Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1482 โจมตีกระหนาบจากบนฟ้าและพื้นดิน
“รายงานศูนย์บัญชาการ หน่วยที่ 6 กำลังเคลื่อนพลไปทาง 11 นาฬิกา!”
“หน่วยที่ 3 เข้ายึดตำแหน่ง 1 นาฬิกาได้แล้ว!”
“ตรวจพบแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ที่รุนแรงกำลังเข้าไปใกล้ จำเป็นต้องแจ้งให้อัศวินอากาศทำการระบุตำแหน่งและโจมตีสกัด!”
“นี่คือไลต์นิ่ง รับทราบ”
“หน่วยรถถังที่ 19 และ 20 เข้าปะทะกับศัตรู เป้าหมายคืออสูรมีด!”
เมื่อหน่วยภาคพื้นดินบุกเข้าไป ภายในฐานบัญชาการก็ยุ่งวุ่นวายขึ้นมาทันที เจ้าหน้าที่สื่อสารจัดการคัดแยกข่าวสารแล้วส่งไปให้เจ้าหน้าที่ทีมที่ปรึกษา ส่วนอีกฝ่ายก็เอาข้อมูลเหล่านั้นไปแสดงพลแผนที่โต๊ะทรายเพื่อให้ผู้บัญชาการทำการวิเคราะห์
ในเวลานี้บนแผนที่โต๊ะทรายมีธงเล็กๆ สีแดงจำนวนหลายสิบผืนและก้อนสี่เหลี่ยมวางอยู่เต็มไปหมด พวกมันแสดงถึงทหาร ปืนใหญ่และหน่วยรถหุ้มเกราะของกองทัพที่หนึ่ง เมื่อดูจากสถานการณ์โดยรวมแล้ว แผนการเบื้องต้นดำเนินไปได้อย่างราบรื่น สัญลักษณ์ธงเหล่านี้ขยายตัวออกไปรอบๆ โดยใช้หลุมลึกของบอทธ่อมเลสแลนด์เป็นศูนย์กลาง
เห็นได้ชัดว่าอาณาจักรซีสกายตรวจพบกองกำลังที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา สัตว์ประหลาดบางส่วนเริ่มพุ่งเข้ามาหากองทัพที่หนึ่ง และเมื่ออยู่ต่อหน้าแนวรบที่ถูกตั้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การโจมตีอย่างกระจัดกระจายนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการเข้ามาหาที่ตายเลย
ด้านประตูมิติ กองทัพที่มาจากอีกด้านหนึ่งของทะเลก็แห่ขึ้นมาบนเกาะอย่างไม่ขาดสาย จากแผนที่วางเอาไว้ล่วงหน้า อีกไม่นานปฏิบัติการก็จะเข้าสู่ช่วงค้นหา
และนี่ก็เป็นส่วนที่ไม่มีความแน่นอนมากที่สุดในแผนการทั้งหมด — ไม่มีใครรู้ว่าผู้เฝ้ามองอยู่ที่ไหน แล้วก็จะปรากฏตัวด้วยรูปแบบไหน แล้วจะเปิดประตูไปสู่โลกแห่งจิตสำนึกให้หรือเปล่า
“การสั่งการหลังจากนี้ต้องฝากพวกเจ้าด้วยนะ” อันนาหันไปพูดกับขวานเหล็ก เอดิธส์และคนอื่นๆ
“พระองค์ต้องเสด็จไปด้วยตัวเองจริงๆ หรือเพคะ?” สีหน้าของเวนดี้เต็มไปด้วยความกังวล
“นี่เป็นเรื่องที่ตกลงกันเอาไว้แต่แรกแล้ว” เสียงของเธอไม่ดัง แต่กลับเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าไม่ถนัดในการบัญชาการการรบ อยู่ที่นี่ไปก็ช่วยอะไรทุกคนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้เฝ้ามองอาจจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นร่างต่างๆ ได้ ถ้าเอาแต่อยู่บนฟ้า เราอาจจะพลาดโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้เจออีกฝ่ายได้”
“ให้พระองค์เสด็จไปเถอะ ข้าจะปกป้องพระองค์เอง” ในเวลานี้ไนติงเกลได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับต่อสู้ ตรงเอวไม่เพียงแต่จะเหน็บปืนสั้นที่โรแลนด์ให้เธอเอาไว้ แต่ด้านหลังของเธอยังมีปืนยาวกึ่งอัตโนมัติและดาบยาวเล่มหนึ่งด้วย
เวนดี้จึงได้แต่กอดอันนาแล้วพูดว่า “ต้องเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัยนะเพคะ ฝ่าบาท”
“อื้อ ข้าจะกลับมาแน่นอน” อีกฝ่ายตอบอย่างจริงจัง จากนั้นจึงหันไปมองฟิลลิส “แม่มดอาญาสิทธิ์เตรียมพร้อมหรือยัง?”
ฟิลลิสพยักหน้า “ทุกคนพร้อมออกเดินทางทุกเมื่อเพคะ”
“ดีมาก อย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ!” อันนาเดินออกไปด้านนอกฐานบัญชาการ
….
“นี่คือของขวัญที่มอลต์มอบให้ท่าน”
“ขอบคุณนะ” แดนนี่รับเอากระสุนไป ก่อนจะเอามันใส่เข้าไปในรังเพลิง จากนั้นจึงยิงเข้าไปที่หัวของปีศาจทะเลตัวหนึ่งที่คิดจะเข้ามาใกล้
เนื่องจากเป็นหน่วยพเนจรบนสนามรบ พลแม่นปืนส่วนใหญ่จึงสามารถเลือกสถานที่รบได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเขาก็เลือกพื้นที่ด้านนอกซึ่งเป็นพื้นที่ที่อันตรายที่สุดเหมือนอย่างที่ผ่านมาด้วยการเดินตามเหล่ารถศึกหุ้มเกราะเหล็กไปข้างหน้า
พื้นที่นี้จะไม่มีปืนกลหรือว่าปืนใหญ่คอยคุ้มครองอีก ด้วยเหตุนี้จึงเป็นพื้นที่ที่มีความกดดันจากศัตรูมากที่สุด เขามองออกแต่แรกแล้วว่าถึงแม้รถถังของกองทัพที่หนึ่งจะทรงพลัง แต่มันกลับขาดการป้องกันด้านข้างและด้านหลัง โดยเฉพาะบริเวณรอบๆ หลุมลึกนั้นมีแผ่นหินตั้งเรียงรายอยู่ทั่วทุกที่ จนทำให้ทหารที่อยู่ในรถถังไม่ทันสังเกตเห็นศัตรูที่ลอบเข้ามาใกล้
และสนามรบนี้ก็เรียกได้ว่าออกแบบมาเพื่อเขาก็ว่าได้
“ระวัง ทางด้านขวา 150 เมตรมีพวกมันอยู่ตัวหนึ่ง”
“เข้าใจแล้ว”
แดนนี่ยื่นหน้าออกมาจากแผ่นหินแผ่นหนึ่ง ก่อนจะเห็นอสูรมีดขนาดกลางตัวหนึ่งกำลังค่อยๆ เดินอ้อมไปด้านหลังรถถังเพื่อแอบโจมตี
ถึงแม้เจ้าสัตว์ประหลาดเหล่านี้จะไม่ได้สร้างขึ้นมาจากเหล็ก แต่พลังทำลายและความคล่องแคล่วของพวกมันเรียกได้ว่าไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะกรงเล็บที่เป็นเหมือนเคียวคู่นั่น เวลาที่มีพลังเวทมนตร์สะสมอยู่จนเต็มที่มันสามารถแทงทะลุเกราะของรถถังได้เลยทีเดียว
เขาค่อยๆ เอากระสุนนัดใหม่ใส่เข้าไปในรังเพลิง ก่อนจะค่อยๆ ยกปืนยาวขึ้นมาช้าๆ — แต่แดนนี่ไม่ได้เล็งเป้าไปที่เป้าหมาย หากแต่ยกปืนขึ้นมาค้างเอาไว้กลางอากาศ จากที่คู่มือการรบอธิบายเอาไว้ บนหัวของอสูรมีดมีเกราะหนาๆ หุ้มเอาไว้อยู่ กระสุนธรรมดายากที่จะปลิดชีพมันได้ด้วยการยิงเพียงนัดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่มันจะทำการโจมตี มันจะทำการตรวจสอบดูภัยคุกคามที่อาจจะมีอยู่รอบๆ จึงไม่แนะนำให้ทหารปะทะกับมันตามลำพัง ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรอโอกาสเหมาะๆ
และนั่นก็คือเสี้ยววินาทีที่ศัตรูเปิดฉากโจมตี
อสูรมีดไม่สังเกตเห็นแดนนี่ที่หยุดนิ่งเหมือนรูปปั้น มันคลานไปจนถึงขอบเขตโจมตีแล้วจึงกางปีกอันเบาบางของมันออก ก่อนจะพุ่งเข้าไปใส่รถถัง!
ในขณะเดียวกัน แดนนี่ก็เหนี่ยวไก
เสียงปืนดังขึ้น กระสุนปืนทะลุหน้าผากด้านล่างของมันทะลุเข้าไปในศีรษะอย่างแม่นนำ อสูรมีดตัวแข็งทันที ก่อนจะกระเด็นไปด้านหลังหลายเมตรจากแรงเฉื่อย จากนั้นจึงกระแทกลงไปที่พื้นอย่างแรง — แต่ในตอนนี้มันไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนานตัวกระตุกอยู่ที่พื้น
“ท่านยังสุดยอดเหมือนเดิมเลย”
“เพราะว่ามีเจ้าคอยดูข้าอยู่น่ะสิ” แดนนี่ยิ้มแล้วตบหัวมอลต์เบาๆ ในขณะที่เขากำลังมองหาเป้าหมายต่อไป จู่ๆ พลันมีปีศาจทะเลสิบกว่าตัวแห่เข้ามาหาเขาโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว
พวกมันฉวยโอกาสตอนที่เขากำลังทุ่มสมาธิอยู่กับอสูรมีดตัวนั้นงั้นเหรอ…
แดนนี่กันมอลต์เอาไว้ด้านหลัง จากนั้นจึงยกปืนยาวขึ้นมาโดยหันหลังพิงกับแผ่นหิน
ตอนนี้ถ้าจะหนีออกไปนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว เขาอยากรู้แค่ว่าตัวเองก่อนตายจะกำจัดปีศาจทะเลได้กี่ตัวกันแน่
แต่ทันใดนั้นภาพที่่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ปีศาจทะเลเหล่านั้นไม่ได้แห่เข้ามาฉีกเขาเป็นชิ้นๆ หากแต่กัดกันเอง! บนพื้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอันแสบจมูกทันที กระทั่งปีศาจทะเลตัวสุดท้ายล้มลงไปกับพื้น รอบๆ ก็ไม่มีซากศพไหนที่สมบูรณ์เลย
จากนั้นก็มีทหารกลุ่มหนึ่งเดินมาจากทางด้านหลัง — ถึงแม้พวกเขาจะสวมชุดของกองทัพที่หนึ่งเหมือนกัน แต่ใบหน้าของพวกเขากลับแตกต่างอย่างชัดเจน
นั่นมันกองทัพชาวโมเกนจากดินแดนทางใต้สุด
“พลแม่นปืน?” คนที่เป็นหัวหน้ามองดูอาวุธกับเหรียญตราของเขา “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ? แล้วผู้คุ้มกันของเจ้าล่ะ?”
“ฟาร์รี…” ทหารอีกคนหนึ่งดึงแขนเสื้อคนที่เป็นหัวหน้าเอาไว้ ก่อนจะพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ เจ้าไปกับพวกเราก่อนก็ได้นะ”
“ข้าไม่ได้ออกมาปฏิบัติภารกิจคนเดียว แต่ก็ขอบคุณพวกเจ้ามาก” แดนนี่รู้ว่านักรบที่ชื่อฟาร์รีที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน “ส่วนหลังจากนี้ ข้าก็ยังหวังที่จะปฏิบัติภารกิจ…”
“ตู้ม!”
จู่ๆ หน่วยรถถังที่อยู่ด้านหน้าพลันกระหน่ำยิงปืนใหญ่ขึ้นมา
ทุกคนหันหน้าไป ก่อนจะเห็นรังแม่หน้าตาหน้าเกลียดสิบกว่าตัวค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า พวกมันคลานฝ่ากระสุนปืนใหญ่เข้ามาโดยมีอสูรมีดห้อมล้อมเอาไว้ ขณะเดียวกันกระดูกซี่โครงด้านหลังของมันก็เปิดออก เผยให้เห็นอวัยวะภายในที่เป็นเหมือนกับลำไส้ที่อยู่ด้านล่าง
“นั่นมันรังแม่!” ฟาร์รีขมวดคิ้วขึ้นมา ก่อนจะพูดพร้อมโบกมือ “เร็ว รีบหาที่กำบัง! เอาระเบิดต่อต้านปีศาจออกมา!”
นั่นไม่ใช่เป้าหมายที่อาวุธปืนจะรับมือได้
รถถังพากันเลี้ยวกลับและสลายขบวนรบ
ทันใดนั้นเอง บนหัวพลันมีเสียงคำรามของเครื่องบินดังขึ้นมา
เครื่องบินปีกสองชั้นจำนวนหลายลำพุ่งลงมาพร้อมกับกราดยิงใส่รังแม่ บนพื้นมีเสาไฟลุกโชนขึ้นมาทันที! ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสนั่นและควันไฟที่ฟุ้งขโมง เปลวไฟอันร้อนแรงลุกติดบนตัวของศัตรู พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา แล้วก็พยายามที่จะหนีไปจากทะเลเพลิง แต่การเคลื่อนไหวบนพื้นดินของพวกมันไม่ได้ต่างไปจากไส้เดือนเท่าไร ไม่นานนัก รังแม่ทั้งหมดก็ถูกทำลายจนหมด
ในกลุ่มทหารมีเสียงเฮและเสียงผิวปากดังขึ้นมา
แดนนี่มองเห็นนักบินที่อยู่ในห้องคนขับบนเครื่องบินยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้เขาอย่างภูมิใจ
จากนั้น ฟิวรี่ออฟเฮฟเว่นที่โจมตีเสร็จก็พากันเลี้ยวออกไป ก่อนจะเปิดฉากโจมตีกระหนาบพร้อมกับหน่วยรบหุ้มเกราะ
…………………………………………………………………