Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 1338 สามวินาทีก็พอ
ณ สถานีแม็กเลฟจินหลิง
สาวสวยคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากทางออกของสถานีและรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของลู่โจว
“ฉันคิดถึงนายแทบตาย!”
เมื่อลู่โจวได้กลิ่นน้ำหอมที่เส้นผมของเธอ ความรู้สึกอุ่นใจก็พุ่งเข้ามาในหัวใจของเขาทันที เขามีหลายอย่างที่จะพูดแต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน
“ฉันก็เหมือนกัน”
ทั้งคู่กอดกันแน่นเกือบหนึ่งนาที
ลู่โจวกำลังจะปล่อยเธอลงและเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างหลังเธอ แต่จู่ๆ ก็มีมือเล็กๆ ดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆ
ทันใดนั้น เสียงที่บีบหัวใจก็ดังขึ้นเบาๆ ที่หูของเขา
“… เรากอดกันอีกหน่อยได้ไหม?”
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรต่อ เขากอดเธอแน่นขึ้นแทน
เฉินยู่ซานรู้สึกถึงความอบอุ่นรอบตัวเธอ และดื่มด่ำกับความสุขของการกลับมาพบกันอีกครั้ง เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธอกระแอมในลำคอและถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น “มีแฟนติดนายขนาดนี้รู้สึกยังไงเหรอ?”
“โอ้…”
นั่นเป็นคำถามที่ตอบยาก
แต่โดยทั่วไปแล้วรู้สึกดีมาก
“นายมีเวลาสามวินาทีในการตอบ!”
เธอเห็นลู่โจวคิดอย่างจริงจัง และเริ่มกังวลเล็กน้อย
เธอตระหนักว่าคำถามนี้อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเขา จึงรีบพูดเบาๆ ว่า “… อย่าจริงจังขนาดนี้สิ ฉันแค่อยาก… ฟังความคิดของนายเฉยๆ”
ลู่โจวส่ายหัว
“สามวินาทีคงไม่พอหรอก”
ถ้าเขาต้องการอธิบายความรู้สึกทั้งหมดของเขา อย่างน้อยเขาต้องใช้เวลาสามนาที
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจคำพูดของเขาผิดไป
เฉินยู่ซานหน้าแดงกว่าเดิม เธอเอาหัวแนบกับไหล่ของลู่โจว เธอชกเขาที่หน้าอกเบาๆ ด้วยหมัดเล็กๆ ของเธอ
“โง่จริงๆ… คิดอะไรอยู่เนี่ย?”
ไม่นะ …
เขาไม่เคยรู้เรื่องวิธีการคุยกับผู้หญิงมาก่อน
ทำไมตอนนี้เขาถึงเก่งจังล่ะเนี่ย…
ลู่โจว “…?”
เขามองไปที่แฟนสาวหน้าหวานและขี้อายและมีคำถามอยู่ในหัว
ขณะที่ลู่โจวกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้นเสียงก่อน
หลังจากรับโทรศัพท์ลู่โจวก็เอาโทรศัพท์ไว้แนบหูทันที
หลังจากได้ยินเสียงจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ เขาก็เปลี่ยนสีหน้า หลังจากพูดว่า “ตกลง” เขาก็วางสาย
“นั่นใครเหรอ?”
เธอที่ยังเอาหัวแนบกับอกของเขาเงยหน้ามองลู่โจว และแอบเหลือบมองโทรศัพท์
ลู่โจวใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขาแล้วพูดอย่างเป็นกันเองว่า “สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงน่ะ”
“งานด่วนเหรอ?”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”
จากนั้นเฉินยู่ซานก็ออกจากอ้อมแขนของลู่โจวและพูดด้วยท่าทางกังวล
“งั้นก็ไปเถอะ เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเอง”
“ไม่มีทาง” ลู่โจวส่ายหัว เขามองไปที่แฟนสาวของเขาและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่ว่าจะสำคัญแค่ไหนฉันก็ต้องไปส่งเธอกลับบ้านก่อน มาเถอะ เอากระเป๋ามาให้ฉัน”
ลู่โจวหยิบกระเป๋าเดินทางจากมือของแฟนสาวออก เขาใส่ไว้ในท้ายรถแล้วจับมือเธอแล้วขึ้นรถไปด้วยกัน
…
ณ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
ในห้องปฏิบัติการวัสดุศาสตร์ มีกลุ่มคนรวมตัวกันรอบๆ อุปกรณ์สะสมไอสารเคมี พวกเขากำลังจ้องมองที่สารสีดำเหนียวหนืด
ศาสตราจารย์หวางชิงผิง หัวหน้าทีมโปรเจกต์ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว เขาเริ่มสบถในใจ
“ไอ้**นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? มันมา…ติดกันได้ยังไง?”
ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อน จู่ๆ ลู่โจวก็มาที่สถาบันวัสดุคอมพิวเตอร์ และหารายชื่อคน จากนั้นก็ตั้งทีมโปรเจกต์ชื่อ ‘เส้นใยแกรฟีนแข็งแรงสูง’ และรวมตัวเองไว้ในทีมด้วย
เหตุการณ์นี้แพร่กระจายในภายหลัง และทำให้เกิดการถกเถียงค่อนข้างมากที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง
เพราะลู่โจวไม่ได้ทำการวิจัยที่สำคัญใดๆ ในสาขาวัสดุศาสตร์มาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้มีการจัดตั้งทีมโปรเจกต์ขึ้นทันที ซึ่งเขารับผิดชอบโดยตรงด้วยตัวเองอีกด้วย นี่เป็นภาพที่หายากเลยทีเดียว
ไม่นานหลังจากที่ทีมโปรเจกต์ก่อตั้งขึ้น ลู่โจวก็เสร็จสิ้นการออกแบบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์โดยใช้วารสารวัสดุศาสตร์ทางคำนวณ เขามอบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ให้กับทีมงานที่นำโดยศาสตราจารย์หวางชิงผิงไป และขอให้เขาออกแบบกระบวนการทดลองโดยใช้แบบจำลองนี้แทน
ศาสตราจารย์หวางชิงผิงมีความทะเยอทะยานมากในตอนแรกที่ได้รับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์นี้ เขาพร้อมที่จะต่อสู้เคียงข้างกับอาจารย์ลู่!
แต่หลังจากที่ได้เพิ่งเริ่มต้นโปรเจกต์แล้ว พวกเขาก็พบปัญหาที่ใหญ่มาก
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” นักวิจัยที่รับผิดชอบการทดลองนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง “ ฉะ ฉันออกแบบการทดลองโดยอิงจากผลการคำนวณที่นักวิชาการลู่ให้มาแล้วนี่นา”
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน!” หวางชิงผิงตำหนินักวิจัย “ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน ลองดูอีกครั้ง!”
“ตะ แต่เราทำมันไปแล้วสามครั้งแล้วนะครับ…” นักวิจัยกระซิบ “มันก็เหมือนกัน”
“งั้นก็ออกแบบกระบวนการทดลองใหม่! ทำอีกสามครั้ง!”
เฉียนจงหมิงที่ยืนอยู่ข้างพวกเขาทนฟังไม่ได้อีกต่อไป เขาไอและพูด
“ผมโทรหานักวิชาการลู่แล้ว เขาบอกว่าเขาจะมาดูที่นี่ให้”
“อาจารย์ลู่กำลังจะมาเหรอ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของศาสตราจารย์เฉียนจงหมิง และหวางชิงผิงก็ดูกังวลเล็กน้อย
เพราะนี่คือโปรเจกต์ที่พวกเขารับผิดชอบอยู่
ถ้าหากมีปัญหาอยู่ข้างเขา มันจะไม่น่าอายต่อหน้าอาจารย์ลู่เหรอ?
“อาจารย์ลู่ไม่ต้องมาก็ได้… แล้วถ้าเราลองอย่างอื่นดูล่ะ? ถ้ามันไม่ได้ผลเราค่อยถามนักวิชาการลู่ได้” หวางชิงผิง กล่าวขณะส่งสัญญาณไปยังนักวิจัยหลายคนที่อยู่ถัดจากเขา
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่พวกเขาก็ต้องฟังเจ้านายตัวเอง จากนั้นพวกเขาทั้งหมดพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
เฉียนจงหมิงมองเห็นแผนการของศาสตราจารย์หวางชิงผิงออกได้อย่างง่ายดาย
เขาเคยร่วมงานกับลู่โจวที่สถาบันวัสดุคอมพิวเตอร์มาหลายปี กระทั่งได้ทำงานจนถึงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ใกล้เคียงทางด้านวิชาการของลู่โจว แต่เขาก็ยังฉลาดกว่าเมื่อก่อนมาก
“ไม่ต้องกังวล ถึงจะมีบางอย่างผิดพลาด นักวิชาการลู่ก็จะไม่ตำหนิคุณ” เฉียนจงหมิงกล่าวว่า “การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นการลองผิดลองถูก อย่ากลัวที่จะทำผิดพลาดเลย แค่หาให้ได้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหนก็พอ”
ศาสตราจารย์หวางชิงผิงยิ้มตอบแต่ในใจของเขาคิดต่างออกไป
มันง่ายที่จะพูดนะ
เพราะคุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนักวิชาการลู่ คุณจะไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว
แต่นักวิจัยที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดของรองผู้อำนวยการเฉียน
งานของพวกเขาทำให้เพื่อนร่วมงานนับไม่ถ้วนต้องอิจฉา แต่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ถึงความยากลำบากที่พวกเขาเผชิญอยู่ ในฐานะนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับต่ำสุดในห่วงโซ่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พวกเขาต้องเผชิญกับแรงกดดันจำนวนมากในสถานศึกษาศักดิ์สิทธิ์ที่นักวิชาการทุกคนต้องการมาอยู่เช่นที่นี่
ขณะที่ศาสตราจารย์หวางชิงผิงกำลังกังวลว่าจะทำอย่างไรดี ไม่นานเสียงฝีเท้าข้างนอกประตูก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ประตูเปิดออกและทุกคนที่คุ้นเคยก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
ลู่โจวไม่ได้มองไปรอบๆ เขาเดินตรงไปที่ด้านข้างของอุปกรณ์สะสมไอสารเคมีพร้อมเหลือบมองที่สารสีดำลึกลับในบีกเกอร์ แล้วถามเฉียนจงหมิง
“ถุงมือหน่อย?”
เฉียนจงหมิงพยักหน้าและยื่นถุงมือพลาสติกให้
“นี่ครับ”
ลู่โจวสวมถุงมือพลาสติกป้องกันการกัดกร่อนโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก จากนั้นเขาใช้แท่งแก้วแหย่สารสีดำและใช้แท่งแก้วแตะพื้นผิวเบาๆ
ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาวางไม้เท้าและถุงมือไว้ข้างๆ
“อ่อนไปหน่อย…”
เฉียนจงหมิงพยักหน้าและพูด
“ผมคิดเหมือนกัน”
ลู่โจวเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ แล้ว เขามองไปที่ศาสตราจารย์หวางชิงผิง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ และถามว่า “คุณบอกผมได้ไหมว่ามันเป็นอะไร?”
ศาสตราจารย์หวางชิงผิงมีใบหน้าที่ดูเจื่อนๆ ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะพูดอะไร นักวิจัยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นก่อน
“เราทำตามรูปแบบการคำนวณที่คุณให้มา แต่…”
ลู่โจว “แต่ผลลัพธ์ไม่สมบูรณ์แบบใช่ไหม?”
ผู้วิจัยแสร้งทำเป็นไม่เห็นศาสตราจารย์หวางชิงผิง จากนั้นมองมาที่เขาและพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ใช่ครับ”
“ผมเข้าใจแล้ว” ลู่โจวพยักหน้า พร้อมมองมาที่เขาและถามว่า “คุณชื่ออะไร”
“ซุนเยว่ต้าครับ!”
“คุณทำการทดลองนี่เหรอ”
เขารู้ว่าเขาอาจจะได้รับการชม ดังนั้นเขาอาจจะพูดความจริงก็ได้ นักวิจัยชื่อซุนเยว่ต้าพยักหน้าและพูด
“ใช่ ผมยังดีไซน์กระบวนการทดลองด้วย!”
ลู่โจวมองไปที่นักวิจัยหนุ่ม เขาพยักหน้าและพูดด้วยท่าทางเห็นด้วยในดวงตาของเขา
“ไม่เลว ต้องใช้ทักษะในการเข้าใจระดับนี้แหละ”
ซุนเยว่ต้าและนักวิจัยคนอื่นๆ ที่ยืนเคียงข้างเขา รวมทั้งศาสตราจารย์หวางชิงผิงต่างตกตะลึง
เขา…
แค่ชมซุนเยว่ต้าเหรอ?
“แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ยังอยู่ที่นี่ไหม?”
“ครับ…”
“เอามาดูหน่อยสิ” ลู่โจวพยักหน้าขณะมองซุนเยว่ต้า เขากล่าวว่า “ถ้างั้นแสดงให้ผมเห็นกระบวนการทดลองที่คุณออกแบบ
“ผมจะบอกว่ามีปัญหาตรงไหน”