Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1334 การชดเชยเพียงหนึ่งเดียว
ตอนที่คาบาราตื่นขึ้นมา แขนของเธอได้ถูกผ้าพันแผลพันเอาไว้อย่างแน่นหนา ความรู้สึกเจ็บปวดยังคงมีอยู่เพียงแต่เมื่อเทียบกับตอนที่โดนหมอกแดงพ่นใส่ตอนแรกแล้วก็ถือว่าเบากว่ามาก
นี่ทำให้เธอแอบรู้สึกแปลกใจ
บาดแผลบนแขนไม่อันตรายถึงชีวิต ตามหลักแล้วเธอไม่น่าจะได้รับการรักษาโดยทันที เธอควรจะถูกรักษาเป็นคนท้ายๆ หรือไม่ก็ปล่อยทิ้งเอาไว้ให้หายเองถึงจะถูก เพราะทุกคนในกองทัพต่างรู้ดีถึงจุดเด่นและความสำคัญของความสามารถของคุณหนูนางฟ้า เธอไม่คิดว่าชาวทะเลทรายจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ถ้าหากจะคิดไปในทางร้าย มันก็เหมือนจะมีความเป็นไปได้อยู่
แต่ถ้าไม่เป็นเพราะพลังเวทมนตร์ ทำไมบาดแผลถึงได้ฟื้นตัวเร็วขนาดนี้?
หรือว่า….
ภายในใจเธอพลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
บางทีเธออาจจะต้องรีบออกไปจากที่นี่ แล้วรีบกลับไปค่ายทหาร
“ฟาร์รีใช่ไหม?” นางพยาบาลคนหนึ่งสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของเธอ จากนั้นจึงเดินมาดูป้ายชื่อที่หัวเตียง “ตอนนี้เจ้ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว พร้อมกลับไปกองทัพได้ทุกเมื่อ” เธอพลิกตัวลงจากเตียง แสร้งทำท่าเหมือนเจ็บใจ “เพื่อนของข้าหลายคนตายด้วยน้ำมือของปีศาจ ข้าอยากจะรีบกลับไปแก้แค้นพวกมัน!”
“อย่าเศร้าใจไปนักเลย” พยาบาลพยักหน้า “แต่ว่าก่อนหน้านั้น เจ้าต้องไปที่เต็นท์ใหญ่ก่อน คุณหนูนาน่า ไพน์อยากจะเจอเจ้า”
คาบาราตกใจเล็กน้อย “นาง…อยากเจอข้า? แต่อาการบาดเจ็บของข้ามัน…”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ว่านางเป็นคนสั่งเรื่องนี้มาเอง” อีกฝ่ายยิ้มๆ “ทหารคนอื่นๆ อยากจะเจอนางแทบแย่ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เจอนะ ตามข้ามาสิ”
คาบารามองดูแผ่นหลังของพยาบาล เธอลังเลอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เดินตามไป
หลังเดินผ่านด่านแต่ละชั้นมา ในที่สุดเธอก็ได้เห็นคุณหนูนางฟ้าที่ร่ำลือกันอยู่ในเต็นท์หลังหนึ่ง
เมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว อีกฝ่ายนั้นเหมาะกับฉายาที่เรียกต่อๆ กันมาในกองทัพที่หนึ่งจริงๆ เธอทั้งตัวเล็กน่ารัก ผิวขาวอมชมพู ดวงตาเหมือนยังไม่ปลดเปลื้องความเป็นเด็กออกไป เหมือนกับลูกคุณหนูที่เกิดในตระกูลขุนนาง ไม่เคยเจอกับความยากลำบากใดๆ ภายในใจคาบาราพอจะมีหวังขึ้นมา บางทีเรื่องราวมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายเหมือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้ก็ได้
“เจ้า…เรียกข้ามามีธุระอะไรเหรอ?”
เสียดายที่คำพูดประโยคแรกของอีกฝ่ายได้ทำลายสิ่งที่เธอคิดเอาไว้ทั้งหมด
“ข้าสงสัยน่ะ เห็นๆ อยู่ว่าเจ้าเป็นแม่มด ทำไมกลับปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ แล้วไปเข้ากองทัพที่หนึ่งเหมือนคนธรรมดาล่ะ?”
“ข้า…ไม่ค่อยเข้าใจ..” คาบารายังทำเป็นไม่รู้เรื่อง โจเดลบอกรายงานเรื่องนี้ไปจริงๆ ด้วย
“อาการบาดเจ็บของเจ้า” นาน่าชี้ไปที่แขนของเธอ “ถึงแม้จะมีบาดแผลอื่นอยู่ แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เกิดจากอาวุธมีคม กรงเล็บของปีศาจทำแบบนี้ไม่ได้ ข้าคิดว่าน่าจะเป็นอาวุธประเภทมีด นอกจากนี้ตอนที่ข้าจัดการบาดแผล ข้าเห็นร่องรอยการเน่าเปื่อยจากหมอกแดง มันจะซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง หรืออาจจะลึกลงไปถึงกระดูก มีแต่แม่มดเท่านั้นถึงจะได้รับบาดเจ็บแบบนี้ ต่อให้เจ้าจงใจทำลายบาดแผล ในจุดนี้มันก็ไม่สามารถทำปลอมขึ้นมาได้”
ฟาร์รีปิดปากลง
อีกฝ่ายไม่ได้ฟังเรื่องนี้มาจากโจเดล ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดแจกแจงออกมาได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าไม่มีช่องว่างให้เธอได้โต้แย้งเลย ตอนแรกยังนึกว่าอีกฝ่ายจะไร้เดียงสา หรือไม่ก็สามารถใช้คำพูดหรือไม่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพื่อเอาตัวรอดไปได้ แต่ตอนนี้ดูแล้วนั่นช่างเป็นความคิดที่น่าขันสิ้นดี
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถึงจะพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมาว่า “เจ้าเคยเห็นแม่มดถูกหมอกแดงกัดกร่อนเหรอ?”
นาน่ามุ่ยปากเล็กน้อย “ตัวข้าเอง”
คาบาราตกตะลึง
“ว่ากันว่าหมอกแดงจะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับแม่มด แต่วิธีรักษาอย่างละเอียดกลับไม่มีใครรู้แน่ชัด ข้าจึงได้แต่ต้องทดลองด้วยตัวเอง” สาวน้อยพูดด้วยสีหน้าใจเย็น “ถ้าเกิดมีพี่น้องแม่มดถูกหมอกแดงทำให้บาดเจ็บจริงๆ แต่ข้ากลับไม่สามารถทำอะไรได้ เช่นนั้นข้าคงจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิตแน่” เธอชะงักไปเล็กน้อย “ยังดีที่ขอเพียงไม่รับเอาหมอกแดงเข้าไปเยอะเกินไปหรือไม่ถูกหมอกแดงพ่นเข้าใส่ตำแหน่งสำคัญๆ อย่างเช่นศีรษะ มันก็ยังพอที่จะช่วยชีวิตกลับมาได้ ดังนั้นเจ้าจำเอาไว้นะ ครั้งหน้าถ้าเจอแบบนี้อีก วิธีที่ดีที่สุดคือรีบตัดแขนของตัวเองทิ้งซะ”
คาบาราพูดอะไรไม่ออก จนถึงตอนนี้เธอยังไม่สามารถลืมความเจ็บปวดอันรุนแรงในตอนที่ถูกหมอกแดงกัดกร่อนได้ ปกติโดนเข้าไปแค่ครั้งเดียวก็ไม่คิดที่อยากจะลองเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่เมื่อฟังดูจากน้ำเสียงของอีกฝ่าย มันเหมือนกับว่าเธอทดลองมาหลายครั้งอย่างไรอย่างนั้น ขนาดในตอนที่พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของนาน่าก็ยังไม่เปลี่ยนเลย ดูแล้วไม่ได้เข้ากับภาพลักษณ์ที่ดูเยาว์วัยของเธอเลย
เด็กน้อยที่เกิดมาจากตระกูลขุนนางงั้นเหรอ?
อย่ามาล้อเล่นน่า!
เธอถอนหายใจออกมา ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ถึงแม้ตัวเองจะเคยเป็นอดีตเทพีที่สูงศักดิ์ แต่เธอกลับไม่เคยเป็นฝ่ายได้เปรียบในเรื่องการเจรจาต่อรองเลย ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับราชินีเคลียร์วอเทอร์หรือว่าสาวน้อยคนนหนึ่งของอาณาจักรทางเหนือ
“….ข้าชื่อคาบารา มาจากเผ่าแซนด์สโตน ฟาร์รีเป็นแค่ชื่อปลอมของข้า” ในเวลานี้คาบาราล้มเลิกความคิดที่จะดิ้นรนแล้ว เธอเล่าอดีตทั้งหมดของตัวเองออกมา มาถึงตอนนี้แล้ว กองทัพที่หนึ่งไม่มีทางที่จะรับเธอเอาไว้ในกองทัพแน่ เพราะว่าเธอเคยรับใช้การ์เซียซึ่งเป็นศัตรูของชีค ถ้าเธอต้องถูกคุมตัวกลับไปไต่สวนที่เนเวอร์วินเทอร์ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
โรแลนด์ วิมเบิลดันยืนยันว่าตัวเขาดีกับแม่มด แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะดีกับลูกน้องของศัตรู
“ข้าสงสัยจริงๆ ในศึกของวูล์ฟฮาร์ทครั้งนั้น เจ้าหลอกผู้บริสุทธิ์ของศาสนจักรยังไง?” นาน่าถาม
“พลังสั่งการไม่ใช่แค่สั่งคนอื่นได้ แต่ยังสั่งตัวเองได้ด้วย ถ้าสั่งการแค่คนเดียวล่ะก็ มันสามารถทำเรื่องที่เกินกว่าขีดจำกัดของร่างกายออกมาได้ ความตายเองก็เป็นหนึ่่งในนั้นหมือนกัน” คาบาราค่อยๆ พูด “หลังได้รับคำสั่ง ลมหายใจกับการเต้นของหัวใจก็จะหยุดลงชั่วคราว และในตอนนั้นผู้บริสุทธ์กับทหารพิพากษากำลังไล่ฆ่าราชาของวูล์ฟฮาร์ทอยู่ พวกเขาก็เลยไม่มีเวลามานั่งสนใจข้า”
“อย่างนี้นี่เอง รอยแผลบนหน้าของเจ้าก็ได้มาจากตอนนั้นใช่หรือเปล่า?” คุณหนูไพน์นิ่งเงียบไปครู่ “ข้าไม่ค่อยเข้าใจ เจ้าบอกว่าที่เจ้ามาเข้ากองทัพที่หนึ่งก็เพื่อคนในเผ่าของเจ้าที่ยังหลงเหลืออยู่ อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงต้องปิดบังชื่อของตัวเอง แม้แต่ข่าวที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ยอมบอกคนในเผ่า?”
“ข้าจะไปพูดอะไรได้ล่ะ? พาทุกคนออกไปหาโอเอซิสที่เขียวชอุ่มตลอดปี แต่สุดท้ายมีแต่ข้าคนเดียวที่รอดชีวิตกลับมา?” คาบาราทำสีหน้าเจ็บปวด “พวกเขาเอาความเชื่อใจมอบให้ข้า แต่ข้ากลับทำให้พวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่มีเหตุผล ชายหนุ่มในเผ่านับพันชีวิตต้องไปตายอยู่ในอาณาจักรต่างแดน เผ่าแซนด์สโตนเองก็เกือบถูกกลืนกิน ข้ายังจะมีหน้ากลับไปที่เผ่าอีกเหรอ?”
“การที่กองทัพที่หนึ่งไปรับสมัครชาวทะเลทรายมาเป็นทหารทำให้ข้ารู้ว่าสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำการชดเชยได้ ก็คือการเข้าร่วมกับกองทัพ จากนั้นก็ใช้ความดีความชอบไปแลกกับโอเอซิสที่สามารถให้เผ่าของข้าได้ใช้ชีวิตอยู่ได้ การตรวจสอบของชาวทะเลทรายไม่ได้เข้มงวดเหมือนพวกเจ้า ข้าสร้างตัวตนปลอมขึ้นมา จากนั้นก็ได้รับความเชื่อใจจากท่านไบรอันในตอนที่ไปล้อมโจมตีเผ่าไวลด์เวฟกับเผ่าคัทโบนด์” เธอก้มหน้าลง “ส่วนพวกเจ้าจะจัดการกับข้ายังไงก็ได้ทั้งนั้น แต่…ได้โปรดอย่าทำอะไรเผ่าแซนด์สโตนเลย —- ตอนนี้ในเผ่ามีแต่เด็กกับผู้หญิง พวกนางไม่เคยรับใช้การ์เซีย วิมเบิลดันมาก่อน”
“ข้าเข้าใจแล้ว” นาน่าพยักหน้า “เจ้ากลับไปเถอะ”
“อะไร…นะ?” คาบารางุนงง
“ความจริงที่ข้าเรียกเจ้ามาก็เพื่อจะถามเจ้าว่าเจ้าอยากจะรักษาบาดแผลบนหน้าไหม?” สาวน้อยผายมือ “แต่ตอนนี้ดูแล้วคำตอบของเจ้าคือปฏิเสธ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรที่จะพูดอีก”
เธออ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
ถูกต้อง เธอไม่เคยได้เปรียบในเรื่องการเจรจาเลย เมื่อก่อนตอนที่อยู่ต่อหน้าราชินีเคลียร์วอเตอร์เธอก็มักจะยืนเงียบพูดอะไรไม่ออก เหมือนกับในตอนนี้….
แต่ความรู้สึกมันกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“เออใช่ คืนนี้คณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์จะมาแสดงละครเวทีที่ค่ายตะวันตก” นาน่าพูดยิ้มๆ “ถ้าเจ้ากลับไปที่ค่ายตอนนี้ล่ะก็ ไม่แน่อาจจะทันดูตอนจบก็ได้นะ”
คาบารากัดริมฝีปาก จากนั้นจึงโค้งตัวทำความเคารพแล้วเดินออกจากเต็นท์ไป
……………………………………………………………………