Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1422 แผนสอง
นี่มันการอ่านความทรงจำ!
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันคือเวลาที่พวกมันอยู่ในหอเจ้าชีวิตของจักรพรรดิ พวกมันต้องเป็นคนเปิดความทรงจำให้จักรพรรดิอ่าน แต่ตอนนี้เฮคซอดกลับเป็นฝ่ายเอาความทรงจำใส่เข้ามาในจิตสำนึกของมัน!
ผ่านไปครู่ใหญ่ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์จึงตัดการเชื่อมต่อจิตสำนึก
ความทรงจำยากจะปลอมขึ้นมาได้ แล้วก็มีความชัดเจนมากกว่าการพูดบรรยาย แต่มันก็ยังมีจุดอ่อนที่ไม่สามารถมองข้ามได้อยู่ นั่นคือมันสามารถมองเห็นความทรงจำอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้ง่าย ความทรงจำที่เปิดออกมาเหมือนกับเมืองที่ไม่มีการป้องกัน มันคิดไม่ถึงว่าสกายลอร์ดจะเลือกใช้วิธีนี้ในการส่งข้อความให้มัน
“เจ้า…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” เสียงของเฮคซอดเบาอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าการถ่ายความทรงจำนี้ทำให้มันเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด “ถ้าไม่ทำแบบนี้ เจ้าจะเชื่อเรื่องที่ข้าไปเจอมาเหรอ?”
คำตอบคือไม่อย่างแน่นอน
เกาะเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากแบล็คสโตน กลับเป็นที่อยู่ของแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ คำพูดนี้อย่าว่าแต่บรรยายด้วยปากเปล่าเลย ต่อให้อ่านความทรงจำมาแล้ว มันก็ยังมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
“เจ้าสามารถสร้างดินแดนความทรงจำของตัวเองขึ้นมาได้แล้วเหรอ?” ไซเลนท์เปลี่ยนประเด็น
เฮคซอดเหลือบมองมันอย่างสงสัย “ข้านึกว่าเจ้าจะสนใจข่าวคราวของวัลคีรีย์เป็นอย่างแรกเสียอีก แต่ว่าเจ้าเดาถูกแล้ว…ถ้าข้าไม่สร้างดินแดนแห่งจิตสำนึกของตัวเองขึ้นมา ข้าก็ไม่มีทางส่งต่อความทรงจำให้เจ้าได้ ในตอนที่มองเห็นต้นไม้แห่งลำแสงนั้น ความเข้าใจที่ข้ามีต่อโลกแห่งจิตสำนึกพลันลึกซึ้งมากขึ้นกว่าเดิม — หากไม่เป็นเพราะอาณาจักรซีสกายเข้ามาขัดจังหวะ บางทีข้าอาจจะเข้าใจมากขึ้นกว่านี้อีก แต่แน่นอน…เมื่อเทียบกับหอเจ้าชีวิตของจักรพรรดิแล้ว ดินแดนของข้ายังเล็กกว่ามาก”
“อย่างนี้นี่เอง” ไซเลนท์นั่งกลับลงไปในบ่อ แผ่นหลังหันชนกับสกายลอร์ด “จริงอยู่ที่ข้าอยากรู้ข่าวคราวของไนท์แมร์ลอร์ด ในตอนที่มองเห็นกระดาษแผ่นนั้น ข้าถึงขนาดอยากจะไปที่อาณาจักรของมนุษย์เพื่อหามันทันที — แต่หลักเหตุผลมันบอกข้าว่าข้าจำเป็นต้องปฏิเสธคำขอของเจ้า”
“ปฏิเสธ…อะไร?” เฮคซอดหันกลับมา เมื่อมองจากหางตา มันสามารถมองเห็นแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าและผมสีน้ำเงินที่ยาวจนตกลงไปในบ่อของอีกฝ่ายได้
“ข้าไม่ค่อยพูด แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่คิด” ไซเลนท์ค่อยๆพูดต่อว่า “ที่เจ้ากลับมาหาข้าก่อน แทนที่จะไปรายงานเรื่องนี้กับจักรพรรดิ จุดประสงค์ของเจ้ามันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เจ้าอยากจะหยุดสงครามแห่งโชคชะตาหรือไม่ก็รอให้ความจริงมันปรากฏก่อนค่อยตัดสินใจ — นี่คือการขัดพระบัญชาของจักรพรรดิอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งมันไม่ได้ต่างอะไรกับการทรยศ ถ้าหากถูกจักรพรรดิ์รู้เข้า มันไม่มีทางจะปล่อยเจ้าไปแน่ และตัวเจ้าที่ไม่อาจทำมันได้ด้วยตัวคนเดียวได้ก็ต้องการคนช่วยเหลือ ซึ่งข้าก็คือคนที่เจ้าเลือกที่จะขอความช่วยเหลือคนนั้น”
“ไม่ ข้าภักดีต่อองค์จักรพรรดิ!” เฮคซอดคำรามเสียงต่ำอยู่ในลำคอ “ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าสงครามแห่งโชคชะตาเป็นเรื่องหลอกลวง ทำไมพวกเรายังต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้นและรอให้ถูกทำลายจนดับสูญไปด้วย? เจ้าคิดว่าจักรพรรดิจะดึงดันสู้ต่อไปคนเดียวเหรอ? ขอเพียงแค่หาวิธีติดต่อกับวัลคีรีย์ได้ ถึงตอนนั้นจักรพรรดิจะต้องเข้าใจแน่นอนว่าอะไรกันแน่คือทางเลือกที่ถูกต้อง ดังนั้น..”
หลังจากที่พูดถึงตรงนี้ เสียงของมันก็เบาลงเรื่อยๆ
“บ้าเอ้ย เจ้ามองเห็นหมดแล้วเหรอ?”
“อื้อ” ไซเลนท์ตอบออกมาอย่างสบายๆ “ข้าไม่ได้ตั้งใจ แต่ความทรงจำมันไม่สามารถเลือกได้ว่าจะให้เห็นหรือไม่เห็นอะไรเหมือนอย่างคำพูดได้ นับตั้งแต่ที่เจ้าออกมาจากบอทธ่อมเลสแลนด์ เจ้าก็รู้แล้วว่าจักรพรรดิไม่มีทางเห็นด้วยกับวิธีของเจ้า”
สงครามแห่งโชคชะตาคือเรื่องหลอกลวง โลกแห่งจิตสำนึกมีความลับที่ลึกซึ้งมากกว่านี้แอบซ่อนอยู่ แต่นี่มันไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับการบดขยี้มนุษย์และอาณาจักรซีสกาย ต่อให้ข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นเป็นเรื่องจริง อย่างนั้นขอเพียงไม่ประกอบชิ้นส่วนแห่งการสืบทอด การ ‘ยกระดับ’ ก็จะไม่เกิดขึ้น พวกมันมีเวลาอีกมากมายในการไขความลับนี้ ไม่ว่าอย่างไร ความลับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสงครามแห่งโชคชะตาก็ควรจะอยู่ในมือของตัวเอง การปล่อยศัตรูทิ้งเอาไว้นับเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก
จริงอยู่ที่การทำลายมนุษย์อาจจะทำให้ไนท์แมร์ต้องหายไปในโลกแห่งจิตสำนึกตลอดกาล แต่เมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์ทั้งเผ่าพันธุ์แล้ว การสูญเสียราชาตนหนึ่งไปนับเป็นเรื่องที่เล็กน้อยอย่างมาก ต่อให้อีกฝ่ายเป็นวัลคีรีย์ก็ตาม จักรพรรดิไม่มีทางปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกมาส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของตัวเองอย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่มันใช้เป็นมาตรฐานในการตัดสินใจทำอะไรนั้นมีแต่ตรรกะอันเยือกเย็น
ทันทีที่หยุดการรุกคืบในการทำสงคราม ความเร็วในการพัฒนาของมนุษย์อาจจะทำให้ความได้เปรียบของเผ่าพันธุ์ต้องหายไป นี่คือเรื่องที่อุรุคย้ำแล้วย้ำอีก จักรพรรดิไม่มีทางเสี่ยงในเรื่องนี้แน่ เฮคซอดจะต้องรู้เรื่องนี้ดีอย่างแน่นอน
“ถ้าเป็นเวลาปกติ ข้าจะต้องตัดแขนตัดขาของเจ้าจนหนีไปไหนไม่ได้ จากนั้นค่อยส่งตัวให้จักรพรรดิสอบสวนอย่างแน่นอน” ไซเลนท์ถอนใจออกมาเบาๆ “แต่เห็นแก่ที่เจ้าทำทุกอย่างนี้ก็เพื่อช่วยวัลคีรีย์ ข้าจะทำเป็นว่าข้าไม่รู้เรื่องนี้”
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว อย่างนั้นก็ยิ่งต้องทำอะไรไม่ใช่เหรอ! หรือว่า…” เฮคซอดเหลือบมองไปทางร่างของไนท์แมร์ที่อยู่อีกด้านนึงของบ่อแห่งละอองชีวิต “ความเคารพที่เจ้ามีต่อวัลคีรีย์ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เจ้าเสแสร้งออกมา เมื่อเทียบกับตัวมันแล้ว หรือว่าเจ้าอยากจะเห็น….”
ปัง!
กำปั้นของไซเลนท์ทุบลงไปในบ่อแห่งละอองชีวิต ฐานที่ทำจากหินแตกเป็นรอยร้าว สกายลอร์ดหุบปากไปทันที
“อันดับแรก สมมติฐานทุกอย่างของเจ้าล้วนแต่ตั้งอยู่บนกระดาษที่ไม่รู้ที่มา นั่นน่าจะเป็นลายมือของวัลคีรีย์อย่างแน่นอน แต่มันก็เท่านั้น”
“แต่มันรู้ถึงการมีอยู่ของบอทธ่อมเลสแลนด์นะ”
“มันยังบอกด้วยว่าพระผู้สร้างไม่ปลอดภัย แต่มนุษย์ไม่สามารถหยุดการรุกคืบของพวกเราได้” ไซเลนท์พูดด้วยเสียงเยือกเย็น “จะให้ข้าขัดเจตจำนงขององค์จักรพรรดิเพื่อกระดาษเพียงแผ่นเดียวอย่างนั้นหรือ? ความจริงที่ข้าทำเหมือนว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ถือว่าเสี่ยงมากแล้ว หากเปลี่ยนเป็นเจ้า เกรงว่าแม้แต่เรื่องนี้ก็คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น พวกเราสามารถชะลอการโจมตีแล้วแอบตรวจสอบอย่างเงียบๆ ได้ ขอเพียงปิดเดอะเเมสก์เอาไว้ก็พอ…”
“นี่ก็คือเรื่องที่สองที่ข้าจะพูด เจ้ากลับมาช้าไปแล้ว” ไซเลนท์พูดตัดบทมัน “จักรพรรดิได้ถ่ายทอดคำสั่งใหม่มาว่าให้เดอะแมสก์เป็นคนรับผิดชอบสงครามตะวันตกและดำเนินใช้แผนการที่สอง เจ้าไม่ใช่ผู้รับผิดชอบกองทัพตะวันตกอีกต่อไปแล้ว พูดอีกอย่างก็คือไม่มีกองทัพตะวันตกอะไรนั่นอีกแล้ว”
“ทำไมถึง…” เฮคซอดยืนขึ้นมาจากบ่อแห่งละอองชีวิตทันที ก่อนจะเอามือกุมหน้าอกด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“เจ้าน่าจะรับรู้ได้ใช่หรือเปล่า? แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นในโลกแห่งจิตสำนึกน่ะ” ไซเลนท์พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “ความจริงมันร้ายแรงกว่านั้นมาก ไม่ใช่แค่เฮทริตที่ตายอยู่ในสนามรบ แต่แนวป้องกันของแบล็คสโตนก็พังทลายลงด้วย ในสถานการณ์ที่กำลังวิกฤต จักรพรรดิได้รวมร่างเข้ากับแกนพลังเวทย์มนต์ ทำให้เมืองจักรพรรดิกลายเป็นพระผู้สร้างแห่งใหม่ ตอนนี้เผ่าพันธุ์ทั้งหมดได้ย้ายมาอยู่ดินแดนที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวนี้แล้ว ความคิดของเจ้าไม่มีโอกาสที่จะเป็นจริงได้ ถ้าอยากจะยื้อเวลาก็จำเป็นต้องขัดคำสั่งของจักรพรรดิ ซึ่งนั่นไม่ได้ต่างอะไรกับการเป็นศัตรูกับจักรพรรดิอย่างเปิดเผยเลย ดังนั้นข้าจึงไม่อาจรับปากเจ้าได้”
เฮคซอดพบว่าตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจนมันไม่อาจควบคุมได้แล้ว ถึงแม้จะเป็นไปได้ยากที่ราชาปีศาจจะตายอยู่ในสนามรบ แต่บนสนามรบอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพียงแต่มันคิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์มันจะเลวร้ายถึงขนาดนี้?
หรือว่าการเปลี่ยนแปลงของมีดพวกนั้น…จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
มันย่อมต้องรู้ดีว่าแผนการที่สองคืออะไร
ในตอนที่เดอะแมสก์ทำวิจัยพระผู้สร้าง มันเคยพูดถึงแผนการรบที่บ้าคลั่งแผนหนึ่งขึ้นมา ในสถานการณ์ที่ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่ต้องสูญเสียไป การบีบอัดการพลังเวทมนตร์และสายแร่หินอาญาสิทธิ์ไปจนถึงขีดจำกัดจะทำให้แผ่นดินลอยฟ้าสามารถลอยขึ้นไปถึงระดับความสูงที่น่าตกใจได้ เมื่อถึงตอนนั้นแรงโน้มถ่วงที่มหาศาลจะทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงจนยากจะจินตนาการได้
เมื่อตอนที่พระผู้สร้างตกลงมาบนพื้นในระดับความสูงนั้น เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับการลงทัณฑ์ของพระเจ้าเลย ถึงแม้เฮคซอดจะไม่รู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน แต่จากที่เดอะแมสก์บอกมา แผ่นดินจะพังทลาย ฝุ่นควันที่ฟุ้งขึ้นมาบดบังแสงอาทิตย์จะลอยไปไกลนับพันกิโลเมตร ลาวาจะไหลทะลักขึ้นมาตามรอยแตกทำให้แผ่นดินกลายเป็นเหมือนนรกบนดิน
โจมตีครั้งหนึ่งต้องใช้พระผู้สร้างอันล้ำค่าอันหนึ่ง เดิมเฮคซอดคิดว่าแผนการนี้ไม่มีทางเป็นจริงได้ แต่มันคิดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิจะเห็นด้วยกับแผนการนี้
แบบนี้ความคิดของมันก็ไม่มีทางเป็นจริงได้แล้ว
ให้มันออกมาต่อต้านจักรพรรดิคนเดียว? อนาคตของเผ่าพันธุ์จะเป็นอย่างไรยังไม่อาจรู้ได้ แต่จุดจบของมันนั้นได้ถูกกำหนดเอาไว้แน่นอนแล้ว นอกจากถูกราชาตัวอื่นไล่ฆ่าแล้วก็ไม่มีความเป็นไปได้ที่สองอีก
“บางทีเจ้าอาจจะพูดถูก…” เฮคซอดค่อยๆนั่งกลับลงไปในบ่อ “ข้าคิดไม่รอบคอบจริงๆนั่นแหละ เกือบจะทำผิดอย่างมหันต์ไปแล้ว ไปเมื่อเข้าสู่แผนการที่สองแล้ว ข้าก็ควรจะกลับไปยังเมืองสกายเพื่อเตรียมให้การสนับสนุน…”
ปัง!
บนกำแพงอ่างมีรอยแตกเพิ่มขึ้นมาอีกรอยนึง
สกายลอร์ดตกตะลึง
“เจ้าคิดจะทิ้งวัลคีรีย์อย่างนั้นเหรอ?” ในที่สุดอีกฝ่ายก็หมุนตัวมา สายตาที่มันมองลงมานั้นเยือกเย็นเหมือนดั่งน้ำแข็ง ราวกับว่าขอเพียงพูดว่า ‘ใช่’ ออกไป มันก็จะทำให้ตัวเองนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนี้ทันที
“ข้า…” เฮคซอดไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี
ช่วยก็ไม่ได้ ไม่ช่วยก็ไม่ได้ จะเอายังไงกันแน่เนี่ย?
มันพลันเข้าใจความรู้สึกของเดอะแมสก์ ขึ้นมาทันที
“ข้าปฏิเสธคำขอของเจ้า ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่ช่วยมัน”
“แล้วจะช่วยยังไง…”
“ข้าไม่รู้ ก็เพราะว่าข้าไม่รู้ถึงต้องให้เจ้าเป็นคนทำ” น้ำเสียงของไซเลนท์จริงจังอย่างมาก “แต่ไม่ว่ายังไง เจ้าก็อย่าได้คิดที่จะถอนตัวไปตอนนี้เด็ดขาด”
จากนั้นมันจึงหลับตาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นว่า “…โดยเฉพาะหลังจากที่ให้ความหวังข้า”
………………………………..