Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 1315 ไม่ใช่แค่ฟิสิกส์
มีส่วนผสมที่แปลกอยู่ที่พรินซ์ตัน
นั่นคือพอล ครุกแมน และศาสตราจารย์อัลเบิร์ต ลาซโล บาราบาซี
สาเหตุที่การจับคู่นี้แปลกไม่ได้มาจากเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ แต่เป็นเพราะว่าด้านที่สองคนนี้กำลังวิจัยเป็นเรื่องเข้าใจยากสำหรับคนทั่วไป แม้แต่อาจารย์ใหญ่ไอส์กรูเบอร์ก็ไม่สามารถประเมินค่าได้อย่างถูกต้อง
เรื่องราวการพบปะของสองคนนี้เต็มไปด้วยเรื่องบังเอิญ
ตอนแรก ทั้งสองแลกเปลี่ยนนามบัตรที่งานเลี้ยงอาหารค่ำหลังจากการประชุมวิชาการ หลังจากนั้นความเห็นของทั้งสองตรงกันโดยไม่คาดคิดในเรื่องโจทย์ว่าอนาคตของมนุษยชาติจะไปทิศทางไหน เรื่องนี้ส่งผลให้เกิดการวิเคราะห์เชิงคุณภาพของโจทย์โดยใช้โมเดลคณิตศาสตร์
เป็นเรื่องบังเอิญที่หนึ่งในสองคนเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่คลั่งไคล้ในวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ในขณะที่อีกคนเป็นนักฟิสิกส์ที่หลงใหลในสังคมวิทยา พวกเขาสามารถเติมเต็มกันและกันในความถนัดของแต่ละคน
เมื่อพวกเขาอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก น่าเสียดายที่พวกเขาล้มเหลวในการชวนลู่โจวเข้าร่วมทีมเพื่อศึกษาโมเดลคณิตศาสตร์สำหรับการคาดการณ์อนาคต แต่ถึงจะไม่มีการช่วยเหลือจากนักคณิตศาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลก ทั้งสองก็ไม่ยอมแพ้และทำงานอย่างหนักในด้านนี้
แต่พวกเขาก็ไม่ได้สร้างความคืบหน้าที่สำคัญ…
ในคาเฟ่ใกล้อาคารเรียน
ทั้งสองนั่งตรงข้ามกันตามปกติ พวกเขานั่งดื่มชารอบบ่ายและพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นและปัญหาวิชาการที่ซับซ้อน
“เมื่อเป็นเรื่องการเดินทางอินเตอร์สเตลลาร์ความเร็วสูง ทฤษฎีสัมพัทธภาพกำหนดว่ามีปรากฏการณ์ขยายเวลาในหลายระบบพิกัด ถ้าเกิดมีคู่แฝดพี่น้องหนึ่งคู่และวันหนึ่ง พี่ขึ้นยานอวกาศและเดินทางท่องดาวระยะไกล ในขณะที่น้องอยู่ที่โลก เมื่อพี่กลับมาที่โลก เขาจะพบว่าตอนนี้เขาอายุน้อยกว่าน้อง…มันฟังดูสมเหตุสมผลไหม?”
หลังจากฟังที่ศาสตราจารย์ครุกแมนพูด อัลเบิร์ตพยักหน้า เขาพูดว่า “ใช่… แต่มันเกี่ยวข้องอย่างไรกับเศรษฐศาสตร์ล่ะ?”
“มันไม่ได้ส่งผลอะไรหรอก แต่ถ้าเราแทนที่พี่น้องฝาแฝดด้วยนักธุรกิจสองคนผลลัพธ์จะต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณก็รู้ว่าในด้านธุรกิจแล้วเวลาเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญ ถ้าเกิดกำไรของทริปอวกาศต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วไปของธนาคารล่ะ?”
“มันมีสูตรสำหรับสิ่งนี้” ครุกแมนเขียนการคำนวณลงกระดาษบันทึก เขายื่นมันไปตรงหน้าศาสตราจารย์อัลเบิร์ตและพูดว่า “สิ่งนี้คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง”
[PE*·qE·pα/pα*≥(C+pE·qE)·(1+r)2n.]
อัลเบิร์ตยื่นหน้าเข้าไปดูการคำนวณบนแผ่นกระดาษ เขาเผลอเลิกคิ้วขึ้น
“สูตรนี้แปลกมาก…”
“มันแปลก แต่มันมีทฤษฎีที่สำคัญมาก ทฤษฎีบทแรกของผมในด้านการค้าขายอินเตอร์สเตลลาร์” ครุกแมนยิ้มและพูดต่อ “เมื่อแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างดาว การคำนวณดอกเบี้ยควรจะใช้เวลาของระบบเฉื่อยของดาวแทนที่จะใช้เวลาบนยานอวกาศ กำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารบนโลกเป็น r และถ้าเกิดความไม่เท่าเทียมขึ้น จากนั้นทริปนี้จะไม่ขาดทุน”
อัลเบิร์ตพูดว่า “ไอเดียน่าสนใจมาก… จะว่าไปแล้วถ้าเกิดว่ามีทฤษฎีบทแรกแล้วมีทฤษฎีบทที่สองไหม?”
“แน่นอน เนื่องจากการมีอยู่ของการแข่งขันทางการค้า ดาวเคราะห์ที่มีระบบพิกัดความเฉื่อยเหมือนกันจะค่อยๆ ปรับไปมีอัตราดอกเบี้ยเท่ากัน สิ่งนี้คือทฤษฎีบทที่สอง… แต่พวกมันยังไม่ได้รับการยืนยันในตอนนี้” ชายชราแค่นหัวเราะและพูดว่า “ทฤษฎีพวกนี้ต่างมีที่มาจากความถูกต้องสมบูรณ์ของทฤษฎีสัมพัทธภาพ นั่นหมายความว่าเราไม่สามารถเดินทางเกินความเร็วของแสง”
“ถึงแม้ว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพยังถูกต้องในตอนนี้ เราได้พบทางลัดไปหมู่ดาว… อย่างน้อยก็เป็นทางลัดในทางทฤษฎี เมื่อเวลาไม่ได้ขยายออกและเวลาเดินทางสั้นลง เราไม่จำเป็นต้องคิดถึงการขยายขนาดของเวลาระหว่างการเดินทาง”
“จริงๆ แล้ว สิ่งที่ผมอยากจะพูดคือ… คุณไม่ได้สังเกตเหรอ? ทฤษฎีไม่ได้ส่งผลแค่ต่อฟิสิกส์ มันส่งผลต่อเศรษฐศาสตร์ด้วย”
ศาสตราจารย์อัลเบิร์ตตกอยู่ในห้วงความคิด
เวลาผ่านไปนาน เขาถอนหายใจออกมา
“คุณพูดถูก ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้นำความไม่แน่นอนที่ยิ่งใหญ่มาสู่โมเดลคณิตศาสตร์ ไม่ว่าการคำนวณจะเคร่งครัดและสมบูรณ์แบบแค่ไหน มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์การก้าวกระโดดนี้ในทฤษฎีฟิสิกส์ ถึงแม้ว่าโมเดลคณิตศาสตร์ของเราจะคาดการณ์ได้สำเร็จว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นในหลายร้อยปี ถ้ามีอีกคนอย่าง ‘ศาสตราจารย์ลู่’ อยู่ โมเดลของเราจะผิด”
ครุกแมนพยักหน้า
“นี่แหละคือสิ่งที่ผมกังวล การศึกษาความเปลี่ยนแปลงภาพรวมของอารยธรรมทำให้บทบาทของปัจเจกบุคคลอ่อนแอลง แต่เมื่อบทบาทของปัจเจกบุคคลไม่สามารถถูกละเลยได้ การคาดการณ์ของเราจะผิด”
อยู่ดีๆ มีชายหนุ่มเดินเข้ามาในคาเฟ่
เขาใส่ชุดสูทสีเทาและดูแปลกเล็กน้อย ราวกับว่าเขาเพิ่งเห็นหรือได้ยินอะไรแปลกๆ ชายคนนี้เดินมายืนที่ด้านข้างของศาสตราจารย์ทั้งสองและพูดขึ้น
“ศาสตราจารย์…”
“สวัสดียามบ่ายครับ ดอกเตอร์มิลสัน” ศาสตราจารย์ครุกแมนยิ้มและเงยหน้ามองผู้ช่วยระหว่างที่เขาพูดว่า “มีอะไรเหรอ? คุณดูเหมือนกับเห็นผีมา”
“คุณขอให้ผมเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนอาณานิคมระบบดาวเทาเซติ…”
“มีข่าวอะไรบ้างไหม?”
“ครับ” ผู้ช่วยพยักหน้าและลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะพูดว่า “กองทุนนั้น…ดูเหมือนว่าเสี่ยวถงรับผิดชอบการบริหารมัน”
“เสี่ยวถง?”
ครุกแมนชะงัก
เขาใช้เวลาสักพักถึงจะได้สติกลับมา เขานั่งลงที่เก้าอี้และมองดูผู้ช่วยโดยไม่เชื่อสายตา เขาถามว่า “เดี๋ยว คุณหมายถึง…เสี่ยวถงคนนั้น?”
ผู้ช่วยยิ้มด้วยความขมขื่น
“ใช่…มันเป็นเรื่องสาธารณะแล้ว”
ครุกแมนพูดขึ้นหลังจากนิ่งไปนาน
“เข้าใจแล้ว…โอเค”
ผู้ช่วยพยักหน้าแล้วหันหลังกลับและเดินจากไป
ครุกแมนนั่งเอนหลังที่เก้าอี้ในขณะที่เขาขมวดคิ้ว
เขาอยากหาวิธีไปพูดคุยกับผู้อำนวยการของกองทุนนี้และอาจจะดื่มชาด้วย บางทีก็อาจจะแลกเปลี่ยนปัญหาวิชาการ
แต่ตอนนี้…
เขาไม่คาดคิดว่าบุคคลนี้กลับเป็นนักศึกษาของเขา
“ผมไม่อยากเชื่อเลย…” อัลเบิร์ต ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเขาเปิดปากขึ้นและมองดูศาสตราจารย์ครุกแมนด้วยสีหน้างุนงง เขาพูดว่า “กลับกลายเป็นว่า…นักศึกษาของคุณเป็นคนบริหารกองทุนนี้”
นี่มันเงินหมื่นล้านหยวน!
มันไม่ใช่แค่ธีสิสจบการศึกษา!
ไม่ใช่ว่าพวกเขาติดใจในความสามารถของเสี่ยวถง แต่ทำไมคนธรรมดาถึงให้เงินจำนวนมากขนาดนี้กับนักศึกษาปริญญาเอกที่ยังเรียนไม่จบ?
“ฟังดูเพี้ยน…” ศาสตราจารย์ครุกแมนมีสีหน้าที่ซับซ้อน เขาพูดว่า “แต่…มันดูเป็นเหมือนสิ่งที่ลู่โจวจะทำ”
ในความเป็นจริงเสี่ยวถงค่อนข้างมีความสามารถ
สิ่งเดียวที่เธอขาดคือประสบการณ์จริง
ในความเห็นของเขา มันจะดีกว่าถ้าเธอเริ่มจากการเป็นผู้ช่วย มันเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปที่จะเริ่มที่งานยากทันที…
แต่ถ้าลู่โจวไม่ได้สนใจเรื่องเสียเงินหลายร้อยล้าน เรื่องนี้ก็ไม่สำคัญ
ฉันเดาว่าการมีพี่ชายรวยล้นฟ้าเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของเธอ…
“เธอไม่เหมือนนักศึกษาคนอื่นที่ผมเคยสอน เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ถนัดในสมดุลด้านเศรษฐศาสตร์ทฤษฎีและประยุกต์ เธออยากเรียนทั้งสองด้านและทำทุกอย่าง”
อัลเบิร์ตดื่มกาแฟและถามด้วยความสงสัย “เธอมีพรสวรรค์ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่แค่มีพรสวรรค์” ครุกแมนส่ายหน้าและพูดว่า “เธอยังเป็นคนขยัน”
และจุดเริ่มต้นของเธอสูงกว่าคนส่วนใหญ่
เธอเป็นน้องสาวของผู้ได้รับรางวัลโนเบล ถึงแม้ว่าลู่โจวไม่ได้ทำอะไร เธอก็ยังสามารถใช้ชื่อเสียงของเขาในโลกวิชาการและความสัมพันธ์ของเขากับศาสตราจารย์พรินซ์ตัน
มันเป็นเหมือนจดหมายแนะนำจากคนดัง
นามสกุลของเธอเองเป็นจดหมายแนะนำที่มีอำนาจมาก มันเป็นประเภทที่ถูกจดจำอย่างเป็นวงกว้างในชุมชนวิชาการ
ดังนั้นถ้าเกิดเธอไม่ได้ทำงานหนัก เธอก็จะเอาตัวรอดได้ นอกจากนี้เธอยังขยันขันแข็งเหมือนพี่ชายเธอ…
“โมเดลเศรษฐศาสตร์ของอนาคตเป็นสาขาที่ดูมีหวังมาก เมื่อเทียบกับสาขาอื่นแล้วเราได้นำการวิจัยในด้านนี้น้อยมาก และตอนนี้มันเป็นยุคของการพัฒนารวดเร็ว มันอยากที่จะปรับทฤษฎีเก่าเข้ากับทฤษฎีใหม่…สิ่งนี้เป็นเหมือนกับ ‘ทฤษฎีค้าขายอินเตอร์สเตลล่า’ ที่ผมพูดถึงก่อนหน้า”
หลังจากที่หยุดพูดไป ศาสตราจารย์ครุกแมนพูดต่อ “ผมรู้ว่าหัวข้อของธีสิสเธอเกิดไปเกี่ยวข้องกับกองทุนอาณานิคมระบบดวงดาว ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐศาสตร์ประยุกต์หรือเศรษฐศาสตร์ทางทฤษฎี มันก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอ”
ศาสตราจารย์อัลเบิร์ตถามว่า “โอกาส?”
ครุกแมนพยักหน้า
“โอกาสที่จะรวมทั้งทฤษฎีและการประยุกต์เพื่อหาจุดสมดุล”
“วงจรเศรษฐศาสตร์ทั้งมวลกำลังใช้กองทุนอาณานิคมระบบดาวเทาเซติเป็นตัวอย่างเพื่อศึกษากิจกรรมทางเศรษฐศาสตร์และสังคมในอนาคตของอารยธรรมมนุษย์ เธอเป็นผู้จัดการของตัวอย่างนี้ ผมเชื่อว่าด้วยความรู้เชิงลึกของเธอ เธอจะสามารถค้นพบสิ่งที่น่าสนใจ… ท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นคนที่อยู่ใกล้ความจริงมากที่สุด ผมเองก็ยังไม่สามารถหาข้อมูลได้มากเท่าเธอ”
“ถ้า…ผมจะพูดว่าถ้าเธอสามารถสรุปกฎและค้นพบสิ่งที่ต่างออกไปเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐศาสตร์และสังคมของมนุษย์หลังการค้นพบทฤษฎีไฮเปอร์สเปซ…”
ศาสตราจารย์ครุกแมนเห็นว่าศาสตราจารย์อัลเบิร์ตเซอร์ไพรส์มากแค่ไหนระหว่างที่เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงขึงขัง “งั้นบางทีเธออาจจะมีโอกาสชนะรางวัลโนเบลในชีวิตนี้…”