Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 1279 วันเดินทางกลับ
ฤดูหนาวในซีกโลกเหนือปีนี้มาถึงเร็วกว่าปกติ
ก่อนที่เหมายันจะมาถึง มีลมเย็นพัดปลิวแล้วในจินหลิง
ซุนลี่หยางมองดูภรรยาที่อุ้มทารกตรงหน้าเขา สายตาเขามีแววลังเล เขาสูดอากาศหนาวเย็นเข้าไปแล้วพูดว่า
“ผมจะไปแล้ว”
หญิงคนนี้จ้องมองตาเขาและเธอดูมีเรื่องอย่างพูดอีกมาก แต่สุดท้ายแล้วเธอก็พูดออกมาเพียงประโยคเดียว
“อย่าลืมคิดถึงฉันด้วย…”
“ไม่ต้องเศร้าไปนะ”
ซุนลี่หยางปัดผมยุ่งเหยิงจากลมพัดบนหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา เขาพยายามจารึกหน้าของเธอไว้ในความทรงจำ เขาจ้องมองดูภรรยา ยิ้มให้เธอ แล้วพยายามพูดด้วยน้ำเสียงกล้าหาญ
“มันไม่ใช่ว่าผมจะไม่กลับมานะ ผมคิดว่าอย่างมากในสิบปีนี้ การไปดวงจันทร์จะง่ายเหมือนการนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับบ้านเกิดของผม ไม่ว่าคุณจะขึ้นไปหาผมหรือผมลงมาหาคุณมันก็จะเหมือนกัน”
ซุนลี่หยางมองดูทารกในมือของภรรยา เขายื่นนิ้วมาแหย่เด็กทารกแล้วยิ้มให้ด้วยความอบอุ่น
เด็กน้อยได้รับพลังจากยิ้มอุ่นใจ เขาหยุดร้องไห้ หัวเราะออกมา แล้วยื่นมือออกมาพยายามจับนิ้วของพ่อ
“เป็นเด็กดีนะเจ้าตัวเล็ก รอพ่อกลับมานะ”
เขาจับมือลูกชายด้วยความทะนุถนอมและบอกว่า “ในอนาคตพ่อจะเล่าเรื่องที่เพื่อนร่วมห้องของลูกจะต้องอิจฉา”
แม่ของเด็กกัดปากตัวเอง นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“พระเจ้า…คุณต้องไปตอนนี้จริงๆ เหรอ?”
“ผมต้องไป มีใครสักคนต้องไป” ซุนลี่หยางมองดูภรรยาแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “น้องชายผมจะแต่งงานปีหน้า แล้วผมมีน้องสาววัย 25 ปี ถ้าผมไม่ไป แล้วใครจะไป?”
งานบางอย่างต้องมีคนทำมัน
มันมีสถาบันวิจัยไม่กี่แห่งที่ทำงานกับฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง ทีมวิจัยของพวกนั้นเป็นสันหลังของฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง ถึงแม้ว่าพวกเขาเพียงแค่ทำงานเบื้องต้นเสร็จ ซึ่งห่างไกลจากการปลดล็อกขุมทรัพย์พลังงานที่ดวงจันทร์ ต้องมีคนริเริ่มเป็นคนแรก
“ได้ยินมาว่าที่นั่นหนาว อย่าลืมใส่เสื้อแจ็คเกตด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลตัวเอง”
หลังจากจูบภรรยาและทารกในอ้อมกอดของเธอ ซุนลี่หยางสวมกระเป๋าแบ็คแพ็คแล้วฝืนความต้องการที่จะหันกลับไปมอง เขาเดินไปทางรถเอสยูวีที่จอดอยู่หน้าหอพัก
ผู้บุกเบิกโซนเศรษฐกิจพิเศษกว่างฮั่นกลุ่มแรกมีเพียง 50 คน
คนเหล่านี้จะขึ้นยานอวกาศพิเศษที่เตรียมไว้ที่จุดปล่อยยาน หมายเลข 2 ซึ่งจะพาพวกเขาไปสะพานนกกางเขนที่รออยู่ในวงโคจรที่ตรงกัน
ซุนลี่หยางขึ้นรถบัสเป็นคนสุดท้าย เถามุ่ยอี้จ้องมองเขา
“คุณมีลูกด้วยเหรอ?”
ซุนลี่หยางยิ้มให้และพูดว่า
“อะไรนะ? เซอร์ไพรส์?”
“ใช่ ครับ”
“แล้วคุณล่ะ มีคนรักบ้างไหม?”
“ผมมีทางของตัวเอง”
“มันเป็นอีกคำของการครองโสดโดยไม่เต็มใจ…แต่ผมสงสัย มันไม่น่าจะมีคนขาดแคลนในสถาบันวิจัยของคุณ? ทำไมถึงส่งหนุ่มโสดไปที่นั่นล่ะ?”
มันก็เข้าใจได้ที่จะสงสัยแบบนี้
ถึงแม้ว่าอาร์คดรูอิดไม่ได้รับนักศึกษาปริญญาเอกแล้ว ก็มีผู้คนจำนวนมากที่สถาบันวิจัยของเขา การวิจัยด้านเกษตรกรรมไม่เหมือนกับฟิวชั่นที่ควบคุมได้ ซึ่งอย่างหลังเป็นศาสตร์ที่กำลังได้รับความนิยม ในขณะที่ศาสตร์แรกถูกพัฒนามาหลายทศวรรษแล้ว มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องส่งลูกคนเดียวที่ยังไม่แต่งงานไปดวงจันทร์
“ผมสมัครไป”
เขาพยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้ตำแหน่งนี้มา ไม่เหมือนกับดอกเตอร์ซุน
“คุณสมัครมาเอง?” ซุนลี่หยางมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉยและถามว่า “ทำไมล่ะ?”
“นักวิชาการลู่ไม่ได้บอกไว้เหรอ?” เถามุ่ยอี้ยิ้มแล้วมองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ ซึ่งมีใบไม้ฤดูใบไม้ร่วงพัดปลิวตามสายลม เขาตอบว่า “การเดินทางสำรวจครั้งนี้เป็นเรื่องจำเป็น”
“มันมีขึ้นเพื่ออนาคต”
“คุณไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่โรแมนติกมากๆ หรือครับ?”
…
รถคันสุดท้ายมาถึงจุดปล่อยยาน หมายเลข 2
สัมภาระและผู้โดยสารถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม จากการนำโดยทีมงานที่จุดปล่อยยาน พวกเขาขึ้นยานอวกาศซึ่งมีรูปทรงคล้ายกับนกขนาดใหญ่
ในเวลาสามสิบนาที พวกเขาจะมุ่งหน้าไปที่ดวงจันทร์ซึ่งห่างออกไป 300,000 กิโลเมตร คนเหล่านี้จะไปเริ่มชีวิตใหม่ที่นั่น
ถึงแม้ว่าถนนเส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความสับสน ไม่มีใครที่นั่งอยู่ในอุปกรณ์ช่วยชีวิตรู้สึกหวาดกลัว
เหมือนกับที่ชายคนนี้บอก มันเป็นเรื่องจำเป็น
ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ตอนนี้กำลังเริ่มภารกิจอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร
พวกนั้นไม่ได้แค่ไปดวงจันทร์
คนเหล่านี้กำลังผลักดันอนาคตของมนุษยชาติ
เครื่องยนต์ปล่อยลำแสงโค้งสีน้ำเงินออกมา ยานอวกาศซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลาสม่าความเร็วสูงได้สยายปีกช้าๆ แล้วมุ่งหน้าไปทางท้องฟ้า
เหล่าญาติที่ยืนบนพื้นดินโบกมือลาให้กับคนที่กำลังเดินทางไกลจนจุดบนฟ้าค่อยๆ เลือนหายไป
ในอีกฝั่งหนึ่งที่ตึกสตาร์สกายเทคโนโลยีซึ่งห่างออกไปไม่ถึง 50 กิโลเมตรจากจุดปล่อยยาน ผู้จัดการทั่วไปของแผนกอวกาศได้ส่งสรุปการปล่อยจากศูนย์บัญชาการไปที่ออฟฟิศของซีอีโอแล้วรายงานสถานการณ์การปล่อยยานโดยสรุป
“ชางเอ๋อผ่านชั้นสตราโทสเฟียร์ไปได้ด้วยดีแล้วก็เปลี่ยนเป็นโหมดบินแนวตั้งเพื่อเปลี่ยนเส้นทางบิน มันน่าจะถึงวงโคจรที่กำหนดไว้ในสองชั่วโมง”
หลังจากที่ได้รับรายงานและพลิกดู เฉินยู่ซานพยักหน้าให้
“ทิ้งรายงานให้ฉันไว้ก็พอ คุณไปได้”
“ครับ ซีอีโอเฉิน”
ชายคนนี้พยักหน้าแล้วเดินออกจากออฟฟิศไปโดยปิดประตูตามหลัง
หลังจากอ่านรายงานในมือโดยละเอียด เฉินยู่ซานครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้น เธอสรุปสถานการณ์ในรายงานที่กระชับมากขึ้น หลังจากนั้นเธอก็ส่งมันให้ลู่โจวผ่านช่องทางสื่อสารภายในของสตาร์สกายเทคโนโลยี
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนออกคำสั่ง เธอรู้ว่าลู่โจวให้ค่าการปล่อยยานนี้มากแค่ไหน
เธอคิดว่าเขาน่าจะอารมณ์ดีหลังจากได้ยินข่าวดีนี้
ความคิดของเธอล่องลอยไปไกลกว่าหลายหมื่นกิโลเมตร
เฉินยู่ซานยืนแขนบิดขี้เกียจ เธอทำงานของตัวเองเสร็จ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินถือกาแฟไปที่หน้าต่าง
เธอมองดูดวงอาทิตย์ส่องแสงรำไรยามเย็นนอกหน้าต่าง จู่ๆ เธอรู้สึกซึมเล็กน้อยข้างในใจ
ถึงแม้ว่าเธอเพิ่งเห็นเขาไปไม่กี่วันก่อน มันรู้สึกแสนยาวนาน
“ถ้าเขากลับมาได้เร็วกว่านี้…”
อยู่ดีๆ เฉินยู่ซานเห็นหน้าของตัวเองสะท้อนที่หน้าต่าง
เธอรู้สึกว่าอารมณ์ของเธอไม่สอดคล้องกับรูปลักษณ์สาวแกร่ง
“ดูเหมือนว่าฉันต้องเข้มแข็งกว่านี้…”