Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1266 อดีต
เวนดี้ยิ้มพร้อมลูบหัวไทเลน “เห็นลูน่าเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนนางขี้กลัวกว่าเจ้าอีกรู้ไหม”
“อ้าา หยะ หยุดนะ!” ลูน่ารีบขอร้อง “นั่นมันเป็นเรื่องในอดีต!”
“โอ้? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” หูของโลก้าตั้งขึ้นมา
“ตอนนั้นนางจะกล้ามาหาขาแค่ตอนที่ทุกคนหลับไปแล้ว ถ้าจะให้เล่าล่ะก็ ทั้งวันก็ยังเล่าไม่หมด…”
“หยุด!” ลูน่าตะโกนเสียงดัง “จะให้ข้าทำอะไร พี่เวนดี้!”
“วางใจได้ ข้าไม่เล่าออกมาหรอก…แต่ว่าเมื่อวานบุ๊คมาบ่นให้ข้าฟังว่าในสำนักบริหารยุ่งมาก ห้องเอกสารไม่มีใครไปจัดนานแล้ว…”
“ข้าไปเดี๋ยวนี่แหละ ทีมนักสืบขอตัว!” ก่อนจะจากไปเธอยังหันมากะพริบตาให้ทั้งสองคน “คืนนี้พวกเราค่อยเจอกัน!”
“ชิ” หมาป่าสาวเบะปาก ก่อนจะเดินตามคนอื่นๆ ออกไปนอกกกำแพงสวน “ข้าไปช่วยด้วยดีกว่า ใครใช้ให้ข้าเป็นคนดีล่ะ”
จนกระทั่งเหล่าแม่มดเดินจากไปแล้ว เกรย์แรบบิทจึงเอาข้อศอกขึ้นมากระทุ้งเบลแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “ข้าว่าพี่โลก้าคงไม่อยากถูกเจ้าเหมารวมมาเป็นคนขี้เกียจ นางถึงได้ตามไปด้วย”
“เอ่อ…จริงเหรอ?”
“พรืดด” โมโม่หลุดหัวเราะออกมา
ไทเลนเองก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ถึงแม้จะเป็นแค่ชั่วแวบเดียว แต่ในระหว่างทางที่นี่จากเจ้านายมา เธอไม่เคยเห็นอีกฝ่ายยิ้มมาก่อน
“ที่นี่ดีหมดทุกอย่าง แค่บางครั้งจะวุ่นวายไปหน่อย แค่เดี๋ยวสักพักพวกเจ้าก็จะชินไปเอง” เวนดี้พูดด้วยเสียงนุ่มนวล “เดี๋ยวพวกเราไปดูที่พักกันก่อนดีกว่า”
…..
กระทั่งเดินดูทั้งตึกเสร็จเรียบร้อย ไทเลนจึงรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก
บนโลกนี้มีห้องที่สบายขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย! ถึงแม้มันจะไม่ใหญ่ แต่ทุกอย่างล้วนแต่จัดทำขึ้นมาอย่างประณีต แม้แต่ฟูกที่นอนธรรมดาๆ ก็ยังมีความละเอียดและนุ่มนวลอย่างที่คาดไม่ถึง เธอไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นที่อยู่ของขุนนาง เรียกได้ว่าช่วงเวลาหลายปีที่ถูกเจ้านายขังเอาไว้ สถานที่ที่อยู่ถูกจับไปขังเอาไว้บ่อยที่สุดก็คือห้องนอน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เตียงที่ทำขึ้นมาจากผ้าคุณภาพดีและใช้เบาะฝ้ายยัดเอาไว้หลายชั้นยังไม่อาจเทียบกับเตียงที่นี่ได้
ในตอนที่เวนดี้คะยั้นคะยอให้เธอลองนอน เธอถึงกับส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ด้วยความส่าย ความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่ในหัวใจถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้เธอเกือบจะลืมลุกขึ้นมา
ส่วนโมโม่เองก็ไม่ได้ต่างจากเธอเท่าไร
เวนดี้อธิบายให้ฟังว่าที่ฟูกที่นอนนุ่มขนาดนี้นั้นเป็นเพราะด้านในมีสปริงติดตั้งอยู่หลายร้อยเส้น ไม่ว่าจะนอนพลิกไปมาอย่างไรก็จะได้รับสัมผัสระหว่างเตียงกับร่างกายที่ดีที่สุด
ถึงแม้ไทเลนจะไม่รู้ว่าสปริงที่ว่ามันคืออะไร แต่อย่างน้อยเธอก็ฟังออกว่ามัยทำขึ้นมาจากเหล็กกล้าบริสุทธ์ เอาวัตถุดิบที่เอาไว้ตีเป็นชุดเกราะมาทำให้ฟูกที่นอนมีความสบายมากขึ้น เธอไม่รู้ว่าควรจะชมคนที่ประดิษฐ์มันขึ้นมาว่ามีความคิดสร้างสรรค์หรือว่าไม่รู้คุณค่าของสิ่งของดี
แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดหนึ่งเท่านั้น
อย่างเช่นท่อที่พอบิดกลไกก็จะมีน้ำไหลออกมาเอง
อย่างเช่นกระจกที่แขวนอยู่ในห้องน้ำแล้วสามารถมองเห็นร่างกายทุกซอกทุกมุมได้
อย่างเช่นแผ่นปูพื้นที่ทั้งนิ่มแล่วยังกันลื่นได้ด้วย
อย่างเช่นโคมไฟที่พอใส่พลังเวทมนตร์เข้าไปก็จะสว่างขึ้นมา
แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ดูเรียบง่ายก็ยังให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับเฟอร์นิเจอร์ที่อื่น เธอเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัรฃนว่ามันต่างกันอย่างไร แต่ว่ามันใช้ง่ายเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ที่อยู่ใหญ่โตของพวกขุนนางแล้ว ที่นี่ดูเหมือน ‘บ้าน’ สำหรับใช้อยู่อาศัยมากกว่า
“ตอนแรกตึกแม่มดก็ไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก” เวนดี้อธิบายต่อ “ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา พี่้น้องแม่มดหลายๆ คนได้ทำการเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้น แล้วก็เอาผลสำเร็จนี้เผยแพร่ไปยังที่อื่นๆ ไม่ใช่แค่ในเขตปราสาทเท่านั้น แต่ในเขตที่อยู่อาศัยที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ก็ใช้เทคโนโลยีบางส่วนของตึกแม่มดเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าถ้าอยากจะเป็นคนแรกๆ ที่ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีพวกนั้น อย่างนั้นก็ตึกแม่มดแห่งนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”
“พวกเรา…ก็อยู่ที่นี่ได้งั้นเหรอ?” โมโม่ถามขึ้นมาอย่างลังเล
“ได้สิ ขอเพียงพวกเจ้ายอมเข้ามาอยู่ในสโมสรแม่มด”
“เลือกที่จะไม่เข้าได้ด้วยเหรอ?” ไทเลนแปลกใจอย่างมาก
“เพราะว่าพวกข้าเคยมีประสบการณ์อันแสนเศร้าสมัยที่อยู่สมาคมแม่มด…” มีอยู่ชั่วแวบหนึ่ง บนใบหน้าของแวนดี้ดูเศร้าเสียใจ “ไม่พูดถึงเรื่องนั้นดีกว่า เอาเป็นว่า พวกเจ้าสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะอยู่ที่ไหน ยังจำคำถามที่พวกเจ้าถูกถามตอนที่อยู่ตรงด่านที่ท่าเรือไหม?”
ไทเลนพยักหน้า ตอนนี้มีแต่เธอกับโมโม่ที่ถูกเชิญให้เข้าไปในห้องเล็กๆ
“นั่นคือการตรวจสอบความเป็นภัยที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแม่มดโดยเฉพาะ เพราะถ้าคนที่มีเวทมนตร์มีความคิดที่ชั่วร้าย ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะมากกว่าคนธรรมดา แต่หลังจากได้รับการยืนยันแล้วว่าพวกเจ้าไม่เป็นภัยต่อเนเวอร์วินเทอร์ พวกเจ้าก็จะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองได้อย่างอิสระ ความจริงนอกจากสโมสรแม่มดแล้ว ยังมีกลุ่มแม่มดอยู่อีกกลุ่มชื่อว่ามนตร์แห่งสลีปปิ้ง พวกนางก็เป็นกลุ่มแม่มดที่ตั้งมาจากแม่มดที่หลบหนีเหมือนกัน หัวหน้ากลุ่มนั้นคือน้องสาวของฝ่าบาทโรแลนด์ วิมเบิลดัน” เวนดี้ชะงักไปเล็กน้อย “แน่นอน พวกเจ้าเองก็สามารถเลือกที่จะไม่เข้าทั้งสองกลุ่ม แล้วไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ ซึ่งข้าก็จะคอยชี้แนะและให้การช่วยเหลือ ในนามส่วนตัวของข้า”
“แต่ความสามารถของพวกข้า…”
“นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือพวกเจ้าอยากจะใช้ชีวิตแบบไหน” เวนดี้ส่ายหัวยิ้มๆ “ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ เจ้าช่วยเล่าอดีตของเจ้าให้ข้าฟังได้ไหม?”
ความรู้สึกอบอุ่นเข้าโอบล้อมไทเลนเหมือนกับสายน้ำ
ผู้หญิงผมแดงที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะเกิดมาเพื่อเป็นที่พึ่งพาของพวกเธอ
ต่อให้เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น เธอก็ไม่อยากจากไปไหน
บางทีหลังจากที่เธอเล่าจบแล้ว ความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ก็อาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ เธอก็ยังสามารถทำให้เวลามันยาวขึ้นได้อีกหน่อย
ไทเลนกัดริมฝีปาก ก่อนจะค่อยๆ เล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดของตน
ก่อนที่จะตื่นรู้เป็นแม่มด เธอก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน และสิ่งที่เธอต้องเจอหลังจากที่ตื่นรู้เป็นแม่มดก็เหมือนกับแม่มดคนอื่นๆ ถูกขับไล่ ถูกรังเกียจ ถูกไล่ฆ่า….ตอนที่กำลังสิ้นไร้หนทาง เธอได้ยินข่าวลือเรื่องสมาคมบลัดแฟงค์ ในตอนนี้สิ่งที่เธอปรารถนามากที่สุดก็คือที่ๆ ให้เธอได้อยู่อย่างสงบ เธอยอมเสี่ยงที่จะโดนศาสนจักรจับได้ ออกเดินทางมาที่เกาะอาชดยุค ก่อนที่จะเจอกับคนของสมาคมบลัดแฟงค์
แต่คิดไม่ถึงเลยสิ่งที่เธอพบเจอเป็นหายนะที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม
สมาคมบลัดแฟงค์ไม่เพียงแต่จะไม่รับเธอเอาไว้ หากแต่ยังจับเธอไปขายให้กับขุนนางคนหนึ่งของวูล์ฟฮาร์ทด้วย ในช่วงเวลาหลายปีหลังจากนั้น เธอถูกขายต่อให้คนอื่นอีกหลายครั้ง จนกระทั่งมาถึงมือเจ้านายคนหนึ่ง ความสามารถของเธอได้กลายเป็นวิธีหาความสุขแบบหนึ่ง ‘ยาเม็ด’ ที่ถูกใส่พลังเวทมนตร์ลงไปไม่เพียงแต่จะช่วยชะลอความเจ็บปวดได้ แต่มันยังช่วยชะลอความหงุดหงิดและความสุขได้ด้วย
สำหรับการรักษาแล้ว มันถือว่าไม่มีประโยชน์เท่าไร เพราะว่าความเจ็บปวดมันจะไม่หายไปไหน เพียงแต่มันจะระเบิดออกมาทีเดียวในตอนที่ยาหมดฤทธิ์ หากเป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อยก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าอาการเจ็บปวดที่ว่ามันมากเกินระดับหนึ่งไป ในตอนนั้นความเจ็บปวดที่ระเบิดออกมาอาจจะเจ็บจนเหมือนจะตายเลย
ด้วยเหตุนี้เจ้านายคนก่อนหน้าจึงมองเธอเป็นเหมือนเครื่องมือในการหาความสุข เขาใช้ประโยชน์จาก ‘ยาเม็ด’ มาสร้างความสุขให้กับตัวเอง ไม่ใช่เท่านี้ เขายังแบ่งเธอไปให้ขุนนางคนอื่นใช้หาความสุขเพื่อสร้างสัมพันธ์ด้วย และในตอนนั้นเองไทเลนก็ได้รู้จักกับโมโม่ อีกทั้งแม่มดอีกหลายคนที่ถูกสมาคมบลัดแฟงค์จับมาขายให้กับขุนนาง
ในตอนนั้นเธอถึงได้เข้าใจว่า ‘สถานที่สงบสุข’ ที่ว่านั้นก็เป็นแค่เรื่องที่สมาคมบลัดแฟงค์กับขุนนางร่วมมือกับแต่งขึ้นมาเท่านั้น แทนที่จะไปวิ่งไปจับพวกเธอมา สู้รอให้พวกแม่มดเป็นฝ่ายเข้ามาหาพวกเขาเองดีกว่า และหลังจากนั้นไทเลนก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าหลังจากที่ศาสนจักรบุกเข้ามา เหล่าแม่มดที่เธอรู้จักก็เริ่มหายไปทีละคนสองคน จนสุดท้ายเหลือเพียงแค่เธอกับโมโม่
กระทั่งมีขุนนางคนหนึ่งหลุดปากออกมา เธอถึงได้รู้ว่าคนพวกนั้นจับแม่มดไปมอบให้ศาสนจักรเป็นเครื่องบรรณาการ หรือไม่ก็แอบกำจัดพวกเธออย่างเงียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ส่วนวิธีการจัดการแม่มดนั้น เพียงแค่ฟังก็ทำให้เธอรู้สึกขนลุกแล้ว
ไทเลนฉวยโอกาสตอนที่ศาสนจักรบุกเข้ามาสร้างความวุ่นวายแอบพาโมโม่หนีออกมาที่นั่น
และวิธีที่เธอได้ก็คือการใช้ ‘’ยาเวทมนตร์’ เกินขนาด
……………………………………………………………….