Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1498 เส้นทางใหม่
“นี่เป็นรายชื่อคนกลุ่มแรกที่จะเข้าร่วมการถ่ายโอนจิตสำนึก” เฟยอวี่หานยื่นรายงานฉบับหนึ่งให้โรแลนด์ “ถึงแม้นายจะเคยบอกเอาไว้แล้วว่าไม่ต้องมาความเห็นจากนายแล้ว แต่ทางคุณร็อคเขายังยืนกรานจะให้นายดูก่อน”
“ในเมื่อเขาไม่สบายใจ อย่างนั้นก็ได้” โรแลนด์พลิกดูรายงานอย่างจนปัญญา ก่อนจะกวาดตาดูรายชื่ออย่างรวดเร็ว —- ชื่อที่คุ้นเคยปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา ชื่อของเฟยอวี่หานอยู่ในอันดับแรก นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร เธอได้แสดงความปรารถนาที่จะดูอีกโลกหนึ่งมานานแล้ว แผนการเกตเวย์ใหม่นี้ได้เติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นของเธอพอดี
ส่วนชื่อที่อยู่ถัดลงมา เขามองเห็นชื่อการ์เซียและซีโร่
อย่างนี้นี่เอง….นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ผู้คุมร็อคอยากจะให้เขาดูรายชื่อก่อนล่ะมั้ง
“บอกตามตรง ฉันก็กังวลใจอยู่เหมือนกัน” เฟยอวี่หานพูดตรงๆ “ก่อนหน้านี้นายเคยบอกว่าพวกเธอเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้โลกแห่งความฝันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนที่ถ่ายโอนจิตสำนึกเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา หรือไม่ก็พวกเธอกลับไปเป็นเหมือนอย่างในอดีต โลกของพวกเรามันยังจะเป็นอย่างนี้อยู่หรือเปล่า?”
“แน่นอน” โรแลนด์ยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันก็พูดยาก แต่ตอนนี้โลกแห่งความฝันเป็นส่วนหนึ่งของเปลแล้ว ขอเพียงฉันยังอยู่ โลกนี้ก็จะคงอยู่ต่อไป”
ในตอนที่เขาเล่าเรื่องเฮอร์มีสกับสงครามแย่งชิงบัลลังก์ให้ทั้งสองคนนั้นฟัง เขาก็คิดอยู่แล้วว่ามันต้องมีวันนี้
ถึงแม้พวกเธอจะมีชีวิตใหม่อยู่ในโลกแห่งจิตสำนึก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องปิดบังอดีตของพวกเธอเอาไว้ไม่ให้พวกเธอรู้
เขาเองก็รู้สึกสงสัยอย่างมากเหมือนกันว่าทั้งสองคนจะใช้สายตาแบบไหนมองดูอีกโลกหนึ่ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ นั่นคือพวกเธอจะไม่กลับไปเป็นเหมือนอย่างเมื่อก่อนนี้แน่นอน
“อย่างนั้นฉันจะบอกผู้คุมร็อคตามนี้แล้วกัน” เฟยอวี่หานพยักหน้า
“เออใช่ ยังมีอีกเรื่องฝากเธอไปบอกเขาด้วย” โรแลนด์เรียกเธอเอาไว้ “ตอนนี้แผนการเกตเวย์เหลือขั้นตอนสุดท้ายอีกเพียงแค่ขั้นตอนเดียวเท่านั้น ฉันจะออกไปจากที่นี่สักพักหนึ่ง เรื่องหลังจากนี้ต้องฝากพวกเธอด้วยนะ”
“คงไม่ใช่ว่านายคิดจะทิ้งหน้าที่แล้วแอบไปเสวยสุขกับการเป็นพระเจ้าหรอกนะ” ผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังมองดูเขาด้วยสายตาสงสัย
“ใช่ที่ไหนเล่า!” โรแลนด์กระแอมเล็กน้อย “ก็แค่หลังจากนี้ฉันไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไรแล้ว คลังความรู้ของเทคโนโลยีทั่วไปก็เปิดให้ทั้งสองโลกได้ใช้แล้ว แต่การจะใช้พลังเวทมนตร์อย่างไรมันก็ต้องให้พวกเธอไปเป็นคนศึกษาวิจัย”
นี่ไม่ใช่คำพูดลอยๆ
ถึงแม้ระบบศูนย์กลางจะมีการสำรองหน่วยความจำเอาไว้ แต่ส่วนที่ได้รับผลกระทบจากพลังเวทมนตร์นั้นมีแต่ส่วนที่เป็นหน่วยความจำหลักที่เป็นของผู้พิทักษ์ อันที่จริงพลังเวทมนตร์มันจะเกิดปฏิสัมพันธ์กับจิตสำนึกเท่านั้น ส่วนหน่วยความจำสำรองข้อมูลที่ไม่ได้เปิดใช้งานจึงเป็นแค่เครื่องจักรธรรมดาเท่านั้น นี่จึงทำให้โรแลนด์ไม่สามารถรับรู้และใช้พลังเวทมนตร์เหมือนอย่างผู้พิทักษ์ได้ สิ่งที่เขาใช้ได้ในตอนนี้นั้นมีแค่กฎเกณฑ์ที่อีกฝ่ายตั้งขึ้นมาเท่านั้น —- แต่เพียงแค่ทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เขาก็ต้องใช้เวลานับพันปีแล้ว
“ศึกษาอะไรล่ะ เรื่องแบบนี้ให้คนที่ฉลาดๆ ไปทำแล้วกัน” เฟยอวี่หานตบไหล่เขาอย่างผ่าเผย “แต่ฉันเชื่อว่า ในโลกทั้งสองจะต้องมีคนที่ยอดเยี่ยมปรากฏตัวขึ้นมาอย่างแน่นอน ก็เหมือนกับตอนที่ร่วมกันสู้กับพระเจ้าก่อนหน้านี้”
พอพูดจบเธอก็โบกมือแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้คุม
เธอกำลังจะบอกว่าตัวเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ตัวคนเดียวเหมือนอย่างผู้พิทักษ์อย่างนั้นเหรอ
ที่แท้เธอก็ให้กำลังใจคนอื่นเป็นเหมือนกันนะเนี่ย
โรแลนด์ส่ายหัวยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือไปหยิบเอาเครื่องดักฟังอันเล็กๆ ที่แอบติดอยู่ด้างล่างลิ้นชักอันหนึ่งออกมา
แต่อยากรู้อยากเห็นเกินไปหน่อยนะ
เมื่อเดินออกมาจากตึกของศูนย์พักฟื้น ด้านนอกมีผู้คนเดินไปเดินมา — หลังจากที่เข้ามาดูแลเปลต่อจากผู้พิทักษ์ เขาก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะฟื้นฟูการทำงานของโลกแห่งจิตสำนึกได้ ด้วยเหตุนี้สำหรับโลกแห่งความฝันแล้ว ความเสียหายที่เกิดจากสงครามแห่งการกัดกินยังคงหลงเหลืออยู่ ภายในสมาคมยังคงมีอะไรหลายเรื่องที่รอให้จัดการอยู่
ไม่ใช่ทุกคนที่นี่ที่จะรู้ความจริง — ในการหยุดชะงักอันยาวนานก่อนหน้านี้ไม่ได้ทิ้งความทรงจำใดๆ เอาไว้ให้กับคนที่นี่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะมีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร ถึงแม้จะมีคนที่หยุดฝีเท้าแล้วหันมาทำความเคารพเขา นั่นก็เป็นเพราะตราบนหน้าอกที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นสมาชิกระดับสูงของสมาคม สำหรับโรแลนด์แล้ว ความรู้สึกแบบนี้มันค่อนข้างแปลกไปเสียหน่อย
และในกลุ่มคนที่เดินไปเดินมา โรแลนด์มองเห็นคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง
ไนท์แมร์ลอร์ด วัลคีรีย์
“ข้าจะมาบอกลาเจ้า” เธอเดินมาหาเขา
“เจ้าเองก็คิดจะกลับไปเหรอ?”
“กลับไป?” เธอยักไหล่ “ไม่ ข้าจะอยู่ที่นี่”
โรแลนด์งุนงง “เดี๋ยวๆ แล้วเผ่าพันธุ์ของเจ้าจะทำยังไง?”
“มีสกายลอร์ดกับไซเลนท์ดิสแอสเตอร์คอยดูอยู่ บวกกับราชาที่เหลือ ข้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครก่อปัญหาก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายหรอก” วัลคีรีย์พูดอย่างเปิดเผย “ยิ่งไปกว่านั้นการที่ข้าอยู่ในโลกแห่งความฝันต่างหากถึงจะเป็นประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์มากที่สุด ร่างกายของข้าจะเชื่อมต่อกับมาเธอร์ออฟโซล แล้วกลายเป็นจักรพรรดิคนใหม่ — แต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดิก่อนหน้าที่แล้ว ครั้งนี้จิตสำนึกของมันจะไม่ใช่ของตัวมันเพียงคนเดียวอีกต่อไป หากแต่เป็นสิ่งที่ทุกคนจะเข้าถึงได้”
“เซโรเชสเห็นด้วยเหรอ?” โรแลนด์จำได้ว่าทั้งๆ ที่หมอกแดงอาจจะหมดลงได้ทุกเมื่อ แต่อีกฝ่ายนั้นคอยกลับตามอันนากับไนติงเกลไปยังก้นหลุมไม่ห่าง
“ไม่ใช่จากกันตลอดกาลซักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นเฮคซอดก็มีดินแดนเป็นของตัวเองแล้ว ทันทีที่การทดสอบอุปกรณ์ส่งสัญญาณประสบความสำเร็จ มันก็จะสามารถเข้ามาในโลกแห่งความฝันได้ทุกเมื่อ”
“เอาล่ะ” โรแลนด์เลิกคิ้วขึ้นมา “อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงมาบอกลาล่ะ?”
“เพราะคนที่จะจากไปไม่ใช่ข้า หากแต่เป็นเจ้า” วัลคีรีย์ทอดถอนใจออกมา “ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เจ้าคิดจะแอบไปอย่างเงียบๆ ใช่ไหมล่ะ? ในเมื่อพลังเวทมนตร์มีความเกี่ยวข้องกับจิตสำนึก อย่างนั้นก็แสดงว่ายิ่งมีการกระทบกันของเจตจำนงมากขึ้น มันก็อาจจะยิ่งสร้างผลลัพธ์จากพลังเวทมนตร์ออกมาได้หลากหลายมากขึ้น นี่ก็หมายความว่าจำเป็นต้องทำให้ความรู้สึกของการมีอยู่ของพระเจ้าลดน้อยลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นับตั้งแต่ที่เจ้าทำให้โลกแห่งจิตสำนึกสัมผัสกับโลกแห่งความเป็นจริง เจ้าก็ได้ทำการตัดสินใจออกมาแล้ว ถ้าหากตอนนี้ไม่บอกลา ภายหน้าเกรงว่าคงจะยากที่จะมีโอกาสได้พูด”
เธอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ปกติหลังจากที่ได้รับอำนาจมา คนธรรมดามักจะอดที่จะแสดงอำนาจนั้นออกมาไม่ได้ แต่เจ้ากลับมองอนาคตของโลกเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ข้าต้องขอยอมรับเลยว่าความคิดของเจ้ามันอยู่เหนือคนธรรมดาไปแล้ว แม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจเทียบได้ เจ้าคือคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้พิทักษ์มากที่สุดจริงๆ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ วัลคีรีย์ก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพเขาเป็นครั้งแรก
โรแลนด์พูดไม่ออกไปทันที จริงอยู่ที่ถึงแม้เขาจะเคยคิดเหมือนอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ แต่เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง —- มันไม่เกี่ยวกับโลกหรือว่าอนาคตทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเหตุผลที่เรียบง่ายอย่างมากด้วย
แต่ในแบบนี้ เขารู้สึกไม่ดีที่จะพูดมันออกมา
สุดท้ายเขาจึงแสร้งทำเป็นพยักหน้าอย่างสุขุม จากนั้นเดินผ่านตัววัลคีรีย์ไป เหลือเพียงแค่แผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไป
หลังเดินมาถึงมุมหนึ่งที่ไม่มีคน โรแลนด์สั่งการความคิดเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงที่แห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกมาหลายพันกิโลเมตร
มันคือหุบเขาที่มีทิวทัศน์งดงามแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากไกลเมืองและความวุ่นวาย สายลมอันอ่อนโยนพันผ่านทิวไม้ อีกทั้งทำให้ผิวทะเลสาบที่ใสกระจ่างเกิดเป็นระลอกคลื่นกระเพื่อมขึ้นมา
และที่ยอดบนสุดของหุบเขานั้นมีคฤหาสน์ที่งดงามอยู่หลังหนึ่ง
เขาเดินผ่านลานหน้าบ้านและสวนดอกไม้ ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงที่หน้าประตูบ้าน จากนั้นจึงเคาะประตูเบาๆ
ด้านในมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ซ
เหตุผลของโรแลนด์นั้นง่ายมาก เส้นทางแห่งอนาคตนั้นจำเป็นต้องทุ่มกำลังวางแผนให้ดี แต่ในช่วงเวลาอันยาวนานที่มีหน่วยเป็นสิบล้านปี ต่อให้เขาเริ่มวางแผนช้าไปหน่อยนึงมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก
ทำงานมานานขนาดนี้ ในที่สุดเขาก็หาเหตุผลให้ตัวเองพักผ่อนได้เสียที
ประตูถูกเปิดออก คนที่อยู่ด้านหลังประตูคือไนติงเกล
รอยยิ้มที่สดใสและผมสีทองของเธอสะท้อนอยู่ในดวงตาของโรแลนด์
ส่วนอันนานั้นนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเขา
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” เธอพูดเสียงอ่อนโยน
“ข้ากลับมาแล้ว” โรแลนด์ยิ้มพร้อมเดินเข้าไปในบ้าน
ทางเดินทอดยาวออกไปจากใต้เท้าเขา หลังจากนี้ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร มันก็จะเป็นอนาคตหน้าใหม่ที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
(จบบริบูรณ์)