Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1312 แผนรับมือ
ในฐานะที่เป็นราชาปีศาจ ความสามารถของสกายลอร์ดนั้นเรียกได้ว่าน่าตกใจอย่างมาก มันสามารถใช้พลังเวทมนตร์ในการเปิดประตูอุโมงค์ขึ้นมา ประตูที่ว่าสามารถใช้ในการเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็สามารถใช้เป็นอาวุธหรือเกราะป้องกันได้ แต่ถ้าวิเคราะห์ดูดีๆ ก็จะพบว่ามันไม่ใช่ว่าจะไม่มีจุดบอด
“สิ่งแรกที่สามารถมั่นใจได้ก็คือปีศาจระดับสูงตัวนี้เปิดประตูได้แค่ทีละประตู ยิ่งไปกว่านั้นขนาดของประตูก็อยู่ในขอบเขตที่มือของมันยื่นได้ถึงด้วย” เอดิธส์พูด “ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งนั้นยาวออกไปได้ไกลแค่ได้ก็ยังไม่อาจรู้ได้แน่ชัด แต่อย่างน้อยๆ มันก็สามารถไปได้ไกลมากกว่า 2 กิโลเมตร”
“ฟังดูแล้วเหมือนเป็นพลังของออร์บิทเวอร์ชั่นอัพเกรดเลย”
หลังจากที่อยู่กับโรแลนด์มานาน อกาธาได้เรียนรู้คำศัพท์แปลกๆ มาไม่น้อย อย่างเช่น ‘เวอร์ชั่นอัพเกรด’ ‘เวอร์ชั่นอัพเกรดแบบพิเศษ’ ‘เวอร์ชั่นอัพเกรดขั้นสุดยอด’….
“ถ้าดูแค่เรื่องระยะทางมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือพยักหน้า “แต่จำนวนอุโมงค์ที่ออร์บิทสร้างขึ้นมานั้นขึ้นอยู่กับปริมาณพลังเวทมนตร์ที่เหลืออยู่ แต่สกายลอร์ดนั้นจำเป็นต้องปิดประตูบนหนึ่งก่อนถึงจะสามารถเปิดประตูบานใหม่ได้ สำหรับมันแล้ว ในตอนนั้นถือว่าสถานการณ์คับขันอย่างมาก มันไม่น่าจะปิดบังความสามารถอะไรเอาไว้อีก ในจุดนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก มันจะเป็นตัวตัดสินแผนในการรับมือของพวกเรา อย่างเช่นถ้าอีกฝ่ายสามารถใช้อุโมงค์ได้หลายๆ อุโมงค์พร้อมๆ กัน อย่างนั้นสถานการณ์มันก็จะยิ่งมีความซับซ้อนขึ้นหลายร้อยเท่า”
หลังจากอีกสองคนคิดตามทันแล้ว เธอจึงพูดต่อว่า “สิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ถึงแม้ทางเข้าออกของอุโมงค์จะสามารถอดสั้นลงได้อย่างอิสระ แต่เฮคซอดก็จำเป็นต้องอยู่ใกล้ๆ ประตูถึงจะทำให้มันคงอยู่ได้ จากการสังเกตของคุณหนูซิลเวีย ตอนที่เกิดการระเบิดขึ้นที่เกาะอาชดยุค มันใช้เวลาอยู่หลายวินาทีในการเปิดประตูใหญ่ก่อนจะบินมาทางใต้ของเกาะ”
“นี่หมายความว่า…ประตูยิ่งใหญ่ก็จะยิ่งปิดได้ช้าเหรอ?” ขวานเหล็กเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“อาจจะเป็นเช่นนั้น” เอดิธส์ผายมือ “ส่วนจุดสุดท้ายก็เป็นจุดอ่อนที่สำคัญของมัน —- เฮคซอดไม่ใช่ผู้พิฆาติเวทมนตร์ ทำให้มันไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของแม่มด แล้วก็ยากที่จะทำอันตรายกับคนที่สวมใส่หินอาญาสิทธิ์ได้ ถึงแม้จริงๆ แล้วความแข็งแกร่งของร่างกายมันจะไม่ได้ด้อยกว่าแม่มดอมนุษย์ แต่การบุกเข้ามาต่อสู้ในระยะประชิดด็อาจจะทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในพื้นที่ปิดกั้นเวทมนตร์ได้ ข้าคิดว่ามันไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตของตัวองมาแลกกับมนุษย์แค่สองสามคนแน่”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เธอก็ชะงักไปเล็กน้อย “สรุปแล้วก็คือ ความสามารถหลักๆ ของสกายลอร์ดคือการเปิดอุโมงค์สองฝั่งที่ห่างกันหลายกิโลเมตรโดยมีตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง แถมยังเปิดได้แค่อุโมงค์เดียวต่อหนึ่งครั้ง ไม่ว่าปลายอุโมงค์จะอยู่ที่ไหน แต่ขอเพียงได้รับผลกระทบจากหินอาญาสิทธิ์ อุโมงค์ก็จะพังทลายลง”
“อย่างนั้นถ้ามันโผล่มาอีก วิธีการรับมือของพวกเราคือ….”
“ถ้ามันอยู่ด้านนอกฐาน อีกทั้งปากทางเข้าอุโมงค์ไม่ได้หันมาทางฐาน ก็ให้คุณหนูซิลเวียสั่งระดมยิงปืนใหญ่เข้าไปก็พอ” เอดิธส์พูดอธิบายทีละขั้นตอน “ถ้าหากปากอุโมงค์มันอยู่ในฐานหรือว่าบางทีมันอาจจะใช้ประตูเล็กในการบุกเข้ามาในฐานของกองทัพที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว อย่างนั้นก็ไม่ต้องให้ทหารทำอะไร แค่ปล่อยให้มืออาชีพจัดการก็พอ”
“ไม่ต้องทำอะไร?” ขวานเหล็กงุนงงเล็กน้อย จากนั้นจึงคิดขึ้นมาได้ “….อย่างนี้นี่เอง”
“ถูกต้อง” เอดิธส์ยิ้มๆ “ความจริงวิธีการโจมตีที่ได้ผลของสกายลอร์ดก็คือการใช้อาวุธของพวกเราในการย้อนกลับมาโจมตีพวกเราเอง ทันทีที่ทหารไม่ทำอะไร ความเสียหายที่มันจะสร้างให้กับฐานของเราได้ก็จะถูกจำกัด ก็เหมือนกับที่ข้าเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ความสามารถอันนี้ถ้าใช้ในการเคลื่อนย้ายกำลังพล มันแทบจะเป็นความสามารถที่ไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ แค่ถ้าเอามาใช้ในการโจมตีมันกลับไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีซักเท่าไร
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพที่หนึ่งที่มองข้ามมัน ราชาปีศาจไม่มีทางที่จะบุกเข้ามาในหลุมเพลาะเพื่อสังหารทหารในระยะประชิดแน่ เพราะถ้าทำแบบนั้นล่ะก็ เมื่อไรที่แม่มดอาญาสิทธิ์หุ้มเกราะมาถึงสนามรบ มันก็ไม่มีทางที่จะหนีรอดออกไปได้
“ถ้าอีกฝ่ายใช้ช่วงเวลาเว้นว่างระหว่างการยิงปืนใหญ่ในการบุกโจมตีกลับมาล่ะ?” อกาธาครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะถามกลับ “อย่างเช่นมันเปิดปลายอุโมงค์ด้านหนึ่งเอาไว้ที่ด้านนอด เพื่อให้พวกเราเข้าไปผิดว่ามันจะขนเอากองทัพปีศาจออกมา แต่พอเรายิงปืนใหญ่เข้าใส่ มันกลับเปิดอุโมงค์หันใหม่หันหน้ามาทางฐานของพวกเรา แบบนั้นพวกเราก็อาจจะถูกปืนใหญ่ของตัวเองยิงใส่ได้”
การที่สามารถคิดถึงจุดนี้ได้ก็เพียงพอที่จะยืนยันว่าแม่มดน้ำแข็งมีความเข้าใจในอาวุธชนิดใหม่ของเกรย์คาสเซิลไม่น้อยเลย
“ตามทฤษฎีแล้ววิธีนี้มันก็ใช้ได้จริงๆ แต่ข้าคิดว่าสกายลอร์ดไม่มีทางทำแบบนั้น” เอดิธส์พูดอธิบาย “ถ้าเป็นประตูที่แค่ให้คนๆ เดียวเดินเข้าออกนั้นแค่พริบตาก็สามารถเปิดได้แล้ว แต่ถ้าต้องการจะเปิดประตูขนาดใหญ่ที่สามารถปกป้องตัวเองได้นั้นกลับต้องใช้เวลา ซึ่งความต่างของเวลาทั้งสองนั้นมีจำกัดอย่างมาก ทันทีที่ล้มเหลว จุดจบของมันก็คือถูกกระสุนปืนใหญ่ฉีกเป็นชิ้นๆ สำหรับราชาปีศาจแล้ว การทำแบบนี้ถือว่าเสี่ยงเกินไป”
“สรุปแล้วก็คือ พวกเราสามารถเข้าใจได้ว่าสกายลอร์ดไม่ได้มีความน่ากลัวต่อแนวหน้าของสนามรบมากเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรกใช่ไหม?” ขวานเหล็กพูดพร้อมลูบคาง
“ข้อสรุปของทีมที่ปรึกษาในตอนนี้เป็นแบบนี้” เอดิธส์ตอบอย่างมั่นใจ “แต่แน่นอน นี่เป็นเพียงสถานการณ์ที่เฮคซอดออกมารบด้วยตัวคนเดียวเท่านั้น ถ้ามีราชาตัวอื่นอยู่ด้วย อย่างนั้นความอันตรายของมันก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าทันที”
อย่างเช่นพาอุรูคเข้ามายังใจกลางค่ายทหาร
ขวานเหล็กกับอกาธาต่างรู้สึกโล่งใจ โชคดีที่อีกฝ่ายตายไปในที่ราบลุ่มบริบูรณ์แล้ว
“แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้พิฆาตเวทมนตร์ตัวใหม่ออกมา ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะหาโอกาสจัดการมันทิ้งไปจะดีที่สุด” น้ำเสียงของไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือแฝงเอาไว้ด้วยจิตสังหาร “มีแต่ต้องกำจัดมันทิ้งเราถึงจะสบายใจได้จริง”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ อกาธาพลันรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา ‘คนธรรมดา’ คนหนึ่งไม่เพียงแต่จะไม่มีความหวาดกลัวต่อปีศาจ แต่กลับวางแผนว่าจะฆ่าราชาปีศาจอย่างไรด้วย หากเป็นเมื่อก่อน เรื่องแบบนี้คงจะเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลก ราวกับว่านี้เป็นเรื่องปกติอย่างไรอย่างนั้น
400 ปีที่ผ่านมานี้ มนุษย์เปลี่ยนไปมากจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นคนหรือว่าสิ่งของ
บางทีการล่มสลายไปของสมาพันธ์อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไปเสียทั้งหมด
อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวศัตรูที่แข็งแกร่งเหมือนอย่างในยุคสมัยนั้น
ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว บางทีในยุคสมัยสมาพันธุ์อาจจะมีคนธรรมดาที่มีความสามารถเหมือนอย่างเอดิธส์ เคนท์อยู่หลายคนก็ได้ เพียงแต่การมองโลกในแค่ร้ายและความกวาดกลัวที่แพร่กระจายอยู่ในเผ่าพันธุ์ได้ผูกมัดความคิดและความกล้าของพวกเขาเอาไว้ บวกกับช่องระหว่างชนชั้นที่ชนชั้นสูงสร้างขึ้นมาได้ทำให้ยุคสมัยนั้นตกอยู่ในความมืดที่ไร้แสงสว่าง
แต่ในครั้งนี้ก่อนที่มนุษย์จะได้ลิ้มรสความผิดหวังที่แท้จริง โรแลนด์ วิมเบิลดันได้หยุดการแพร่กระจายของมันเอาไว้
ในขณะที่อารมณ์กำลังเอ่อล้นออกมา เธอพลันคิดถึงตอนที่เธอตื่นขึ้นมาจากโลงศพน้ำแข็งและได้เจอกับโรแลนด์เป็นครั้งแรก
เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มขึ้นจากคำพูดที่ว่า ‘คนธรรมดาก็สามารถเอาชนะปีศาจได้เหมือนกัน’…..
“เฮคซอดไม่น่าจะตกหลุมพรางแบบเดียวกันเป็นครั้งที่สอง เจ้ามีแผนอะไรไหม?” ขวานเหล็กถาม
“ขอเพียงการเคลื่อนไหวของกองทัพที่หนึ่งมีความคล่องแคล่วมากพอ ต่อให้ไม่วางกับดัก เราก็ยังสามารถหาโอกาสในการกำจัดศัตรูได้ อย่างเช่นใช้เฮฟเว่นเฟลมชิดตั้งอาวุธปืนที่มีลำกล้องขนาดใหญ่ที่สามารถยิงกระสุนหินอาญาสิทธิ์”
“ก็จริง” ผู้บัญชาการกองทัพกล่าวเสียงเข้ม “แต่นั้นก็จำเป็นต้องใช้หัวกระสุนหินอาญาสิทธิ์จำนวนไม่น้อย หรือว่าเจ้าคิดวิธีมีการสกัดเอาหินอาญาสิทธิ์ออกมาได้?”
“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ”
“หา?”
เอดิธส์ยักไหล่ “ข้าเป็นแค่หัวหน้าทีมที่ปรึกษา ไม่ใช่พระเจ้า ข้าทำได้แค่ช่วยออกความเห็นเท่านั้น ส่วนจะทำให้มันเป็นจริงได้อย่างไร ก็ต้องปล่อยให้ฝ่าบาทโรแลนด์ทรงเป็นคนจัดการ วางใจได้ เรื่องพวกนี้ข้าจะเขียนเอาไว้ในรายงาน เพื่อชัยชนะของเราแล้ว พระองค์ก็ควรจะพยายามเต็มที่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
อีกสองคนยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที
เห็นทีบนหัวของฝ่าบาท…คงจะมีผมหงอกขึ้นมาอีกหลายเส้นซะแล้ว
………………………………………………………..