Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1480 สัญญาณศึกสุดท้าย
ไม่ใช่แค่ลูกเรือบนเรือแกลลอปเท่านั้น แต่คนอื่นๆ ที่อยู่บนท่าเรือก็มองเห็นกองทัพเรือที่น่าเหลือเชื่อนี้ด้วย
บริเวณท่าเรือเงียบจนน่ากลัวขึ้นมาทันที
ถ้าไม่เป็นเพราะธงที่อยู่บนยอดเสากระโดงเป็นธงของเกรย์คาสเซิล แล้วบนเรือก็มีคนกำลังโบกมือมาทางพวกเขาอยู่ เกรงว่าทุกคนคงจะรีบทิ้งของในมือแล้ววิ่งหนีไปแน่นอน!
ต่อให้เป็นเรือผีในตำนานก็ยังปรากฏตัวแค่ในทะเลหมอกที่ห่างไกล มีอย่างที่ไหนที่จะปรากฏตัวออกมาต่อหน้าทุกคนตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้?
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ประตูที่น่าเหลือเชื่อนั้นถึงจะหายไป บนทะเลเรือเพียงภาพกองทัพเรือที่ค่อยๆ ลอยห่างออกไป
ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่นอนว่าจู่ๆ พวกมันจะปรากฏขึ้นมาบนทะเลที่ว่างเปล่า
“เอาล่ะๆ ไปทำงานได้แล้ว!”
“หัวหน้า นั่นมัน…”
“กองทัพเรือลับของฝ่าบาท พวกเรารู้ให้หน่อยจะดีกว่า!”
หลังไล่พวกลูกเรือให้กลับไปทำงานแล้ว ไวท์จึงแอบเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
เขาตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะคุยโวให้น้อยลง เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ขึ้นมา — ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยแอบรู้สึกแบบนี้มาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้เขามั่นใจในความคิดของตัวเอง นั่นคือราชาแห่งเกรย์คาสเซิลได้เปลี่ยนโลกนี้จนแตกต่างไปจากโลกเดิมที่เขาเคยรู้จักแล้ว
….
ภายใต้ความช่วยเหลือของสกายลอร์ด เกรย์คาสเซิลได้ทำการเคลื่อนย้ายกำลังพลขึ้นไปทางเหนือของสันหลังแห่งทวีปด้วยความเร็วอันน่าตกใจ ภายในเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งสัปดาห์ก็มีกำลังพลกว่าแสนคนเคลื่อนย้ายขึ้นไปยังอีกฝั่งของทวีปแล้ว ในนั้นมีกำลังทหารธรรมดาอยู่ประมาณสองหมื่นคน อาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงเพียงพอให้ใช้ไปอีกประมาณหนึ่งเดือน
ในไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เลย เพื่อที่จะทำให้การใช้งานประตูมิติมีประสิทธิภาพมากที่สุด ขวานเหล็กจึงได้เดินทางมาเตรียมงานต่างๆ ล่วงหน้าที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ด้วยตัวเอง เครื่องบินทิ้งระเบิดคุนเผิงได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นเครื่องบินขนส่งเพื่อให้อกาธาใช้ทำการขนเอาหมอกแดงมาเก็บไว้ในหอเก็บหมอกแดงที่พวกปีศาจสร้างเอาไว้ในอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ลและวูล์ฟฮาร์ท
ขณะเดียวกันคนอื่นๆ อย่างสเปียร์และลีฟต่างก็เดินทางมาด้วยเพื่อช่วยเพิ่มพลังเวทมนตร์ให้กับเฮคซอดในการเปิดประตูมิติจนมันแทบไม่มีเวลาได้พักหายใจ ประตูมิติที่เปิดอย่างต่อเนื่อง บวกกับความสามารถในการบริหารงานอันแข็งแกร่งของสำนักบริหาร จึงทำให้เคลื่อนกำลังพลข้ามทวีปครั้งนี้สำเร็จอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ทหารจำนวนมากจะรู้สึกตกใจกับสกายลอร์ดและปีศาจที่อยู่ในอุโมงค์สันหลังของทวีป แต่การนำทัพของขวานเหล็กก็ทำให้คำถามเหล่านี้ไม่กลายเป็นปัญหา ภายในกองทัพค่อยๆ มีคำพูดที่ว่า ‘ปีศาจได้ยอมแพ้และประกาศสวามิภักดิ์ต่อราชาแห่งเกรย์คาสเซิล’ ดังขึ้นมา แน่นอน…เฮคซอดที่ได้รับแจ้งเรื่องนี้จึงได้แต่ต้องทำเป็นไม่เห็นและเก็บความอึดอัดนั้นเอาไว้ในใจ
วันที่สิบเก้าหลังโรแลนด์สลบไป
แนวหน้าได้เตรียมพร้อมที่จะบุกโจมตีเกาะแห่งหมอกแล้ว
ภายในทีมที่ปรึกษา เจ้าหน้าที่ระดับสูงกำลังทำการจำลองกาารรบอยู่
“อันดับแรก ไลต์นิ่งจะยิงกระสุนสัญญาณขึ้นบนท้องฟ้าของพื้นทีเป้าหมายเพื่อระบุทิศทางให้กับเลดี้เอเลนอร์ จากนั้นก็ให้เกาะลอยฟ้าเปิดทางบุกเข้าไปในพื้นที่เป้าหมายจากทางตะวันตก
เอดิสธ์เอาโมเดลเกาะลอยฟ้าวางลงไปทางตะวันตกของแผนที่ “ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน ด้วยขนาดของเกาะลอยฟ้าแล้ว พวกอาณาจักรซีสกายจะต้องเห็นมันแน่”
“แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ พวกมันก็ไม่มีวิธีอะไรที่จะมาหยุดเราได้” เฮคซอดพูดอย่างมั่นใจ “ในตอนแรกพระผู้สร้างถูกออกแบบมาเพื่อใช้รับมือกับรังแม่ของอาณาจักรซีสกายโดยเฉพาะ ถึงแม้เกาะนี้จะเล็กไม่หน่อย แต่ถึงยังไงมันก็ยังเป็นพระผู้สร้างอยู่ ขอเพียงไม่บินข้ามไปบนทะเล ศัตรูก็ทำได้เพียงมองดูเราจากในน้ำ กระสุนกรดที่รังแม่พวกนั้นยิงออกมา อย่างมากก็แค่ทิ้งรอยไหม้ดำๆ เอาไว้บนก้อนหิน”
“ในช่วงนี้ศัตรูจะสร้างปัญหาให้เราไม่ได้มากนัก หน้าที่หลักของอัศวินอากาศคือกำราบศัตรู และเคลียร์พื้นที่ขึ้นมาโดยใช้บอทธ่อมเลสแลนด์เป็นจุดศูนย์กลาง” เฟร์ราน ชิลต์เอาไว้ไม้บรรทัดอันหนึ่งวางพาดไปตรงกึ่งกลางเกาะ “องค์หญิงทิลลี ตรงนี้ต้องฝากพระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ทิลลีพยักหน้า
“หลังจากที่ความสนใจของศัตรู์ถูกดึงมาอยู่ที่เกาะลอยฟ้าแล้ว กองทัพที่หนึ่งก็จะขึ้นฝั่งมาจากทางด้านเหนือแล้วค่อยๆ รุกคืบลงมาทางใต้ — เป้าหมายของกองทัพที่หนึ่งคือกำจัดศัตรูที่เหลือทั้งหมด แล้วยึดครองพื้นที่รอบๆ บอทธ่อมเลสแลนด์เพื่อยื้อเวลาให้ฝ่าบาทอันนาได้หาทางเข้าไปในดินแดนของพระเจ้า” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงตรงนี้ “จากที่โจนบอกเล่ามา บนเกาะมีคนนำทางที่เรียกตัวเองว่าผู้เฝ้ามองอยู่ บางทีนางอาจจะเปิดทางเข้าไปสู่โลกแห่งจิตสำนึกให้พวกเราได้”
“ข้าจำได้ว่าข้าเคยบอกพวกเจ้าไปแล้ว ผู้เฝ้ามองคนนั้นมันถูกข้าฆ่าไปแล้ว” เฮคซอดพูดเตือน
“ถูกต้อง แต่พวกเราลองเอาข้อมูลมาเทียบดูแล้ว พวกเราคิดว่านางไม่น่าจะตายง่ายๆ แบบนั้น” เอดิธส์พูดพร้อมผายมืออย่างไม่สนใจ “คนที่เจ้าเห็นคือผู้ยกระดับของเผ่าพันธุ์เจ้า ส่วนคนที่โจนเห็นคือมนุษย์ผู้หญิง ความจริงแล้วนางอาจจะเป็นเพียงภาพลวงตา หรือไม่ก็มีอยู่หลายคนก็ได้ เมื่อคิดถึงว่าบนเกาะนั้นไม่มีร่องรอยของมนุษย์อยู่เลย การที่นางอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาหลายพันปีได้มันจะต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ แน่”
“แต่ว่า…คนๆ นี้จะพาพวกเราเข้าไปในดินแดนของพระเจ้าจริงๆ เหรอ?” เวนดี้ถามอย่างกังวล
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที
ความจริงแล้วครึ่งหลังของแผนการนี้ไม่มีข้อมูลอะไรที่น่าเชื่อถือเลย เพราะปากทางเข้าที่ว่านี้จะมีอยู่จริงหรือเปล่าก็ยังไม่อาจรู้ได้ ไนติงเกลเคยเล่าเรื่องที่โรแลนด์ไปเจอมาในโลกแห่งความฝันให้ทุกคนฟัง และนั่นก็เป็นเบาะแสที่พวกเขามีอยู่ในมืออยู่ในตอนนี้ แต่เนื้อหาเหล่านั้นมันเข้าใจยากเกินไป แม้แต่อันนาเองก็ยังไม่ค่อยรู้ว่าข้อมูลตรงไหนที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้
สิ่งเดียวที่สามารถมั่นใจได้ในตอนนี้ก็คือผู้เฝ้ามองจะนำพาแค่เผ่าพันธุ์ที่มีชิ้นส่วนที่สืบทอดที่สมบูรณ์ไปเปิด ‘เส้นทางสู่สวรรค์’ ส่วนโรแลนด์อยู่ในข่ายที่เธอจะนำทางให้หรือเปล่านั้นก็ยังไม่อาจรู้ได้
“ถ้าไม่ลองดู คำถามนี้ก็ไม่มีวันจะได้รับคำตอบ” อันนาพูดอย่างหนักแน่น
คำตอบที่หนักแน่นนี่ทำให้ทุกคนผ่อนคลายขึ้น ราวกับภายในใจมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาทันที
“ข้าจำเป็นต้องเตือนพวกเจ้าหน่อยนะ มนุษย์” จู่ๆ ไซเลนท์ก็พูดขึ้นมา “สงครามครั้งนี้ไม่เหมือนกับสงครามที่พวกเจ้าเคยเจอมา มันไม่ใช่การก้าวไปข้างหน้าแบบทีละก้าวๆ ทันทีที่เปิดฉากปะทะกับอาณาจักรซีสกาย แผนการหลังจากนั้นจำเป็นต้องปฏิบัติตามในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าพวกเจ้าคิดจะทำอะไร ก็ต้องทำให้เร็วที่สุด”
“หรือก็คือพวกเราไม่มีเวลาที่จะตั้งค่ายแล้วค่อยๆ สำรวจเส้นทางบนเกาะใช่ไหม?” เอดิธส์เลิกคิ้ว
“เชื่อที่มันบอกเถอะ” เฮคซอดยักไหล่ “ในช่วงเวลาร้อยกว่าปีมานี้ เซโรเชสส่วนใหญ่สู้อยู่กับพวกอาณาจักรซีสกาย มันน่าจะเป็นคนที่รู้จักศัตรูดีที่สุดในนี้แล้ว”
“เจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้น…มันเยอะขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?” เฟร์รานอดถามขึ้นมาไม่ได้
“เยอะจนพวกเจ้าจินตนาการไม่ถึงเลยล่ะ” น้ำเสียงของสกายลอร์ดจริงจังขึ้นมาไม่น้อย “ในตอนที่พวกมันแห่เข้ามา ทะเลกลายเป็นเหมือนน้ำหมึกข้นๆ ตอนนี้แบล็คสโตนตกอยู่ในมือของอาณาจักรซีสกายแล้ว ตอนนี้จึงไม่มีอุปสรรคที่จะมาขวางพวกมันกับบอทธ่อมเลสแลนด์อีก การจะอาศัยคนเพียงเท่านี้ในการคุ้มกันเกาะเอาไว้นั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย ถ้าไม่มีกองหนุนคอยช่วยเหลือล่ะก็ ช้าเร็วก็ต้องเสียเกาะไปให้พวกมันแน่”
“พวกเราก็ไม่ได้คิดที่จะอยู่บนนั้นนานหรอก” สุดท้ายอันนาจึงพูดหยุดการถกเถียงขึ้นมา “เกาะลอยฟ้าจะดึงดูดความสนใจจากศัตรูและคอยให้การโจมตีสนับสนุน กองทัพที่หนึ่งจะเข้ายึดเขตบอทธ่อมเลสแลนด์อย่างรวดเร็วโดยใช้ประตูมิติ ขณะเดียวกันก็ค้นหาร่องรอยของผู้เฝ้ามองด้วย ส่วนหลังจากนี้จะจัดการอย่างไรก็ต้องดูการตอบโต้ของศัตรู ข้าเข้าใจถูกไหม?”
“ใช่เพคะ ฝ่าบาท” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือเอามือขึ้นมาทาบอก
“อย่างนั้นอีกสองวันหลังจากนี้ออกเดินทางได้!” อันนาสั่งการ “ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องพาโรแลนด์ไปที่บอทธ่อมเลสแลนด์ — นี่เป็นวิธีเดียวที่อาจจะหยุดสงครามแห่งโชคชะตาได้!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” ทุกคนตอบรับพร้อมกัน
…………………………………………………………….