Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 1240 โรงงานอัตโนมัติ
พวกเขาใช้…
ยูเอวีโลจิสติกส์แล้วเหรอ?
ท่าทางสบายๆ ของลู่โจวตอนเล่าเรื่องนี้ให้หวังเหว่ยฟังทำให้อีกฝ่ายช็อก หวังเหว่ยประหลาดใจมากจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
ในเมื่อตอนนี้ลู่โจวเสนอตัวมาเองว่าจะพาเขาไปเดินทัวร์ เขาก็ไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว เขาตกลงรับข้อเสนออย่างไม่ลังเล
“รบกวนด้วยนะ!”
เขาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้
ลู่โจวเห็นว่าหวังเหว่ยมีท่าทีกระวนกระวายแค่ไหน จากนั้นเขาก็ยิ้มและพยักหน้า เขาเรียกผู้ช่วยแผนกต้อนรับมาแล้วบอกเธอว่า “ฝากบอกซีอีโอเฉินด้วยนะว่าผมจะพาซีอีโอหวังไปทัวร์โรงงาน เดี๋ยวตอนบ่ายผมจะกลับมา”
“ได้ค่ะ นักวิชาการลู่”
ผู้ช่วยเดินออกไปจากห้อง ลู่โจวมองไปทางหวังเหว่ย เขายิ้มแล้วก็บอกว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะครับ”
…
โรงงานที่ลู่โจวพูดถึงก่อนหน้านี้นั้นตั้งอยู่ในเขตไฮเทคของจินหลิง มันอยู่ถัดจากทางเข้าตรงถนนหลวงและสถานีขนส่งสินค้าทางรถไฟ มันถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเมืองจินหลิง
ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นโรงงานของซีอีโอหลิว
ตั้งแต่ที่สตาร์สกายเทคโนโลยีลงทุนไป บริษัทจ้งซานซินฉายก็พึ่งพาเทคโนโลยีสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพสูงของสตาร์สกายเทคโนโลยีอยู่ตลอด พวกเขารับคำสั่งซื้อจากอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้และอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า พวกเขาเปลี่ยนจากบริษัทวัตถุดิบระดับท้องถิ่นไปเป็นผู้นำในวงการผลิตวัสดุคาร์บอน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์
หลิววั่นซานพอใจกับเงินปันผลทางเทคโนโลยีจริงๆ เขาเป็น ‘แฟนขั้นฮาร์ดคอร์’ ของสตาร์สกายเทคโนโลยี ตอนที่สตาร์สกายเทคโนโลยีเสนอว่าจะเข้ามาช่วยเหลืออุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัตโนมัติในโรงงานเขาในครั้งแรก หลิววั่นซานก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรมอันแรกของเขาก็ประสบความสำเร็จของเขาเป็นอย่างมาก บริษัทจ้งซานซินฉายเป็นผู้ถือมาตรฐานใหม่ในการผลิตวัสดุแอโนดลิเธียมและยังเป็นหัวใจหลักทางเทคโนโลยีของทั้งเมืองจินหลิงอีกด้วย
โรงงานกระจายวัสดุอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์ของพวกเขาเพิ่มประสิทธิภาพของสายการผลิตจนถึงระดับสูงสุด
งานในลักษณะนี้เมื่อก่อนจะต้องใช้แรงงานฝีมือต่ำ 20 คน แต่ตอนนี้ มันใช้แค่วิศวกรที่จบการศึกษามาเพียง 1 คน กับอุปกรณ์อัตโนมัติจำนวน 1 กลุ่มที่ควบคุมด้วยคลาวด์เซิร์ฟเวอร์เท่านั้น ความแตกต่างในด้านราคาถือว่ามากอย่างเห็นได้ชัด
“นี่คือโรงงานที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ครับ”
หวังเหว่ยก้าวออกไปข้างหน้า เขามองภาพทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่อยากจะเชื่อ เขาใช้เวลาสักพักหนึ่งในการประมวลผลข้อมูลทุกอย่าง ก่อนจะพูดออกมาว่า
“….เหลือเชื่อไปเลย”
เขาถึงกับพูดไม่ออก
รถลำเลียงสินค้าขนาดเล็กที่ใช้งานได้ยืดหยุ่นเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่โรงงานไปได้อย่างราบรื่น มันถือกล่องสินค้าหลายกล่องไว้ข้างบนตัวรถ โดรน 6 โรเตอร์ส่งเสียงดังขณะบินผ่านอากาศขึ้นไป มันทำงานแทนผู้ใช้แรงงานได้โดยสมบูรณ์
โรงงานทั้งหลังเหมือนเป็นสัตว์ประหลาด ในขณะที่รถโลจิสติกส์และโดรนก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ไหลไปตามเส้นเลือด เวิร์กช็อปแต่ละที่ก็เป็นเหมือนอวัยวะในตัวสัตว์ประหลาด
สินค้าถูกขนย้ายจากสายการผลิตหนึ่งไปยังอีกสายหนึ่ง และจากเวิร์กช็อปหนึ่งไปยังอีกเวิร์กช็อปหนึ่ง เครื่องมือทุกชิ้นทำงานด้วยความเร็วสูงสุด ทุกสายการผลิตต่างมีประสิทธิภาพ แม้แต่กระแสลมในโรงงานก็เหมือนกับถูกวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
ซึ่งมันก็ถูกวางแผนไว้แบบนั้นจริงๆ
ไม่ใช่แค่อุณหภูมิในอากาศแต่ยังรวมถึงอัตราความเร็วของแก๊สต่อหน่วยยูนิตเวลา แม้กระทั่งปริมาณ PM2.5 ในเวิร์กช็อปก็ยังถูกจำกัดไว้ให้อยู่ในค่าที่กำหนดอย่างเข้มงวด
เนื่องจากบริษัทจ้งซานซินฉายได้กำหนดมาตรฐานไว้อย่างเข้มงวด ทำให้บริษัทมีอัตราการผลิตวัสดุแอโนดลิเธียมที่สูงที่สุดในโลก
หากไม่เกิดความขัดข้องของระบบที่ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างอัตโนมัติแล้วก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องใช้คนงานสักคน การรักษาสภาพอุปกรณ์อย่างโดรนและยานโลจิสติกส์ก็ถูกทำนอกโรงงาน เครื่องจักรที่ควบคุมด้วยเอไอทำหน้าที่ดูแลรักษาสภาพอุปกรณ์การผลิตในเวิร์กช็อปแทบจะเต็มระบบ
การอัปเกรดทางอุตสาหกรรมหมายถึงอะไรเหรอ? การผลิตอัจฉริยะคืออะไรน่ะเหรอ?
โรงงานนี้นี่แหละคือความหมายของการอัปเกรดทางอุตสาหกรรมและการผลิตอัจฉริยะ!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการผลิตทางอุตสาหกรรม แต่ไม่เคยมีสิ่งไหนที่เขาเคยเห็นมาในอดีตที่จะใกล้เคียงได้เท่าภาพตรงหน้ามาก่อน ในที่สุดหวังเหว่ยก็เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่เทคโนโลยีนำมาให้โลกใบนี้ และเข้าใจว่าเทคโนโลยีมีความหมายอะไรต่ออนาคต
ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังเข้าใจว่าทำไมลู่โจวถึงบอกว่าปัญหาของเขาไม่ได้เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย
เขาเริ่มจินตนาการภาพรถลำเลียงสินค้าเดินทางไปรอบศูนย์โลจิสติกส์ ภาพกลุ่มโดรนไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยระบบเอไอขนย้ายสินค้าจากเครื่องบินหรือรถบรรทุกคันใหญ่ไปยังรถบรรทุกที่ใช้ในโลจิสติกส์ จากนั้นโดรนขนส่งจะรับผิดชอบการส่งสินค้าถึงบ้านลูกค้า พัสดุจะถูกส่งตรงไปที่ระเบียงหรือจุดรับของที่บ้านลูกค้าโดยตรง
หวังเหว่ยกลืนน้ำลาย เขาพูดด้วยความตื่นเต้นว่า
“ระบบนี้ราคาเท่าไรเหรอ…คร่าวๆ น่ะ? ”
“ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าครับ” ลู่โจวมองโดรนที่เคลื่อนที่ผ่านตัวโรงงานไปแล้วเอ่ยว่า “พวกเรามีมาตรฐานอยู่สองแบบ แบบแรกสำหรับเจ้าของธุรกิจเล็ก และอีกแบบสำหรับเจ้าของธุรกิจใหญ่ ดีไซน์ของแบบธุรกิจเล็กจะโฟกัสไปที่การปรับโลจิสติกส์ลิงก์ระหว่างวัตถุดิบกับตัวเอาต์พุตของผลผลิตที่เสร็จแล้ว ส่วนดีไซน์ของแบบธุรกิจใหญ่ก็เน้นหลักๆ ไปที่การปรับโลจิสติกส์ลิงก์ในสายการผลิต”
“อันที่จริงๆ หลังจากที่ได้ยินเรื่องปัญหาของคุณแล้ว ผมก็คิดว่าทั้งสองดีไซน์นี้ไม่มีแบบไหนที่เหมาะกับคุณเลย สิ่งที่คุณต้องการน่าจะเป็นระบบโลจิสติกส์ที่เน้นไปที่บริการขนส่งสินค้าในพื้นที่ประชากรหนาแน่นเสียมากกว่า”
หวังเหว่ยพยักหน้า
“คุณพูดถูกแล้ว”
“เป้าหมายระยะยาวของเครือข่ายโลจิสติกส์อัจฉริยะนี้คือเพื่อผสมผสานระบบอัตโนมัติและเอไอเข้ากับเครือข่ายการกระจายสินค้าโลจิสติกส์ทั้งหมด เหมือนกับที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้นั่นแหละ เริ่มด้วยรถคันใหญ่วิ่งบนถนนเส้นยาว จากนั้นพัสดุก็จะส่งไปให้ลูกค้าผ่านการใช้โดรน แล้วโดรนก็จะบินกลับไปที่ฟาร์มเปลี่ยนโดรน และโดรนสำรองที่มีเผื่อไว้ก็จะเข้าไปช่วยรถโลจิสติกส์พวกนี้อีกที”
อันที่จริงแล้วแผนการใช้โดรนขนส่งนี้ก็เป็นเหมือนกับในงานวิจัยที่ลู่โจวเคยตีพิมพ์เมื่อเก้าปีก่อน แต่มันไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เลย มีปัญหามากมายที่ต้องแก้
อย่างเรื่องการคำนวณเส้นทาง UAV แบบสดๆ ณ ตอนนั้น เรื่องวิธีหาเส้นทางขนส่งสินค้าที่ปลอดภัยที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย นี่อาจจะฟังดูไม่ซับซ้อนอะไร แต่จริงๆ แล้วมันค่อนข้างจะเป็นปัญหาที่ยากเลยทีเดียว
อย่างแรกเลยก็คือเส้นทางของโดรนพวกนี้ไม่ใช่ระนาบ 2 มิติ แต่เป็น 3 มิติ อย่างที่สองคือการขนส่งจำนวนมากทำให้ปัญหานี้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
อย่างในปักกิ่ง จำนวนพัสดุที่ต้องขนส่งในหนึ่งปีจะอยู่ที่ราวๆ สองพันสองร้อยล้านกล่อง พอหารเอาก็ตกเป็นพัสดุจำนวนหลายกล่องต่อวัน เครือข่ายโลจิสติกส์ทั้งหมดจะต้องใช้โดรนจำนวนหลักหมื่นในการใช้งาน แผนการกระจายสินค้าและเส้นทางการเดินทางของโดรนจะต้องถูกคำนวณโดยคอมพิวเตอร์
และดูเหมือนจะมีเพียงแค่สตาร์โวยาจวันเท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหวังเหว่ยแล้ว ลู่โจวก็คิดแป๊บหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “อันที่จริงคุณจะลองคิดเรื่องการให้พวกเราเป็นเอาต์ซอร์ซเครือข่ายโลจิสติกส์อัจฉริยะก็ได้นะครับ ที่ว่านี่รวมถึงโดรนที่ใช้ในลิงก์การกระจายสินค้าและฟาร์มเปลี่ยนโดรนด้วย พวกเรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่สามารถทำงานนี้ได้ และการแก้ปัญหาเป็นทีมก็ง่ายกว่าการต้องแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวแบบที่คุณกำลังเผชิญอยู่”
หวังเหว่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เขามีท่าทีลังเล
“นี่…ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุด ใช่ไหม? พวกเราเป็นคู่ค้าทางธุรกิจในด้านอุปกรณ์อย่างโดรนและรถโลจิสติกส์กันอยู่แล้ว พวกเรายังเซ็นสัญญาความร่วมมือทางกลยุทธ์ในระยะยาวไว้ด้วย ถ้าเป็นไปได้ผมหวังว่าคุณจะช่วยพิจารณาทำคำขอของพวกเราให้เป็นจริง และพุ่งความสนใจไปที่การออกแบบเครือข่ายโลจิสติกส์อัจฉริยะ ตอนนี้พวกเราค่อนข้างพอใจกับผลผลิตที่พวกคุณมอบให้เรา ดังนั้นจึงยังไม่มีแผนจะเปลี่ยนผู้ให้การผลิตในตอนนี้นะครับ”
การเปลี่ยนผู้ให้การผลิตไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
มันมีปัญหามากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง
สำหรับบริษัทสเกลใหญ่อย่างซุนเฟิงแล้วมันอาจจะกระทบกับทั้งธุรกิจเลยก็ได้ แม้กระทั่งความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในระบบลิงก์กระจายสินค้าทางโลจิสติกส์ก็สามารถสร้างผลกระทบที่ไม่อาจคาดการณ์ได้กับปฏิบัติการในปัจจุบัน
อย่างน้อยที่สุดก็คือการเปลี่ยนแปลงคู่ค้าทางธุรกิจจะต้องมีการประชุมกันภายในบริษัทก่อน เขายังไม่สามารถตอบตกลงกับข้อเสนอของลู่โจวได้ในตอนนี้
สิ่งที่ทำให้หวังเหว่ยลังเลเป็นเพราะว่าซุนเฟิงลงเงินไปกับโปรเจกต์นี้เป็นจำนวนมาก ถ้าเขาลงเอยด้วยการหาเอาต์ซอร์ซมาช่วยในโปรเจกต์เพียงเพราะเกิดปัญหาภาวะคอขวดแล้วล่ะก็เขาจะรู้สึกว่าเงินที่ลงทุนไปก่อนหน้านั้นเป็นการเสียเปล่าไป เคสนี้เป็นเคสตัวอย่างทั่วไปของอคติต้นทุนจม[1]
อีกอย่างซุนเฟิงก็เป็นบริษัทใหญ่ที่มีคุณค่าทางตลาดอยู่ในหลักแสนล้านหยวน การให้คนอื่นมาเป็นเอาต์ซอร์ซในคีย์เทคโนโลยีทำให้หวังเหว่ยรู้สึก ‘ไม่ปลอดภัย’
ลู่โจวรู้ดีว่าหวังเหว่ยกำลังคิดอะไร เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดออกมาว่า
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมองปัญหานี้อย่างไรนะครับ ตัวอุตสาหกรรมก็ได้รับผลกระทบจากการประหยัดต่อขนาด [2]เรื่องนี้ ถ้าเป็นกับการวิจัยแล้วก็ไม่ต่างกัน การปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญรับมือกับงานเฉพาะทางจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำด้วยตัวเองนะครับ ผมจะไม่บีบบังคับให้คุณเอามาตรฐานของพวกเราไปใช้หรอกนะ แต่ในฐานะนักวิชาการแล้วผมก็แค่พยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้คุณเฉยๆ ”
หวังเหว่ยยังคงลังเลในขณะที่พูดตอบไปว่า “พวกคุณยังผลิตโดรนและรถโลจิสติกส์อยู่ไหม? ”
ลู่โจวถาม “คุณกำลังกังวลเรื่องกำลังการผลิตของพวกเราเหรอ? ”
หวังเหว่ยไม่ได้พูดอะไร
ลู่โจวยิ้มแล้วพูด
“จริงๆ แล้วพวกเราไม่มีโรงงานและสายการผลิตสำหรับโดรนและรถโลจิสติกส์หรอกนะครับ แต่พวกเราอยู่ในยุคของการผลิตอัจฉริยะกันแล้ว เรื่องนั้นจริงไม่เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย”
เมื่อเห็นว่าหวังเหว่ยก็ยังไม่เข้าใจที่เขาพูดอยู่ดี ลู่โจวจึงอธิบายเพิ่มเติมว่า
“ถ้าคุณมีข้อสงสัย ผมสามารถโชว์อะไรบางอย่างให้คุณดูได้นะ”
เขาหยิบแท็บเล็ตมาจากผู้ช่วยของเขา จากนั้นก็ยื่นมันให้ซีอีโอหวัง
หวังเหว่ยยังคงยืนงงในขณะที่จ้องไปที่แท็บเล็ต ลู่โจวพูดขึ้น
“คุณสามารถเลือกพารามิเตอร์ผลผลิตได้ตามต้องการจากนั้นก็อัปโหลดความต้องการของคุณลงในเซิร์ฟเวอร์ แล้วพวกเราจะทำตามที่คุณต้องการให้ออกมาดีที่สุด กระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง พวกเราเลยต้องรอกันสักหน่อย”
“พวกเราจะไปหาอาหารกลางวันกินสักหน่อย แล้วค่อยกลับมาก็ได้ครับ”
…………………………
[1] อคติทางจิตวิทยาที่คนสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและนำมาชี้นำการตัดสินใจในอนาคต ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในอดีตนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับการเหตุการณ์ในอนาคตเลย
[2] การผลิตสินค้าในจำนวนที่มากพอจะทำให้ได้เปรียบในด้านต้นทุน จากการที่ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลงเมื่อผลิตสินค้าออกมามากขึ้น จากการที่ใช้ต้นทุนคงที่ได้คุ้มค่ามากขึ้น