Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1279 สมรู้ร่วมคิด
“ท่านดยุค ข้างหน้าคือเมืองฟรอสต์ขอรับ”
อัศวินคนหนึ่งกล่าวรายงาน
มาร์เวน ไพค์ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดูความเคลื่อนไหวภายในเมือง เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงชายแดนทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์กับวูล์ฟฮาร์ท รอบเป็นเนินเขา ไม่ว่าจะไปยืนอยู่บนเนินไหนก็สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวภายในเมืองได้อย่างชัดเจน เนื่องจากเมืองแห่งนี้ง่ายต่อการถูกโจมตี ทำให้ในช่วงร้อยกว่าปีมานี้จึงไม่มีการสร้างปราสาทขึ้นในเมืองฟรอสต์แห่งนี้
ในอาณาจักรใหญ่ทั้งสองมีเมืองเล็กๆ แบบนี้อยู่มากมาย แล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเลย ถ้าเป็นเวลาปกติมาร์เวนไม่มีทางที่จะสนใจเมืองแบบนี้แน่ แต่ตอนนี้เมืองเล็กๆ แห่งนี้กลับมีความหมายอย่างมาก
“คนที่ส่งไปสืบข่าวได้เรื่องอะไรกลับมาไหม?”
“สอบถามมาแล้วขอรับ จ่ายเงินไปแค่ไม่กี่เหรียญเงิน พวกชาวบ้านในเมืองก็บอกทุกอย่างออกมาเลยขอรับ” อัศวินพูดอย่างภูมิใจ “พวกทหารของเกรย์คาสเซิลมันมาที่นี่จริงๆ ด้วยขอรับ จำนวนมีไม่เยอะ ประมาณ 40 – 50 คน พวกเขาจะแวะมาที่นี่เป็นช่วงๆ ขอรับ”
“ทำไมพวกมันถึงไม่ตั้งค่ายที่นี่?”
“หลังข้ามชายแดนแล้วจะเป็นเนินเขา แถมยังได้ยินว่ามีหมาป่าปรากฏตัวออกมาด้วย ถ้าไม่มีคนคอยคุ้มกัน เกรงว่าพวกชาวบ้านที่อพยพคงข้ามไปไม่ได้แม้แต่คนเดียวขอรับ”
มาร์เวนใจชื้นขึ้นมาทันที
หมอกแดงนั้นไม่ได้อิงแนวชายแดนในการกระจายตัวออกไป หากแต่กระจายตัวออกไปเรื่อยๆ เป็นครึ่งวงกลม นี่ทำให้หมอกแดงที่อยู่ไกลที่สุดนั้นข้ามไปถึงฝั่งเมืองหลวงของวูล์ฟฮาร์ท ส่วนจุดที่ใกล้ที่สุดนั้นยังคงอยู่ในอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ เมื่อเทียบกับการข้ามไปอาณาจักรเพื่อนบ้านแล้ว เห็นได้ชัดว่าการทำศึกภายในอาณาจักรตัวเองนั้นทำให้เขารู้สึกปลอดภัยมากกว่า
ซึ่งเมืองฟรอสต์ไม่เพียงแต่จะตั้งอยู่ในอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ แต่ตำแหน่งที่ตั้งของมันยังรกร้างห่างไกลจนทำให้พวกผู้อพยพแทบจะไม่ใช้เส้นทางนี้ในการข้ามไปยังอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆ ที่การคมนาคมค่อนข้างสะดวกแล้ว เมืองฟรอสต์แทบจะเป็นเมืองที่ไม่มีใครมองอยู่ในสายตาเลย
และสิ่งที่มาร์เวนต้องการก็คือคนน้อยๆ
คนน้อยก็หมายความว่าทางเกรย์คาสเซิลจะไม่ค่อยสนใจที่นี่ ซึ่งข่าวที่สืบมาได้ก็ยิ่งย้ำชัดในจุดนี้
ก็เหมือนกับที่ปราชญ์แก่บอกเอาไว้ พวกกองทัพขนาดใหญ่ของเกรย์คาสเซิลนั้นปล่อยให้ปีศาจเป็นคนจัดการ สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเล่นงานอีกฝ่ายในจุดที่อ่อนแอ ขอเพียงเรื่องนี้กระจายออกไป ไม่ว่าผลการโจมตีจะประสบความสำเร็จแค่ไหนมันก็จะทำให้อีกฝ่ายเกิดความระแวงอย่างแน่นอน
แต่แน่นอนว่าแผนของปราชญ์แก่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หลังจากนี้เขายังมีแผนที่ร้ายกาจยิ่งกว่านี้เอาไว้ใช้เล่นงานคนของเกรย์คาสเซิลอยู่อีก ถ้าหากโจมตีสำเร็จซัก 2 – 3 ครั้ง เขาเชื่อว่าแผนการชิงคนของอีกฝ่ายจะต้องหยุดชะงักลงแน่นอน และบางทีท่านสกายลอร์ดก็อาจจะเห็นถึงความสำคัญของเขามากขึ้น
“กลับก่อนแล้วกัน ถึงเวลาที่ต้องคุยกับทุกคนแล้ว”
….
หลังใช้เวลาอยู่ครึ่งวันก็เดินทางมาถึงเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด มาร์เวนเดินอาดๆ เข้าไปในคฤหาสน์เจ้าเมือง เดิมที่นี่เป็นที่อยู่ของบารอนคนหนึ่งที่ไม่เป็นที่รู้จัก แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานเขากลับหลบหนีไปเพราะหวาดกลัวข่าวลือเรื่องปีศาจ นี่ทำให้เขาประหยัดแรงไปได้ไม่น้อย
ตอนนี้ที่แห่งนี้ยังไม่ใช่ของเขา เพราะอำนาจที่แท้จริงของเขาตอนนี้จำกัดอยู่แค่เมือง 4 เมืองทางเหนือ แต่มาร์เวนเชื่อว่าอำนาจของตระกูลไพค์จะต้องขยายตัวไปมากกว่านี้แน่นอน
ไม่นานเหล่าขุนนางที่เขาเรียกพบก็มารวมกันพร้อมหน้า
ดยุคมองไปรอบๆ และคอยจดจำสีหน้าและใบหน้าของแต่ละคนอย่างเงียบๆ ภายในห้องมีคนที่ตอบรับคำเชิญของเขา 45 คน พวกเขาส่วนใหญ่เป็นอัศวิน แล้วก็มีบารอนอยู่อีก 3 – 4 คน ส่วนคนที่มีจำนวนสูงที่สุดก็คือวิสเคาท์นาร์นอสซึ่งเป็นอดีตผู้ปกครองท่าเรือนอร์ธเทินโมสต์ คนพวกนี้ถ้าไม่ถูกบีบให้ออกมาจากดินแดนของตัวเอง ก็ถูกคนของเกรย์คาสเซิลแย่งประชาชนในเมืองไปจนหมด ทันทีที่เขาสัญญาว่าจะให้ที่ดินและทรัพย์สินเงินทองเป็นรางวัล พวกเขาก็มาสวามิภักดิ์ต่อตนอย่างไม่ลังเล ถ้านับรวมอัศวิน ผู้ติดตามและคนใช้ที่แต่ละคนพามาด้วย คนที่สามารถใช้งานได้เหล่านี้ก็จะมีจำนวนมากกว่า 300 คน
เมื่อมีแผนการและความได้เปรียบเรื่องจำนวนคน นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเล่นงานพวกเกรย์คาสเซิลอย่างไม่ต้องสงสัย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือครั้งนี้พวกเขาไม่มีความต่างกันในเรื่องของอาวุธ ที่ผ่านมาขุนนางของอีเทอร์นอลวินเทอร์ถูกเล่นงานจนไม่สามารถตอบโต้ได้ นั่นเป็นเพราะว่าอาวุธของคนเกรย์คาสเซิลมีความรุนแรงอย่างมาก ทั้งความเร็วในการยิงและระยะในการยิ่งล้วนแต่ไม่ใช่สิ่งที่อาวุธหิมะที่พวกเขาสร้างเลียนแบบขึ้นมาจะเทียบได้ ถ้าไม่มีอาวุธที่สกายลอร์ดยึดมาให้เหล่านี้ อย่าว่าแต่ 300 คนเลย ต่อให้มีคนเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ขุนนางพวกนี้ก็คงไม่ยอมมาช่วยเขาสู้กับคนของเกรย์คาสเซิลแน่
“ไม่ทราบว่าทุกคนเตรียมตัวกันยังไงบ้าง?” มาร์เวนกระแอมเล็กน้อย “ข้าคิดว่าคนของพวกเจ้าคงจะคุ้นเคยกับอาวุธพวกนั้นแล้วใช่ไหม?”
“ก็แค่เอากระสุนใส่เข้าไป จากนั้นเล็งเป้าหมายแล้วก็เหนี่ยวไกไม่ใช่เหรอ” วิสเคาท์นาร์นอสพูดด้วยสีหน้าหยิ่งยโส “ชาวนาบ้านนอกพวกนั้นยังใช้ได้เลย แล้วทำไมพวกข้าจะใช้ไม่ได้ ไอพวกที่ถูกจับมาต้องโดนลงโทษหนักๆ ก่อนถึงจะยอมพูดออกมา ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย!”
“ถูกต้อง ถึงมันจะสร้างขึ้นมาอย่างประณีต แล้วก็ยากที่พวกเราจะทำเลียนแบบได้ แต่เวลาใช้มันกลับใช้ง่ายกว่ามีดดาบมาก”อัศวินคนหนึ่งพูดสำทับขึ้นมา “ข้าเคยถามคนของเกรย์คาสเซิลแล้ว พวกเขาเพิ่งจะเข้ากองทัพมาได้ไม่ถึงสองปี ปกติแค่เดือนเดียวก็ฝึกยิงอาวุธเป็นแล้ว แต่ข้าต้องใช้เวลาฝึกดาบอยู่ 5 ปี”
“ที่ต้องเวลาตั้งเดือนเพราะคนพวกนั้นมันโง่ ถ้าเป็นข้าแค่ 3 วันก็เป็นแล้ว” คำพูดของอีกคนเรียกเสียงหัวเราะขึ้นมา
“ข้าจะทำให้พวกมันรู้ว่าถ้าไม่มีอาวุธ พวกมันก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย!”
“อาวุธพวกนั้นให้แม่มดทำขึ้นมาไม่ใช่เหรอ? ข้าว่าราชาแห่งเกรย์คาสเซิลก็แค่ฉวยโอกาสหลังจากที่อีเทอร์นอลวินเทอร์กับวูล์ฟฮาร์ทถูกศาสนจักรปล้นไปเท่านั้นแหละ”
เยี่ยมไปเลย! มาร์เวนครุ่นคิด ขุนนางพวกนี้รอที่จะแก้แค้นคนของเกรย์คาสเซิลมานานแล้ว ถึงแม้คนกลุ่มนี้เพิ่งจะรวบรวมมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว บางคนยังไม่รู้จักชื่อกันด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยทุกคนก็มีเป้าหมายเดียวกัน
“แต่ว่าลูกดอกที่ถูกเรียกว่ากระสุนพวกนั้นมันมีจำนวนจำกัด ถ้าแบ่งให้ทุกคนใช้ก็จะยิ่งมีจำนวนน้อยลงไปอีก” อัศวินที่ติดตามเขาออกไปข้างนอกก่อนหน้านี้พูดพร้อมผายมือ “ถ้าเป็นไปได้ ข้าหวังว่าทุกคนจะใช้มันอย่างประหยัด รอให้เราเข้าใกล้ศัตรูก่อนแล้วค่อยใช้มันออกมา”
มาร์เวนมองดูอีกฝ่ายอย่างชื่นชม คนๆ นี้ชื่อฟูลเลอร์ เป็นคนจากทางดินแดนตะวันตก ก่อนหน้านี้ที่พาเขาออกไปด้วยก็เป็นเพราะเห็นถึงความฉลาดเฉลียวของเขา จากคำพูดนี้ทำให้รู้ว่าฟูลเลอร์นั้นมองเห็นถึงหัวใจสำคัญของการเอาชนะในศึกครั้งนี้แล้ว ถ้ามีโอกาสชักชวนให้เขามาเป็นคนของตัวเองก็คงจะดี
“สบายใจได้” ดยุคพูดอย่างมั่นใจ “กระสุนของคนเกรย์คาสเซิลก็มีไม่เยอะเหมือนกัน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของวูล์ฟฮาร์ทเต็มไปด้วยเนินเขา ในจุดนี้ทำให้พวกมันขนส่งได้ยากลำบาก นอกจากนี้…พวกมันจะต้องยอมให้พวกเราเข้าใกล้แน่ เพราะพวกมันเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าให้คุ้มครองผู้อพยพออกไปจากพื้นที่เสี่ยง?”
ทุกคนยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา
ถูกต้อง ขอเพียงอีกฝ่ายมาเพื่อแย่งคนไป พวกเขาก็ต้องไม่มีทางปล่อย ‘แพะ’ พวกนี้ไปแน่ แต่พวกเขาคงจะคิดไม่ถึงว่าบางครั้งจะมีฝูงหมาป่าแอบซ่อนอยู่ในฝูงแพะด้วย บนโลกนี้ ผู้ล่าสามารถกลายเป็นผู้ถูกล่าได้ในชั่วพริบตา กว่าพวกเขาจะรู้ตัวว่าโดนหลอก เกรงว่าพวกเขาก็คงจะเข้าไปอยู่ในกรงแล้ว
หลังจากนั้นขอเพียงตัวเองปลอมเป็นอีกฝ่ายกลับไปปล้นเมืองตามทาง พวกชาวบ้านก็คงไม่มีเชื่อคำโฆษณาของเกรย์คาสเซิล หากทำแบบนี้ซ้ำซัก 2 – 3 ครั้ง พวกเขาก็อย่าได้คิดที่จะชิงคนไปอีกแม้แต่คนเดียวเลย
“ข้าปล่อยข่าวออกไปแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานทางเกรย์คาสเซิลจะต้องมีความเคลื่อนไหวแน่ ถึงตอนนี้็ก็ขอให้ทุกคนลงมือให้เต็มที่ ทุกอย่างที่ยึดมาได้จะเป็นของพวกเจ้าทั้งหมด!” มาร์เวนลุกขึ้นพูดสรุป “นี่เป็นทั้งโอกาสในการล้างแค้นของพวกเจ้า แล้วก็เป็นโอกาสที่จะได้ไขว่คว้าเอาที่ดินและทรัพย์สมบัติเอาไว้! ขอเพียงบรรลุเป้าหมาย ข้าไม่มีทางคืนคำแน่นอน! ทุกท่าน ตอนนี้ได้เวลาที่จะให้คนเกรย์คาสเซิลมันได้ชดใช้แล้ว!”
………………………………………………………….