่อยู่บนหน้าจอก็ทำให้เธอตื่นเต้นอยู่ดี
โดยเฉพาะการที่ญาติของเธอได้เล่นเป็นตัวเอง
มันยิ่งทำให้เธอตั้งตารอยิ่งกว่าเดิม
หานเมิ่งฉีเกาหัวตัวเองและพูดกำกวม
“ถ่ายเสร็จแล้วค่ะ มันเสร็จสมบูรณ์และกำลังส่งไปตรวจสอบ ถ้ากระบวนการทุกอย่างรวดเร็วก็น่าจะเสร็จก่อนสิ้นปี คนในกองบอกว่าน่าจะถูกปล่อยช่วงตรุษจีน แต่อาจจะเร็วหรือช้ากว่านั้นก็ได้ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ”
“ทุกอย่างจบแล้วเหรอ” เฉินยู่ซานถามต่อด้วยความสงสัย “แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ เธอสนใจอยากจะเป็นดาราหนังหรือเปล่า”
“ไม่เลย” หานเมิ่งฉีถอนหายใจ “ฉันไม่เข้ากับคนในกองเลย เหมือนเราไม่ได้อยู่ในแนวคลื่นเดียวกัน…ห้องทดลองกับห้องสมุดเหมาะสมกับฉันมากกว่าอีก”
บางทีอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ของเธอกับลู่โจวทำให้เธอรู้สึกมาตลอดว่าคนในทีม ตั้งแต่นักแสดงนำไปจึงถึงคนในกองถ่ายพยายามจะเอาใจเธอ เพราะแบบนี้ทำให้เธอยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปอีก
ทุกครั้งที่เธอถ่ายฉากของเธอเสร็จ เธอก็ไม่อยากอยู่ที่กองถ่ายเลย เธอไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงปิดกองด้วยซ้ำ
หานเมิ่งฉีถามอย่างอายๆ เบาๆ “พี่จะหัวเราะทำไม”
“เปล่า ก็แค่ฟังดูคุ้นๆ ”
หานเมิ่งฉีอึ้งไปเล็กน้อย แก้มของเธอแดงก่ำ
เฉินยู่ซานคว้ามือญาติของเธอและพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ช่วงปลายปี เธอจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พี่ได้ไหม”
หานเมิ่งฉีดึงสติกลับมาอีกครั้ง สีหน้าของเธอยังคงแข็งทื่อ แต่เธอก็ฝืนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เพื่อนเจ้าสาวเหรอ โอเค โอเค…”
…
ในขณะที่ข่าวเรื่องความสำเร็จของโปรแกรมการเดินทางครั้งที่สองของประเทศจีนถูกถ่ายทอดจากดาวอังคารมายังโลก การเคลื่อนย้ายแคปซูลอาณานิคมทั้งสามมาใกล้ฐานวิจัยวิทยาศาสตร์ดาวอังคารได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ที่สถานีวิจัย ท่อโลหะผสมไทเทเนียมสีเงินขาวถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
การสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารของประเทศจีนขยายเป็นสีเท่า ความจุสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 10 คนเป็น 25 คน
ในขณะที่การแผนการการเหยียบดาวอังคารยังคงพัฒนาขึ้น จำนวนตัวเลขก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่การอาณานิคมดาวอังคารมีขนาดเท่ากับเมืองก่วงฮั่น แผนการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารก็จะก้าวไปอีกระดับหนึ่ง
ในอนาคตประเทศจีนจะสร้างฐานระบบนิเวศน์ถาวรบนดาวอังคาร และนี่ยังเป็นเป้าหมายสูงสุดของแผนนำทางที่ลู่โจวทำขึ้น
โลโมนอฟเดินผ่านประตูโลหะที่มีหน้าต่างใส เขาเดินตามดร.หมิงเหวินเจ๋อเพื่อเยี่ยมชมรอบๆ สถานีฐาน จู่ๆ เขาก็หยุดเดินและมองทะลุประตูเข้าไป
เขาเห็นเรือนกระจกกว้างใหญ่อยู่ข้างหลังประตู
เขามองเห็นกระป๋องน้ำที่มีของเหลวอยู่ภายใน เขาสามารถมองเห็นรากของต้นไม้ที่แช่อยู่ในน้ำผ่านกระจกใส
เขาถามด้วยความสงสัย “นี่อะไรครับ”
หมิงเหวินเจ๋ออธิบาย “ด้านในคือพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งจะเน้นปลูกผัก มันฝรั่งและข้าวโพดเป็นส่วนใหญ่”
โลโมนอฟมีสีหน้าประหลาดใจ โลโมนอฟมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“พืชพวกนี้ไม่ตายเหรอครับ”
“ไม่ตายอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเราจะทุ่มเทไปกับการปลูกมันเพื่ออะไรล่ะ” หมิงเหวินเจ๋อยิ้มและพูด “เมล็ดเหล่านี้ไม่ใช่เมล็ดธรรมดาทั่วไป พวกมันผ่านเทคนิคการเพราะพันธุ์พิเศษที่ฐานวิจัยดวงจันทร์ เราใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งทำให้มันเจริญเติบโตได้ดี EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq แต่อย่างน้อยเราก็สามารถจัดหาผักสดมาได้ด้วยตัวเอง”
โลโมนอฟจ้องไปที่ขวดและกระป๋องในเรือนกระจก เขาเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูด
“เยี่ยมไปเลย…พึ่งพาตัวเองได้บนดาวอังคาร ผมคิดมาตลอดว่านี่คือแนวคิดในนิยายไซไฟ ผมเคยเห็นแค่ในหนัง”
“แค่นี้ยังน้อยไป มันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าคุณได้เห็นแผนนำทางอาณานิคมบนดาวอังคารที่ออฟฟิศการลงจอดบนดาวอังคาร การพึ่งพาตัวเองเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq แต่คือการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร นักวิชาการลู่ยังพูดในการประชุมงานว่า สักวันในอนาคตสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นโรงนาแห่งที่สองของโลก”
โรงนาของโลกเหรอ
โลโมนอฟพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เป็นไปได้อย่างไรกัน”
“แหล่งน้ำจืด แสงและอากาศที่เพียงพอ ที่นี่ไม่มีอะไรสักอย่างนอกจากรังสีคอสมิกอันตราย
“คุณตั้งใจจะพัฒนาที่ตรงนี้ให้กลายเป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์หมื่นเอเคอร์เหรอครับ เลิกล้อเล่นได้แล้ว นั่นมันยากยิ่งกว่าเปลี่ยนทะเลทรายซาฮาราเป็นแหล่งน้ำกลางทะเลทรายเสียอีก”
หมิงเหวินเจ๋อเห็นสีหน้าเหลือเชื่อของวิศวกรการบินและอวกาศรัสเซีย เขาเพียงแค่ยิ้มเบาๆ และพูดอย่างเป็นกันเอง
“การจะเปลี่ยนซาฮาราให้กลายเป็นแหล่งน้ำกลางทะเลทรายไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทางเทคนิคแล้วมันเป็นไปได้นะ จริงๆ แล้วตั้งแต่มีการค้นพบเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้ เราก็พยายามเปลี่ยนทะเลทรายในภาคกลางและตะวันออกให้กลายเป็นสถานที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่ได้ หลังจากการก่อตั้งโฮ่วอี้กระบวนการนี้ก็คืบหน้าอย่างรวดเร็ว เราคาดหวังไว้ว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20”
เขานิ่งไปครู่หนึ่งและพูดต่อ “สำหรับดาวอังคารแน่นอนว่ามันเป็นไปได้ เราไม่ได้ตั้งใจที่จะแก้ปัญหาทุกปัญหาในศตวรรษที่ 21 แต่ในอีกศตวรรษหรือสองศตวรรษใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
โลโมนอฟตกตะลึงกับคำพูดของหมิงเหวินเจ๋อ เขาใช้เวลาคิดอยู่นานก่อนจะพูดอย่างช้าๆ
“ถ้าคุณทำได้จริงๆ มันจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในประวัติศาสตร์อารยธรรมมนุษย์”
หมิงเหวินเจ๋อพูดพร้อมรอยยิ้ม “แน่นอนว่าเราทำได้ จริงๆ แล้วเรากำลังทำกันอยู่”
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน สัญญาณไฟตรงคอมพิวเตอร์ข้อมือที่อยู่ตรงข้อมือขวาของโลโมนอฟกะพริบ
ดร.หมิงเหวินเจ๋อมองเขาด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“นักวิชาการลู่เรียกพวกเขาเข้าประชุม น่าจะคุยกันเรื่องแผนการทำงานของวันพรุ่งนี้…แล้วห้องประชุมอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
ดร.หมิงเหวินเจ๋อยิ้มให้โลโมนอฟและพูด
“เราเพิ่งมาถึงที่นี่เอง เดี๋ยวผมจะพาคุณไป”