Scholar’s Advanced Technological System - ตอนที่ 107 ผู้ชนะได้ไปทั้งหมด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็กลางเดือนธันวาแล้ว สอบไฟนอลวิชาต่างๆ ก็รุมเร้าเหล่านักศึกษา แม้แต่นักศึกษาที่ขี้เกียจก็เริ่มเรียนภายใต้แรงกดดันของการสอบ พวกเขายืมสมุดและดาวน์โหลดสไลด์พาวเวอร์พอยนต์พร้อมกับสวดภาวนาให้ตนเองสอบผ่าน
ทั้งนักศึกษาที่ไม่ได้เรื่องทั้งอัจฉริยะต่างก็ยุ่งที่สุดในช่วงนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าคนที่เรียนเอกคณิต พวกเขากระทั่งเก็บคณิตศาสตร์ไปฝัน
นี่เป็นเหตุผลที่ผู้คนกล่าวกันว่า…
“ถ้าคุณเลือกคณะดี ปลายปีก็เหมือนกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย”
และในที่สุดก็ถึงวันสอบ
วิชาแรกคือการสอบสมการเชิงอนุพันธ์สามัญที่สอนโดยหลิวเซี่ยงผิง
ตัดสินจากหัวข้อการบรรยายไม่กี่ครั้งก่อน ทุกคนก็เดาได้ว่าการสอบนี้ไม่ใช่ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ได้กังวลนัก
เขาเรียนมาตลอดทั้งเทอม และเขาก็มั่นใจในความสามารถทางคณิตศาสตร์ของตน เขาเดินเข้าห้องสอบแล้วทำข้อสอบเสร็จในครึ่งชั่วโมง
เดิมทีลู่โจวคิดว่าศาสตราจารย์หลิวเซี่ยงผิงจะจงใจให้เขาแก้โจทย์ยากๆ อย่างไรก็ตามเขาแปลกใจที่เห็นว่าข้อสอบมีแต่โจทย์พื้นฐานเท่านั้น ใครที่ตั้งใจเรียนในคลาสก็จะทำคะแนนสอบได้ดี
เขาอ่านหนังสือมาทั้งเล่มแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
บางที…
ศาสตราจารย์คงอยากให้เรามีช่วงปีใหม่ดีๆใช่ไหม?
หลังจากลู่โจวออกจากห้องสอบ เขาก็กำลังจะไปห้องสมุด อย่างไรก็ตามเขาเดินไปได้ไม่ไกลจากห้องสอบนัก เขาก็บังเอิญเจอกับศาสตราจารย์หลิว
ลู่โจวมองดูเข็มกลัดของนักศึกษาปริญญาโททั้งสองที่อยู่หลังศาสตราจารย์แล้วรู้ว่านักศึกษาทั้งสองเป็นคนคุมห้องสอบ ทำไมศาสตราจารย์ถึงมาที่นี่ล่ะ? ปกตินักศึกษาปริญญาโทจะรับผิดชอบในการคุมห้องสอบ
มารับหน้าที่นี้ดูไม่เหมือนศาสตราจารย์หลิวเลย
“โอ้ เธอสอบเสร็จแล้ว? เธอไม่อยากตรวจทานอีกสักรอบเหรอ?” ศาสตราจารย์หลิวถามแล้วยิ้มขณะมองลู่โจว
ลู่โจวตอบอย่างเขินๆ “มันมีแต่คำถามพื้นฐาน ไม่จำเป็นต้องตรวจทานเลย”
“โอ้ พื้นฐานเหรอ?” ศาสตราจารย์หลิวถาม เขายิ้มแล้วกล่าว “เอาล่ะ อาจารย์จะตรวจข้อสอบเธอเอง ถ้าเธอไม่ได้เต็ม อาจารย์จะหักคะแนนเข้าเรียนยี่สิบเปอร์เซ็นต์
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลู่โจวก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้กังวลนัก เขาสามารถแก้ข้อคาดการณ์ระดับโลก ไม่มีทางเลยที่เขาจะทำผิดในข้อสอบง่ายๆแบบนี้
“เอาล่ะๆ อาจารย์คุยต่อไม่ได้แล้ว อาจารย์มีเรื่องต้องทำให้คณบดี เขาบอกให้เธอไปที่ห้องแล็บ” ศาสตราจารย์หลิวกล่าว เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “คนหนุ่ม ไม่เลวเลย เธอได้ทำโปรเจกต์วิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้ว”
“ผมแค่ช่วยเฉยๆ” ลู่โจวกล่าวแล้วยิ้มอย่างถ่อมตน
“เอาล่ะๆ เลิกแสร้งถ่อมตัวได้แล้ว อาจารย์รู้ว่าเธอเหมาะกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เธอแข่งแบบจำลองทางคณิตศาสตร์แล้ว อาจารย์อ่านวิทยานิพนธ์ล่าสุดของเธอแล้ว มันน่าสนใจ ใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่อาจารย์รับนักศึกษาปริญญาโท มีไม่มากนักที่ตรงตามเกณฑ์”
ศาสตราจารย์หลิวยิ้มแล้วกล่าวต่อ “เธอจบการศึกษาก่อนแล้วมาเรียนปริญญาโทกับอาจารย์ไหม? ระดับของเธอสูงพอปริญญาเอกแล้ว เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้?”
“เอ่อ…ขอโทษครับศาสตราจารย์หลิว ผมยังให้คำตอบไม่ได้ ผมยังไม่ได้คิดเลยว่าผมอยากจะลงวิชาไหน” ลู่โจวกล่าว เขากระแอมแล้วยิ้มอย่างอายๆ
นักศึกษาปริญญาโทที่ยืนอยู่หลังศาสตราจารย์มีสีหน้าโง่งม อย่างไรก็ตามลึกลงไปในใจ เขารู้สึกโกรธ
ทำไมศาสตราจารย์ถึงชอบแกขนาดนี้? ทำไมแกไม่ตอบให้ชัดเจนไปเลยล่ะ? บัดซบ!
แกก็รู้ว่าแกโชคดีแค่ไหน…
เขาอยากจะก่นด่าลู่โจว
…..
บังเอิญ ห่างออกไปหลายร้อยกิโลในมหาวิทยาลัยจื่อ ผู้คนมากมายอยากจะก่นด่าสาปแช่งเช่นกัน
เมื่อวานโปรเจกต์วิจัยที่เกี่ยวกับวัสดุคอมโพสิตซีเมนต์เบสที่ดัดแปลงจากคาร์บอนนาโนทิวป์ ที่วิจัยโดยสถาบันวิจัยวัสดุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจินหลิงก็ได้ส่งมา
ยี่สิบนาทีก่อน หัวหน้าโปรเจกต์หยูหงคังได้ประกาศข่าวหนึ่ง ทีมวิจัยของพวกเขาก็ศึกษาวัสดุคอมโพสิตซีเมนต์เบสที่ดัดแปลงจากคาร์บอนนาโนทิวป์เช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นข่าวร้ายสำหรับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่หมายความว่างานวิจัยเกือบครึ่งปีของพวกเขานั้นสูญเปล่า
ตัวอย่างการทดสอบเชิงกลของพวกเขาพึ่งเสร็จ อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีใครอยากได้การวิเคราะห์ข้อมูลฟูเรียร์อินฟราเรดสเปกตรัมแล้ว
มันเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการแล้ว
เพื่อลดการขาดทุน พวกเขาจึงต้องใช้งานวิจัยที่มีอยู่เพื่อหาข้อสรุปบางอย่าง
ศาสตราจารย์หยูหงคังให้ทุกคนในทีมโปรเจกต์หยุดพักผ่อน แต่ไม่มีใครออกจากห้องแล็บ
ชายคนนึงก้มหัวลงแล้วกล่าว “ผมขอโทษ…”
ชื่อของเขาคือหวังเช่อ เขาเป็นนักศึกษาปริญญาโทจากวัสดุศาสตร์และวิศวกรรม เขามีปริญญาตรีสองใบ คณิตศาสตร์ประยุกต์และเคมีวัสดุ เขาถือว่าเป็นยอดอัจฉริยะคนหนึ่งเลยทีเดียว
สำหรับการเรียนปริญญาโทของเขา เขาเลือกวัสดุศาสตร์การคำนวณขั้นสูงมากกว่าทิศทางหลักของตน หลังจากเข้าทีมวิจัยหยูหงคัง เขาก็ได้รับความเคารพในกลุ่มวิจัยอย่างรวดเร็วด้วยพรสวรรค์ทางคณิตศาสตร์
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ เขาก็ทำพลาด
แม้ว่าเขาจะใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์เพื่อวิเคราะห์ฟูเรียร์อินฟราเรดเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้ผลลัพธ์อะไรเลย ดังนั้นเขาจึงพลาดเบาะแสที่ไม่ควรพลาด…ไม่มีใครตำหนิเขา แต่เขาตำหนิตัวเอง
ศาสตราจารย์หยูส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ มหาวิทยาลัยจินหลิงนำเราในการวิจัยนี้ ครั้งก่อนสมาคมวัสดุศาสตร์จีนได้จัดประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่หางโจว ฉันได้พบกับศาสตราจารย์หลี่หรงเอินที่การประชุมและได้แลกเปลี่ยนคำพูดกับเขา ย้อนกลับไปตอนนั้นฉันก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแล้ว”
ตอนนี้ดูเหมือนความรู้สึกเขาจะถูกต้อง
บางทีเขาไม่ควรไปแข่งกับมหาวิทยาลัยจินหลิง เขาไม่ได้เข้มแข็งในสาขานี้
พวกเขาแพ้เพราะหวังเช่อคนเดียวงั้นเหรอ?
มันเป็นไปไม่ได้
มหาวิทยาลัยดีๆทั้งหมดมีทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์ชั้นยอด และไม่มีใครในทีมที่ไร้ความสามารถ นี่รวมไปถึงหวังเช่อด้วย
ถ้าศาสตราจารย์หยูได้เห็นวิทยานิพนธ์นี้เมื่อสองเดือนก่อน บางทีตอนนี้สถานการณ์คงต่างไปใช่ไหม?
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ได้รับข้อมูลที่คล้ายกันเช่นกัน มหาวิทยาลัยจินหลิงแข็งแกร่งกว่าพวกเขา แต่ก็ไม่ได้มากนัก บางทีมันอาจเป็นพวกเขาที่ประสบความสำเร็จก็ได้…
หยูหงคังถอนหายใจอยู่ในใจ
มหาวิทยาลัยจินหลิงมีอัจฉริยะ!
ขอแค่อัจฉริยะคนนี้อยู่ที่มหาวิทยาลัยจื่อล่ะก็…
………………………………..