Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1324 ฝันใหม่
บุ๊คหอบเอกสารกองใหญ่ขึ้นมาบนชั้นสามของปราสาท ก่อนจะเจอไนติงเกลที่เดินหาวออกมาจากห้องทำงาน
“เจ้ายังไม่นอนเหรอ?” ไนติงเกลหยุดฝีเท้าพร้อมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“น่าจะเป็นเพราะอายุมากแล้ว ช่วงนี้เลยนอนไม่ค่อยหลับ” บุ๊คส่ายหัวยิ้มๆ “ฝ่าบาทล่ะ พระองค์บรรทมหรือยัง?”
“อื้อ พระองค์กลับไปที่ห้องบรรทมเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว”
“แล้วทำไมเจ้ายังอยู่ที่ห้องทำงานอยู่ล่ะ?” เธอพูดพร้อมเอามือปิดปาก “คงไม่ใช่ว่าแอบกินขนมของฝ่าบาทอยู่หรอกนะ?”
“เอ่อ…ฮ่าๆๆ” ไนติงเกลตกตะลคงไปเล็กน้อย จากนั้นจึงหัวเราะแห้งๆ ออกมา “ใช่ ข้ากินเนื้อแดดเดียวของพระองค์ไป แล้วก็ยังแอบกินเครื่องดื่มยุ่งเหยิงไปนิดหน่อยด้วย เจ้าอย่าไปบอกฝ่าบาทล่ะ”
ครั้งนี้กลายเป็นบุ๊คที่ตกตะลึง
เธอเป็นอะไรของเธอ…จู่ๆ ก็ตอบออกมาหน้าตาเฉย เมื่อก่อนนี้ถ้าไม่ถูกจับได้คาหนังคาเขา ไนติงเกลจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด
แต่เมื่อคิดถึงว่าตัวเองกับเวนดี้ัมักจะแอบเอาเครื่องดื่มของเธอไปดื่ม บุ๊คจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี
“อย่างนั้น ข้าไปนอนก่อนล่ะ…” ไนติงเกลหลบสายตา แล้วเดินลงไปที่ชั้นสอง “เจ้าก็อย่านอนดึกมากล่ะ ข้าได้ยินฝ่าบาทตรัสว่าคนยิ่งอายุเยอะ ถ้ายิ่งอดนอนมันจะยิ่งไม่ดี” เธอเดินลงบันไดไปพร้อมเงยหน้าขึ้นมา “ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์” บุุ๊คตอบกลับไปอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องทำงาน
ถึงแม้เปลวไฟภายในเตาผิงจะดับไปแล้ว แต่มันยังคงมีไออุ่นแผ่กระจายออกมา ในอากาศเหมือนจะยังมีกลิ่นหอมจางๆ หลงเหลืออยู่ ดูเหมือนไนติงเกลจะอยู่ที่นี่มาพักใหญ่ๆ แล้ว
บุ๊คไม่คิดอะไรมากอีก เธอเปิดตู้หนังสืออย่างคุ้นเคย ก่อนจะเอาเอกสารแยกจัดเข้าไปในตู้ แล้วก็หยิบเอาเอกสารที่ฝ่าบาททรงรอคำตอบออกมา
มันคือแบบคำนวณที่ยาวเหยียด เมื่อดูจากลายมือแล้ว คนที่เขียนมันขึ้นมามีทั้งฝ่าบาทโรแลนด์ อันนา แล้วก็เซลีน หนึ่งในงานประจำของเธอก็คือเอาเอกสารพวกนี้ไปส่งให้สถาบันคำนวณ แล้วก็ให้นักโหราศาสตร์พวกนั้นคำนวณคำตอบออกมา แล้วค่อยเอาคำตอบที่ได้ไปตรวจกับร่างศูนย์กลางอีกทีหนึ่ง
เมื่อดูจากตัวหนังสือที่เขียนกำกับเอาไว้ แบบคำนวณเหล่านี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการทดลองอันใหม่ของฝ่าบาท เพียงแต่เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแค่คำนวณไปคำนวณมาบนกระดาษถึงได้สามารถกำหนดร่างสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหรือไม่เคยคิดถึงมาก่อนได้ ราวกับว่าสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษนั้นไม่ใช่ตัวเลข หากแต่เป็นแบบร่างของความจริง สำหรับเธอแล้วนี่มันไม่ได้ต่างอะไรกับการรู้อนาคตเลย
ทุกครั้งที่ได้เห็นลายมือที่เรียบร้อยของอันนา บุ๊คจะอดรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมาไม่ได้ทุกที หญิงสาวที่เกิดที่เมืองชายแดนขึ้นหนึ่งได้ถึงไปถึงดินแดนที่พวกเธอไม่มีวันที่จะเข้าใจได้ เห็นๆ อยู่ว่าตอนแรกทุกคนยังมานั่งดูฝ่าบาททำการทดลองทางวิทยาศาสตร์อย่างง่ายๆ อยู่ในห้องทำงาน ไม่ว่าใครต่างก็ถามคำถามฝ่าบาทโรแลนด์ได้ แต่ตอนนี้คนที่ตามอยู่ข้างกายฝ่าบาทโรแลนด์ได้กลับเหลือเพียงแค่อันนาเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ภายในใจเธอไม่ได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด หากแต่รู้สึกภูมิใจอย่างมาก
เพราะว่านั้นคือพี่น้องของเธอ
บุ๊คนั่งลงตรงโต๊ะทำงานของโรแลนด์ แล้วก็พลิกอ่านข้อมูลเหมือนอย่างทุกทีเพื่อที่จดจำพวกมันเอาไว้ทั้งหมด แบบนี้ต่อให้เอกสารตกหล่นไป เธอก็จะได้รู้ได้ทันที
แต่ครั้งนี้เธอกลับสังเกตได้ถึงความผิดปกติ
“นี่เรา…ตาลายยังงั้นเหรอ?”
บุ๊คนวดตาตัวเอง ก่อนจะมองเห็นตัวหนังสือกับสัญลักษณ์ลอยขึ้นมาที่ด้านหลังสมการบางส่วน รวมกับว่านั้นเป็นคำตอบของมันอย่างไรอย่างนั้น
ถ้านี่เป็นข้อสอบหรือแฟ้มทะเบียนบ้าน บุ๊คก็ยังไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะนับตั้งแต่ที่เธอเชี่ยวชาญเทคนิคในการค้นหาอย่างรวดเร็ว เธอก็มักจะแยกแยะได้ทันทีที่เห็นเอกสารว่ามันมาจากไหน แล้วก็เนื้อหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
แต่ปัญหาอยู่ที่เธอเพิ่งจะเคยเห็นข้อมูลนี้เป็นครั้งแรก
บุ๊คไม่เพียงแต่จะไม่รู้ว่าสมการเหล่านั้นมันหมายความว่าอย่างไร แม้กระทั่ง ‘คำตอบ’ ที่ลอยอยู่ด้านหลังเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน การที่เธอจะดูให้เข้าใจจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ไม่ใช่ว่าด้านหลังสมการทุกอันจะมีสัญลักษณ์แปลกๆ ปรากฏขึ้นมา ด้านหลังสมการส่วนใหญ่ยังคงเป็นพื้นที่โล่งๆ อยู่
แถมถ้าจ้องมองสัญลักษณ์ที่ลอยขึ้นมาเหล่านั้นเป็นเวลานาน บุ๊คยังรู้สึกได้ถึงความวิงเวียนด้วย
ดูเหมือนไนติงเกลจะพูดถูก อดนอนนานๆ ส่งผลเสียต่อร่างกายจริงๆ ด้วย บุ๊คถอนใจออกมา ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้เธอถึงไม่รู้สึกง่วงเลย เหมือนกับว่าหัวสมองของเธอกำลังหมุนด้วยความเร็วสูงอย่างไรอย่างนั้น
ถ้าไงพรุ่งนี้ให้ทางศูนย์พยาบาลจ่ายเฟิร์นหลับใหลให้หน่อยดีกว่า เธอคิดขึ้นมาในใจ เฟิร์นหลับใหลที่ว่าไม่ส่งผลข้างเคียงต่อแม่มดมากนัก ถ้าใช้แค่ครั้งสองครั้งน่าจะไม่เป็นอะไร
หลังฝืนจำข้อมูลทั้งหมดแล้ว จู่ๆ บุ๊คพลันรู้สึกได้ถึงความวิงเวียนอย่างรุนแรง แม้แต่สติของเธอก็พลอยเลือนรางขึ้นมา ร่างกายโน้มเอียงไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว แท่นวางปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะพลันถูกมือเธอปัดลงมา
เพียงแค่อาการวิงเวียนนี้มาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ เธอก็รู้สึกกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ไม่เพียงแต่จะไม่มีอาการไม่สบาย แต่ความคิดความอ่านของเธอยังเหมือนจะชัดเจนกว่าก่อนหน้านี้อย่างมากด้วย
บุ๊คกะพริบตา หลังมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร เธอก็ยิ้มแห้งๆ แล้วก้มลงไปเก็บแท่นวางปากกา
ในพริบตานั้นเอง บุ๊คพลันรู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมา
เพราะรูปร่างของพื้น…มันเปลี่ยนไป
ห้องทำงานของฝ่าบาทคือภาพที่เธอไม่มีทางจำผิดเด็ดขาด พื้นทำมาจากไม้สนจากในป่าเร้นลับ บนพื้นปูด้วยพรมขนแกะ ถึงแม้ ถึงแม้ดูแล้วจะค่อนข้างเก่า แต่ฝ่าบาทก็ไม่เคยเปลี่ยนมันมาก่อน แต่ตอนนี้ใต้เท้าของเธอยังคงเป็นพรมขนแกะอยู่ แต่พื้นที่ไกลออกไปกลับเปลี่ยนวัสดุไปเสียแล้ว
จากไม้กลายเป็นหิน
เป็นไปได้ยังไง?
บุ๊คเงยหน้าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เธอยังคงตกใจอยู่เหมือนเดิม
ไม่ใช่แค่พื้นเท่านั้น แต่ห้องทำงานทั้งห้องเหมือนจะเปลี่ยนไปทั้งหมด เก้าอี้ยาวที่ไนติงเกลนั่งอยู่เป็นประจำก็หายไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือตู้เอกสารเหล็กเก่าๆ ใบหนึ่ง ดูเผินๆ แล้วเหมือนกับห้องเอกสารในสำนักบริหารเลย
แต่ก่อนหน้านี้เธออยู่ในปราสาทนี่นา
ใช่แล้ว กระจก!
นั่นเป็นการตกแต่งที่ฝ่าบาททรงชื่นชอบที่สุด แล้วก็เป็นเอกลักษณ์ของห้องทำงานด้วย เพียงแค่มองผ่านหน้าต่างออกไปก็จะมองเห็นเมืองเนเวอร์วินเทอร์ที่สว่างสดใสไปด้วยแสงไฟ
บุ๊คหมุนตัวทันที ก่อนจะเลิกผ้าม่านกำมะหยี่ที่อยู่ด้านหลังขึ้น
แต่สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาของเธอมีแค่กำแพงอิฐสีเทา
เห็นได้ชัดเลยว่านี่ไม่ใช่ห้องทำงานของฝ่าบาทที่เธอคุ้นเคย
เธอลุกขึ้นยืนอย่างลนลานแล้วเข้าไปเคาะกำแพงดู กำแพงไม่ขยับแม้แต่น้อย — เมื่อฟังจะเสียงสะท้อนทึบๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช้ภาพลวงตา หากแต่เป็นกำแพงจริงๆ
บุ๊คพลันรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง
ไม่ว่าใครถ้าจู่ๆ ต้องมาอยู่ในสถานที่แปลกหน้าที่ถูกปิดตายก็คงเกิดความรู้สึกอ่อนแอและไร้หนทาง
ไม่…เธอสูดหายใจแล้วบังคับให้ตัวเองใจเย็น จะบอกว่าปิดตายมันก็ไม่ถูกซะทีเดียว ตรงมุมกำแพงที่อยู่ระหว่างตู้เอกสารสองตู้มีประตูเหล็กที่ไม่สะดุดตาอยู่บานหนึ่ง มันกับตู้เหล็กมีสีที่แทบจะเหมือนกัน ถ้าไม่สังเกตให้ดีๆ ก็คงจะมองข้ามมันไปได้ง่ายๆ
นี่เหมือนจะเป็นทางออกเดียวของห้องนี้
ประตูเหล็กจะไปโผล่ที่ไหน?
สิ่งที่รอเธออยู่ด้านนอกจะเป็นกับดักหรือว่ากำแพง?
บุ๊คอดไม่ได้ที่คิดถึงปัญหาเหล่านี้ ก่อนจะค่อยๆ จับลูกบิดประตู
“แคร่ก…”
ประตูเหล็กเปิดออก
แสงแดดสีทองส่องเข้ามาในห้อง จากนั้นความเงียบสงบพลันถูกทำลาย เสียงจำนวนนับไม่ถ้วนไหลทะลักเข้ามาในห้องพร้อมกับอากาศที่หนาวเย็น มีเสียงพูดคุยเสียงดัง มีเสียงแตรดังปริ๊นๆ แล้วก็มีเสียงฝีเท้าที่ดังไม่ขาดสาย ตรงหน้าเธอ คนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังก้มหน้าก้มตาเดิน บางครั้งก็จะมีบางคนที่กวาดตามองเธอแล้วมองเธออย่างแปลกใจ
และด้านหลังคนกลุ่มนี้ ตึกขนาดใหญ่ที่สูงเหมือนภูเขาจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นตรงหน้าบุ๊ค
…………………………………………………………………..