Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 1396 เต็มไปด้วยความมั่นใจของอนาคต
วันแถลงข่าว
ในหอประชุมหมายเลข 1 ที่จุดปล่อยยานจินหลิงเต็มไปด้วยผู้คน
นักข่าวหลากหลายเชื้อชาติยืนอยู่ที่นี่เต็มหอประชุมที่กว้างขวาง
กล้องทุกตัวไม่ว่าจะเป็นกล้องอัตโนมัติหรือกล้องที่ถือเองจะถูกจัดให้อยู่ทั้งสองฝั่งของหอประชุมเพื่อให้เหลือพื้นที่ตรงกลางสำหรับผู้สัมภาษณ์
ชายหนุ่มในชุดทางการยืนอยู่ข้างๆ ผู้อำนวยการหลี่ เขามองไปรอบๆ ขณะที่ถาม “คุณคิดว่านักวิชาการลู่จะสามารถรับมือกับความกดดันนี้ได้ไหม ที่นี่คนเยอะมากเลย”
เขาคือเลขากระทรวงป้องกันราชอาณาจักร เดิมทีเขารับหน้าที่เป็นโฆษกในการแถลงข่าวครั้งนี้ แต่ในเมื่อลู่โจวตั้งใจจะเข้าร่วมด้วยตัวเอง เขาก็เลยกลายเป็นตัวแทน
ผู้อำนวยการหลี่หัวเราะตอนที่ได้ยินคำพูดของเลขา
“เขารับมือไม่ไหวเหรอ คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า? ชายคนนี้เคยไปที่ต่างๆ มามากกว่าผมเสียอีก เราไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก”
มันถึงเวลาแล้ว
ลู่โจวสวมชุดสูทเดินขึ้นเวทีภายใต้ความคาดหวังของทุกคน
ผู้ฟังจ้องมองไปที่เขา เขากระแอมเหมือนทุกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“สวัสดีครับทุกคน ผมคือลู่โจว หัวหน้านักออกแบบของแผนการเดินทางบนดาวอังคาร
“ในแผนการเดิม กลุ่มนักวิจัยวิทยาศาสตร์กลุ่มที่สองที่จะเดินทางไปยังฐานวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคารจะออกเดินทางพร้อมสิ่งของที่จำเป็นสิ้นปีนี้ แต่เนื่องจากเราพบพื้นที่ที่น่าสงสัยที่มีร่องรอยของอารยธรรมนอกโลกใกล้ๆ ละติจูดใต้ 15 องศาและลองจิจูดตะวันตก 128.1 องศา จึงมีการทบทวนแผนเดิมกันใหม่ทำให้บุคลากรและอุปกรณ์กลุ่มที่สองสำหรับแผนการเดินทางบนดาวอังคารมีการเปลี่ยนแปลง”
“สิ่งที่จะเห็นต่อไปนี้ก็คือแผนที่นำทางของแผนการเดินทางบนดาวอังคารที่ปรับเปลี่ยนแล้วและการจัดเตรียมงานสำหรับการติดต่อครั้งที่สอง…กรุณาดูหน้าจอที่อยู่ข้างล่าง”
ลู่โจวอธิบายแผนการเดินทางบนดาวอังคารทั้งหมดคร่าวๆ อย่างกระชับ ตอนที่ลู่โจวเปิดพาวเวอร์พอยต์ เขาให้เวลากับนักข่าวในการถ่ายรูปเนื้อหา
หลังจากนั้นไม่นาน หน้าจอพาวเวอร์พอยต์ก็จบลง
ลู่โจวพยักหน้าให้กับเจ้าหน้าที่ข้างๆ เขา เพื่อบ่งบอกว่าการตอบคำถามในรอบแรกสามารถเริ่มต้นได้เลย
ข่าวมีการเปิดเผยว่าการแถลงข่าวแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือรายละเอียดเฉพาะของแผนการ และส่วนที่สองคือการประกาศรายชื่อตัวแทนของกลุ่มที่สอง มีการแนะนำตัวแทนคร่าวๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกต่อนักข่าวในการจดจ่อต่อคำถามของตัวเอง การตอบคำถามจึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
“สวัสดีค่ะนักวิชาการลู่ ฉันเป็นนักข่าวจากเหรินเหรินเดลี่ ฉันอยากจะถามว่าจุดเด่นของแผนการเดินทางบนดาวอังคารคืออะไรคะ”
นักข่าวสาวจากเหรินเหรินเดลี่ยื่นไมโครโฟนในมือออกไป
ลู่โจวยิ้มให้เธอและพยักหน้า
“ผมคิดว่ามันมีอยู่แง่ที่น่าสนใจ”
“อย่างแรกคือการเดินทาง อย่างที่สองคือการใช้ชีวิต”
“ในแง่ของการเดินทาง รถสำรวจทั้งหมดบนดาวอังคารในครั้งนี้มีการพัฒนาโมดูลสื่อสารและมีการออกแบบที่พิเศษมากมายเพื่อสภาพแวดล้อมพายุฝุ่นบนดาวอังคาร ส่วนในแง่ของการใช้ชีวิต ครั้งนี้เราทำการส่งแคปซูลอาณานิคมที่มีฟังก์ชันเพิ่มเติมไปยังดาวอังคารด้วยเช่นกัน”
“เพราะแคปซูลอาณานิคมเหล่านี้ รวมไปถึงท่อที่เชื่อมต่อกับแคปซูลอาณานิคมหลักและโมดูลฟังก์ชัน เราจะขยายฐานวิจัยวิทยาศาสตร์บนพื้นผิวดาวอังคาร ในอนาคตเราจะสามารถส่งนักวิชาการเพื่อไปทำวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคารได้มากขึ้นกว่าเดิม”
หลังจากที่นักข่าวจากเหรินเหรินเดลี่ถามจบแล้ว นักข่าวต่างชาติอีกคนยืนขึ้น
“สวัสดีครับ ผมเป็นนักข่าวจากวอชิงตันโพสต์ เราสังเกตเห็นว่าคุณใช้คำว่า ‘สงสัย’ ตอนที่พูดถึงร่องรอยของอารยธรรมนอกโลก ผมอยากจะถาม…มีข่าวเรื่องการค้นพบใหม่ๆ จากออฟฟิศการเดินทางบนดวงจันทร์เกี่ยวกับอารยธรรมนอกโลกบ้างไหมครับ”
ลู่โจว “ผมก็แค่ระวังคำพูดเฉยๆ ครับ อย่าตีความคำพูดของผมไปเกินกว่านั้นเลย”
ลู่โจวตอบคำถามจากนักข่าวทีละคำถาม
บรรยากาศในห้องประชุมตอนนี้ค่อนข้างดีทีเดียว
แม้ว่าคำถามบางคำถามจะยากก็ตาม แต่ทั้งหมดก็เป็นคำถามที่สมเหตุสมผล ทั้งหมดเป็นคำถามที่คนทั่วไปอยากจะถาม แต่ตอนที่นักข่าวจากนิวยอร์กไทมส์เริ่มถามคำถาม บรรยากาศในห้องแถลงข่าวกลับแปลกประหลาด
นักข่าวคนนี้คือชายผิวขาว
เขายื่นไมโครโฟนออกไปและถามคำถามที่แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับแผนการเดินทางบนดาวอังคารเลย
“คุณเคยได้ยินชื่อสวี่จิงไหมครับ”
สวี่จิง?
ลู่โจวขมวดคิ้วและคิดว่าเขาได้ยินชื่อนั้นมาจากไหน แต่เขาก็จำไม่ได้อยู่ดี
“ไม่ ทำไมเหรอครับ”
“เปล่าครับ ผมก็แค่ประหลาดใจที่คุณไม่รู้จักเธอ” นักข่าวมองไปที่ลู่โจวและพูด “ผมขอแนะนำเธอให้พวกคุณรู้จัก เธอคือนักข่าวที่เคยเห็นคอลัมน์ให้หนังสือพิมพ์ของเรา เธอทำงานเป็นนักข่าวฟรีแลนซ์และเป็นที่รู้จักในอินเทอร์เน็ต”
ในที่สุดลู่โจวก็จำได้ว่าคนคนนั้นคือใคร เธอคือเจ้าของบทความที่โด่งดังในวีแชท
ลู่โจวพูดต่อด้วยท่าทางขี้เล่น “คุณอยากจะถามคำถามแทนอดีตพนักงานของคุณเหรอครับ”
“แน่นอนครับ! แต่ไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นอดีตพนักงานหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะคำถามที่เธอพูดถึงต่างหาก มันคือสิ่งที่เราทุกคนกำลังคิดอยู่”
นักข่าวผิวขาวจ้องลู่โจวและพูดอย่างรวดเร็ว
“อย่างที่เรารู้กันว่าประเทศจีนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในเรื่องของการบินและอวกาศ ประเทศจีนตั้งใจที่จะขยายผลลัพธ์ที่มีอยู่ไปยังดาวอังคาร แต่การแข่งขันทางอวกาศไม่เพียงแค่ใช้ทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ยังไม่ช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ เลยด้วยซ้ำ”
“คุณสวี่ชี้ให้เห็นในบทความของเธอว่ายังมีคนมากมายอยู่ใต้เส้นแบ่งความยากจนในประเทศของคุณ คนมากมายไม่เคยขึ้นเครื่องบินด้วยซ้ำ คุณคิดว่าการพัฒนาเทคโนโลยีการบินและอวกาศมีความหมายหรือเปล่าครับ”
ลู่โจวขัดจังหวะคำพูดของนักข่าว
“คุณเคยไปลอสแอนเจลิสไหม”
นักข่าว “…แน่นอนสิครับ มันคือเมืองที่ใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งตะวันตก แน่นอนว่าผมต้องเคยไปอยู่แล้ว ทำไมเหรอครับ”
ลู่โจว “ผมก็เคยไปเหมือนกัน และผมก็ยังโชคดีที่ได้นั่งรถไฟใต้ดินที่นั่นด้วย คุณเคยคิดบ้างไหมว่าตอนที่ส่งนักบินอวกาศไปยังอวกาศ ยังมีคนไร้บ้านมากมายที่อาศัยอยู่ในอุโมงค์รถไฟใต้ดิน”
สีหน้ากระอักกระอ่วนปรากฏบนใบหน้าของเขา
เขาพอจะรู้ว่าลู่โจวกำลังจะพูดอะไรต่อ เขาจึงรีบพูดขึ้นก่อน
“แน่นอน….ประเทศของเราก็มีปัญหาเหมือนกัน แต่เรากำลังพูดถึงประเทศจีนอยู่ไม่ใช่เหรอครับ
“ทุกคนต่างรู้กันดีกว่าคุณคือนักวิชาการที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศจีนและในโลก คุณมีชื่อเสียงระดับโลกในสาขาที่คุณทำงานอยู่ แต่อย่างที่คุณสวี่เขียนในบทความของเธอ คุณเคยคิดถึงปัญหาทางสังคมที่งานวิจัยของคุณอาจจะสร้างขึ้นไหม อย่างเช่นปัญหาความยากจนและปัญหาการว่างงาน”
“ในความคิดของคุณ ในตัวอย่างสามตัวอย่างที่เธอพูดถึงในบทความของเธอ คนเหล่านี้ไม่สมควรที่จะมีความสุขหรือมีสิทธิที่จะอยู่รอดเหรอ”
นักข่าวผิวขาวจ้องเขม็งไปที่ลู่โจว เขารู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่การแสดง
แต่ลู่โจวไม่ได้ประหม่า
นักข่าวอเมริกาชอบถามเรื่องไร้สาระในการแถลงข่าวเป็นปกติอยู่แล้ว
ลู่โจวตอบคำถามอย่างสบายๆ พร้อมรอยยิ้ม
“พูดตรงๆ นะครับ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย และผมก็ไม่สนใจด้วย”
งานแถลงข่าวเกิดความวุ่นวายขึ้น
แม้แต่นักข่าวผิวขาวเอง ตาของเขาเบิกกว้างขึ้น ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าลู่โจวจะพูดตรงขนาดนี้และเดินไปสู่กับดักที่เขาวางไว้
เขาถึงขนาดคิดว่าพรุ่งนี้จะพาดหัวข่าวบนนิวยอร์กไทมส์ว่าอะไรดี
ผู้อำนวยการหลี่เป็นกังวลเล็กน้อย เขาแสดงท่าทางลนลานไปที่ลู่โจว เขาคว้าตัวเลขาที่อยู่ข้างๆ และอยากให้เขาออกไปช่วยนักวิชาการลู่
แต่ดูเหมือนว่าลู่โจวจะไม่ได้สนใจผู้อำนวยการหลี่เลย
หลังจากที่นิ่งไป เขาพูดต่อ “คุณคาดหวังให้ผมเป็นคนที่ประเสริฐและยิ่งใหญ่เหรอ
“ในการจะแก้ปัญหาเรื่องที่คุณเป็นกังวลคือทำขนมปังให้คุณเวลาที่คุณหิว หั่นขนมปังให้คุณเวลาที่คุณขี้เกียจทำเอง หรือแม้กระทั่งเคี้ยวให้และป้อนให้คุณ…”
ลู่โจวพูดต่อโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของนักข่าว
“แต่นั่นไม่มีทางจะเกิดขึ้น”
“เทคโนโลยีเป็นเพียงแค่เครื่องมือในการสร้างความมั่งคั่ง”
“คนบางคนจะต้องศึกษาทฤษฎีสังคมวิทยาใหม่ และค้นคว้าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการผลิตและวิธีการการจัดสรรทรัพยากรและสร้างรากฐานทางทฤษฎีเพื่อระบบใหม่ เพราะนักสังคมสงเคราะห์ของเรารู้ว่าสิ่งนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นในการแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียม”
“แต่ไม่ว่าคุณจะตัดเค้กแบบไหนก็ตาม อย่างไรเสียคุณก็ต้องทำเค้กขึ้นมาก่อน”
“การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำจัดกำลังการผลิตที่ล้าหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาชีพจะเปลี่ยนไป แต่โอกาสทางอาชีพจะไม่มีวันหายไป โอกาสเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นในรูปแบบที่สร้างสรรค์และทันสมัยกว่าเดิม เราจะปกป้องคนที่สูญเสียงานเพราะการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม และให้การอบรมพวกเขาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จ่ายค่าชดเชยจากการว่างงานและแนะนำพวกเขาเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมในสังคมนี้”
“ถ้าคุณไม่เข้าใจคำว่าทันสมัย คุณก็ควรลองไปเปิดหาดูในหนังสือประวัติศาสตร์และเปรียบเทียบอเมริกาเหนือในศตวรรษที่ 18 และอเมริกาเหนือในตอนนี้ดูนะครับ ผมเชื่อว่าคุณสามารถหาคำตอบที่คุณต้องการจากประวัติศาสตร์ ถ้าคุณคิดว่าการสร้างแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ ฟิวชั่นที่ควบคุมได้หรือคอมพิวเตอร์ควอนตัมและกระสวยอวกาศเป็นเพียงแค่การกีดกันคนในการทำงานของพวกเขา และไม่ได้มีจุดประสงค์ในการสร้างโลกในอุดมคติ ผมก็ทำได้แค่สงสารกับความโง่เขลาของคุณเท่านั้น”
“และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่สนใจปัญหาที่คุณพูดถึง”
“เพราะมันไม่ใช่หัวข้อในการวิจัยของผม”
“และอีกอย่างผมก็มั่นใจว่าคนในอนาคตจะสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้”
“ส่วนในเรื่องที่ว่าผมกล้าหาญหรือไม่นั้น…”
ลู่โจวนิ่งไปครู่หนึ่งและพูดต่อ “ผมจะนำทีมไปยังดาวอังคารด้วยตัวเอง”
นักข่าวผิวขาวที่ถามคำถามก่อนหน้านี้ตกใจ
ห้องประชุมทั้งห้องเกิดความวุ่นวายขึ้น…