Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1401 บอทธ่อมเลสแลนด์
เป็นแค่เรื่อง…หลอกลวงจริงๆ งั้นเหรอ
เฮคซอดลอยอยู่บนอากาศ สายตามองดูทะเลทางเหนือ
หลายวันมานี้มันเที่ยวเสาะหาไปตามชายฝั่งของอาณาจักรรุ่งอรุณเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ไม่เพียงแต่ที่ปลายสุดของสันหลังแห่งทวีปเท่านั้น แต่กระทั่งทั้งสองด้านของสันเขามันก็ตรวจดูจนหมด
เนื่องจากเนื้อความบนจดหมายนั้นบรรยายเอาไว้ไม่ชัดเจน เพื่อที่จะไม่ปล่อยให้บอทธ่อมเลสแลนด์ในตำนานหลุดรอดสายตาไป ขอบเขตการค้นหาของมันจึงแทบจะครอบคลุมพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ทั้งหมด จนกระทั่งไปถึงเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างแบล็คสโตนกับซีคลาวด์โรดมันถึงได้หยุดลง แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ มันก็ยังหา ‘เกาะที่โดดเดี่ยว‘ ที่ระบุเอาไว้ในจดหมายอันนั้นไม่เจอ
พอมาคิดๆ ดูมันก็ใช้ ทะเลกว้างใหญ่อีกทั้งยังไม่มีอะไรมาปิดกั้น เวลาที่อยู่บนท้องฟ้า แค่แวบเดียวก็สามารถมองเห็นภาพที่อยู่ห่างออกไปเป็นพันกิโลเมตรได้แล้ว ถ้ามันมีเกาะแบบนั้นอยู่ตรงๆ ตอนที่เผ่าพันธุ์มันยกทัพมาบุกอาณาจักรรุ่งอรุณก็น่าจะเห็นเกาะที่ว่าแล้วสิ จะเป็นไปได้ยังไงที่จะรอให้มันเป็นคนมาเจอ
เฮคซอดกำหมัดแน่น
พวกมนุษย์บัดซบ กล้าใช้วิธีนี้มาหลอกสกายลอร์ดเรอะ! แต่สิ่งที่น่าโมโหกว่านั้นก็คือพวกเขาใช้ชื่อของวัลคีรีย์มากอ้างด้วยนี่สิ!
วัลคีรีย์ไม่มีทางทรยศต่อเผ่าพันธุ์ การที่มนุษย์ทำแบบนี้ได้ ก็อาจจะเป็นไปได้มาพวกเขาดึงเอาความทรงจำของมันออกมา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกแม่มดมีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่จุดจบของวัลคีรีย์ในตอนนี้ก็น่าจะเดาได้ไม่ยากแล้ว
ความรู้สึกโกรธอย่างถึงขีดสุดไหลทะลักออกมาจากในหน้าอกของมัน
มันเปิดประตูมิติออกมาทันที ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนทะเลอันกว้างใหญ่
“บอทธ่อมเลสแลนด์? โลกแห่งจิตสำนึกอยู่ที่นี่? เหลวไหลทั้งเพ!”
เฮคซอดส่งเสียงคำรามพร้อมเดินทะลุไปบนทะเลอันกว้างใหญ่ เหมือนมันอยากระบายเอาความรู้สึกไม่พอใจที่เก็บกดมานานออกมาอย่างไรอย่างนั้น
“ดินแดนที่เป็นของพระเจ้ามันมาอยู่ในที่ธรรมดาแบบนี้ได้ยังไง ข้าควรจะคิดได้แต่แรกแล้ว!”
“ใช้พระผู้สร้างบดขยี้พวกมนุษย์จนราบคาบก็ได้แล้ว…ทำไมต้องเสี่ยงลงไปในส่วนลึกของโลกแห่งจิตสำนึกด้วย! แล้วดูตอนนี้ซิ เป็นถึงราชาปีศาจแต่กลับต้องถูกมนุษย์ใช้เป็นเหยื่อล่อ แถมยังจะทำให้ข้าถูกสงสัยด้วย ช่างโง่เง่าเสียจริง!”
“แค้นนี้ ข้าจะต้อง…!”
จู่เฮคซอดพลันยืนนิ่งไปกับที่
ก่อนหน้านี้บนท้องทะเลยังส่องประกายระยิบระยับ แต่ตอนนี้กลับขมุกขมัวขึ้นมา รอบๆ ตัวมันไม่รู้มีไอน้ำสีขาวลอยขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร สายตามองเห็นภาพได้แค่ในระยะไม่กี่ก้าวเท่านั้น
มันเข้ามาในหมอกงั้นเหรอ?
ไม่ใช่…ต่อให้เป็นหมอก ก่อนหน้านี้มันก็น่าจะสังเกตเห็นถึงจะถูก
เฮคซอดเดินกลับไปทางเดิมหนึ่งก้าว ท้องทะเลพลันดูชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง มันหันหน้ากลับไป ก่อนจะเห็นบนท้องทะเลในระยะหลายกิโลเมตรยังคงเงียบสงบ เรียกได้ว่าสามารถมองเห็นปลายสุดของเส้นทะเลได้เลย
ความโกรธภายในใจพลันหายไปทันที
สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างที่ยากจะบรรยายได้
ที่นี่ถือว่าอยู่ไม่ไกลจากดินแดนแห่งรุ่งอรุณและแบล็คสโตนนัก แต่ในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมากลับไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของที่แห่งนี้งั้นเหรอ?
หลังลังเลเล็กน้อย มันก็ใช้พลังเข้าไปในน่านน้ำนั้นอีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้มันเพิ่มความระมัดระวังขึ้นอย่างมาก
หลังเดินทะลุประตูไป หมอกหนาๆ เปียกชื้นก็เข้าปกคลุมมันทันที
เฮคซอดลดระดับความสูงลงแล้วค่อยๆ เดินสวนคลื่นเข้าไปข้างหน้า ขณะเดียวกันก็เพิ่มความระวังตัวจนถึงระดับสูงสุด หลังจากนั้นไม่นาน เงาดำลางๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงด้านหน้ามัน
นั่นคือเกาะๆ หนึ่งอย่างแน่นอน เมื่อดูจากเค้าโครงของมันแล้ว ขนาดของมันเกรงว่าจะใหญ่ไม่น้อยทีเดียว
เมื่อบินไปถึงชายขอบของเกาะ มันก็ลอยลงไปด้านล่าง สองเท้าของมันเหยียบลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าสีเขียว
ที่นี่…คือที่ๆ วัลคีรีย์พูดถึงอย่างนั้นเหรอ?
เฮคซอดมองไปรอบๆ แต่ก็มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอก
มันคาดคะเนดูสภาพของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเดินสำรวจดูรอบๆ เกาะรอบหนึ่งก่อน — ก่อนหน้านี้ไม่นานมันเพิ่งจะเปลี่ยนถังสำหรับหายใจมาใหม่ ปริมาณละอองชีวิตยังมีพอเพียง บนซีคลาวด์โรดยังคงมีท่อขนส่งหมอกแดงของเผ่าพันธุ์ลอยอยู่ ตรงพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างดินแดนรุ่งอรุณกับแบล็คสโตนก็มีหอสังเกตการณ์อยู่อีกสองแห่ง สำหรับมันแล้ว โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นมีน้อยมา
เมื่อเดินไปได้หลายร้อยแล้ว ภาพทิวทัศน์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป บนพื้นหญ้ามีแผ่นหินเพิ่มขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเดินเข้าไปก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย เมื่อมีสิ่งที่ถูกแกะสลักขึ้นมาโดยสิ่งมีชีวิตแบบนี้ก็หมายความว่าเกาะแห่งนี้ไม่ใช่ดินแดนที่ไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามาก่อน เฮคซอดตรวจสอบดูแผ่นหินสองสามแผ่น ก่อนจะพบว่าตัวอักษรที่อยู่บนนั้นไม่ใช่อักษรที่มันรู้จักเลย
“สวัสดี” จู่ๆ พลันมีเสียงคนพูดขึ้นมา
พริบตานั้นเอง สกายลอร์ดพลันรู้สึกขนลุกเกรียว! มันเปิดประตูมิติขึ้นมา ก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ขณะเดียวกันก็เตรียมตัวที่จะโจมตีกลับ
แต่ผู้พูดกลับไม่ได้ทำการโจมตีมาจากด้านหลัง
คนที่พูดคือผู้ที่มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน
เมื่อดูจากลักษณะแล้ว อย่างน้อยก็เป็นผู้ยกระดับระดับสูง รูปร่างหน้าตาของมันได้ขจัดลักษณะอันน่าเกลียดของร่างระดับต้นและร่างยกระดับระดับต้นไปหมดแล้ว แม้แต่นิ้วมืและเส้นผมก็สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน มันสวมใส่ชุดสีขาวดูเบาสบาย เท้าทั้งสองข้างเปลือยเปล่า สองมือไพล่หลัง น้ำเสียงและสีหน้าดูผ่อนคลาย ดูไม่ได้มีการวางท่ายกตนข่มท่านแม้แต่น้อย
“ข้าคือสกายลอร์ด เจ้าคือใคร? แล้วมาอยู่บนเกาะนี้ตั้งแต่เมื่อไร?” เฮคซอดถามโดยรักษาระยะห่างเอาไว้ “ที่นี่ก็มีละอองชีวิตเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ?”
“ข้าเป็นแค่ผู้เฝ้ามองเท่านั้น” มันหัวเราะเบาๆ “ส่วนเวลาที่มาอยู่ที่นี่ มันก็ยาวนานจนข้าทำไม่ได้แล้วเหมือนกัน”
“ผู้เฝ้ามอง?” เฮคซอดย้อนนึกดู ก่อนจะว่าในความจำไม่มีผู้ยกระดับชื่อนี้อยู่ ส่วนที่บอกว่ายาวนานจนนำไม่ได้นั้นก็ยิ่งฟังดูไร้สาระ เพราะก่อนที่สงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่หนึ่งจะอุบัติขึ้น เผ่าพันธุ์ของมันยังไม่ได้ย่างกรายเข้ามาทางเหนือของดินแดนรุ่งอรุณเลย แล้วมันจะมายังเกาะแห่งนี้ด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร?
“ถูกต้อง ดังนั้นข้าจึงไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับเจ้า คนที่กำหนดรูปร่างหน้าตาอันนี้ไม่ใช่ข้า หากแต่เป็นตัวเจ้า” ผู้เฝ้ามองตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้ารู้ว่านี่มันยากที่จะเข้าใจ แต่ความจริงมันเป็นเช่นนี้จริงๆ”
ในเมื่อไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน พูดอีกอย่างก็คืออาจจะเป็นศัตรู ยิ่งไปกว่านั้นเฮคซอดยังสังเกตเห็นอีกว่า อีกฝ่ายไม่ได้สวมชุดเกราะ บนร่างกายไม่ได้มีร่องรอยที่จะให้ใส่ถังสำหรับใช้หายใจ นี่เท่ากับเป็นการตอกย้ำคำพูดของมัน
ด้วยเหตุนี้เฮคซอดจึงเพิ่มความระมัดระวังขึ้นไปอีก
“ที่นี่คือบอทธ่อมเลสแลนด์งั้นเหรอ? โลกแห่งจิตสำนึกอยู่ที่ไหน?”
ผู้เฝ้ามองส่ายหัว “ที่นี่เป็นแค่สะพานเท่านั้น มันจำเป็นต้องใช้กุญแจถึงจะเปิดได้”
“กุญแจแบบไหน?”
มันชะงักไปเล็กน้อย เหมือนกำลังคิดอยู่เหมือนกัน “…ถ้าเรียกตามที่พวกเจ้าเรียกล่ะก็ มันก็คือ ‘ชิ้นส่วนสืบทอด’ ที่สมบูรณ์”
ในตอนที่ชิ้นส่วนสืบทอดรวมกันเป็นหนึ่ง เส้นทางที่จะไปยังแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ก็จะปรากฏขึ้นมา นี่มันก็เหมือนกับสิ่งที่บอกต่อๆ กันมาในเผ่าพันธุ์ไม่ใช่เหรอ! เฮคซอดตกตะลึง เขามองออกแล้วว่าเจ้านี่ไม่มีทางพูดจาดีๆ แน่ มันเอาแต่ใช้คำพูดประหลาดๆ มาเพื่อแสดงความแตกต่างของตัวเอง ในจุดนี้เรียกได้ว่าเหมือนกับเดอะแมสก์เลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นสะพานก็ดี หรือเส้นทางก็คือ มันก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสิ่งเดียวกัน! เฮคซอดรู้สึกหัวสมองตัวเองหมุนอย่างรวดเร็ว “พาข้าไปดู…สะพานที่ว่านั่นหน่อยได้ไหม?”
ผู้เฝ้ามองลังเลเล็กน้อย มันมองไปทางเหนือ “ได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่ว่าเร็วหน่อยนะ เวลาเหลือไม่มากแล้ว….”
หลังเดินตามอีกฝ่ายไปไม่กี่นาที หลุมขนาดยักษ์หลุมหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเฮคซอด
“นี่…คือสะพานงั้นเหรอ?” มันตกตะลึง
“อื้อ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะข้ามสะพานนี้ไปได้ เจ้าไม่มีกุญแจ ดังนั้นเจ้าจึงมองไม่เห็นมัน”
สะพานกับเส้นทางอะไรกันเนี่ย คำพูดของเผ่าพันธุ์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไรเลย…
นี่มันเป็นแค่หลุมใหญ่ๆ แค่นั้นเอง!
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องบอทธ่อมเลสแลนด์ นี่มันก็ดูเข้าเค้าทีเดียว
อย่างนั้นโลกแห่งจิตสำนึกอยู่ที่ด้านล่างหลุมอย่างนั้นเหรอ?
เฮคซอดย่อมไม่คิดที่จะกระโดดลงไปดูในหลุมอย่างแน่นอน ใครจะไปรู้ล่ะว่าลงไปแล้วยังจะบินขึ้นมาได้อยู่หรือเปล่า
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าการพิสูจน์มันจะจบลงเพียงเท่านี้
มันหยิบเอาหินเวทมนตร์หลากสีออกมาจากในเกราะก้อนหนึ่ง
จากการศึกษาของอารยธรรมใต้ดิน เจ้าสิ่งสีสามารถแสดงความสัมพันธ์ของผู้ตื่นรู้กับแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ด้วย ถ้าบอทธ่อมเลสแลนด์คือแหล่งกำเนิดและแหล่งสิ้นสุดของสรรพสิ่งจริงๆ อย่างนั้นมันก็ต้องมีปฏิกิริยาอะไรออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน
เฮคซอดกลั้นหายใจ พร้อมกับเอาหินเวทมนตร์ขึ้นมาส่องดู
จากนั้นมันมองเห็นเสาลำแสงที่เจิดจ้าแท่งหนึ่ง!
ไม่สิ…พูดให้ถูกคือจำนวนนับไม่ถ้วน!
พวกมันมาจากทุกทิศทุกทาง ก่อนที่สุดท้ายจะมารวมกันอยู่ที่นี่ ดูเผินๆ แล้วเหมือนกับ ‘ต้นไม้แห่งแสง’ ที่บดบังท้องฟ้า เสาลำแสงที่แผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทางถักทอกันจนกลายเป็นเหมือนพุ่มไม้และกิ่งใหม่ของมัน ส่วนเสาลำแสงที่มารวมกันอยู่ที่นี่แล้วพุ่งตรงลงไปยังด้านล่างหลุมนั้นคือส่วนลำต้นของมัน เนื่องจากมันสว่างมากเกินไป จึงทำให้แสงส่วนที่เป็นลำต้นของมันสว่างจนเกือบจะเป็นสีขาวที่เจิดจ้าจนแทบจะมองตรงๆ ไม่ได้!
ต่อให้มันจะไม่รู้ความหมายของเสาลำแสงเหล่านี้ แต่มันก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกตกตะลึงในส่วนลึกของหัวใจมัน
ภาพตรงหน้านั้นอยู่เหนือจินตนาการของเฮคซอด!
…………………………………………………………..