Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1206 ใกล้แค่เอื้อม
“ท่านพบอะไรไหมขอรับ?”
หลังเฮคซอดเดินออกมาจากประตูที่บิดเบี้ยว นายทหารคนสนิทที่เป็นผู้ยกระดับตัวหนึ่งก็ถามขึ้นมา
“ไม่…” มันพูดพร้อมจ้องมองดูฝ่ามือของตัวเอง “อายการ์ดน่าจะมองผิดไปล่ะมั้ง”
“เหตุการณ์แบบนี้ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ท่านไปพักผ่อนในบ่อละอองก่อนสิขอรับ เดี๋ยวข้าจะเฝ้ายามแทนท่านเอง” นายทหารคนสนิทชะงักไปเล็กน้อย “ท่าน…วัลคีรีย์ก็มักจะไปแช่ในบ่อบ่อยๆ เหมือนกัน ข้าคิดว่า…ท่านไปผ่อนคลายบ้างมันก็ไม่เลวนะขอรับ”
เป็นคำแนะนำที่ไม่เลว มันก็อยากจะไปแช่อยู่ในบ่อ พร้อมหลับตาซึมซับความมหัศจรรย์และความกว้างใหญ่ไพศาลของโลกจิตสำนึก แต่ปัญหาก็คือถ้าแผนการตะวันตกมีปัญหา จักรพรรด์ไม่มีทางที่จะไปโทษอะไรไนท์แมร์ หากแต่เอาความโกรธทั้งหมดมาลงไว้ที่จน
สกายลอร์ดนิ่งเงียบไปเล็กน้อย “สำหรับเจ้าแล้ว การเชื่อมต่ออายการ์ดพร้อมกันสี่ตัวมันเหนื่อยเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้แผนการก็ดำเนินมาถึงช่วงที่สำคัญที่สุดแล้ว ดังนั้นให้ข้าเป็นคนควบคุมเองจะดีกว่า ที่นี่คือที่ปักหลักที่สุดท้ายของทางตะวันตก พวกมันจะทำให้จักรพรรดิผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด”
ทันทีที่พูดถึงจักรพรรดิ สีหน้าของนายทหารคนสนิทก็คร่ำเคร่งขึ้นมาทันที “ท่านพูดถูก! เป็นข้าที่ประมาทเอง!”
ไม่ คนที่ประมาทนั้นมีแค่คนที่แช่อยู่ในบ่อละอองชีวิตทั้งวันนั่นแหละ
เฮคซอดแอบคิดด้วยสีหน้าราบเรียบ
นับตั้งแต่ที่อุรูคถูกมนุษย์ขัดขวางแผนการที่ทาคิลาและที่นี่กลายเป็นหัวใจสำคัญของแผนการตะวันตก มันก็พยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มกำลัง แม้แต่อายการ์ดที่เรียกได้ว่าเป็นทรัพยากรที่ล้ำค้า มันก็ยังเอามาจากแนวหน้าตั้ง 4 ตัว เมื่อรับประกันว่าไม่ว่าศัตรูจะบุกมาจากทางไหน มันก็จะสามารถรับรู้ได้ในทันที
อายการ์ดนั้นเป็นผู้ตรวจตราที่มีการรับรู้ที่เฉียบคมมากที่สุด มันไม่มีข้อจำกัดในเรื่องขนาด ระยะห่างกับแสงสว่าง ขอเพียงมีคนมองเห็นมัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะซ่อนตัว หรือว่ามีบาเรียหนาๆ มากั้นเอาไว้ จิตสำนึกของอายการ์ดก็จะรับรู้ได้ทันที ส่วนผู้ที่เชื่อมต่ออยู่กับมันก็จะสามารถรับรู้ได้ทันทีเช่นกัน
เนื่องจากขั้นตอนนี้สิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างมาก ปกติจะมีแต่ผู้ที่ยกระดับแล้วถึงจะมีสิทธิ์เชื่อมต่อกับอายการ์ด แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ โลกที่อายการ์ดมองเห็นก็ยังมีความซับซ้อนอย่างมาก ถ้าจะรับเอาทุกสิ่งที่อาบการ์ดมองเห็นเข้ามาทั้งหมด อย่างนั้นคนที่เชื่อมต่อก็คงไม่ต้องไปทำอะไรอย่างอื่นเลย ด้วยเหตุนี้อายการ์ดจึงมักจะมีการวิเคราะห์สิ่งมีชีวิตที่มันมองเห็นก่อน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเป้าหมายมีภัยอันตรายหรือไม่ก็มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ มันถึงจะส่งข้อมูลต่อให้กับผู้เชื่อมต่อ
และสิ่งที่เฮคซอร์ดรับรู้ได้ก็คือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
ก็เหมือนกับที่นายทหารคนสนิทว่าไว้ การที่อายการ์ดแจ้งเตือนผิดพลาดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร เพราะเดิมพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตก็แตกต่างกันไปร้อยแปดพันเก้าแล้วก็ยากที่จะเข้าใจได้ ก็เหมือนกับที่ในเผ่าพันธุ์มันมีจักรพรรดิซึ่งเป็นคนที่ไม่สามารถอ่านใจได้ หรือไม่ก็พวกแปลกประหลาดอย่างเดอะแมสก์ ซึ่งการที่อายการ์ดที่ขาดความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบจะไม่สามารถแยกแยะได้จึงเป็นเรื่องที่ปกติ — พวกมันต้องเสียสละอะไรหลายๆ อย่างเพื่อที่จะรองรับดวงตาที่กระจายอยู่เต็มหัวเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้ถึงแม้มันจะมีพลังเวทมนตร์ที่พิเศษ แต่ในช่วงเวลาหลายพันปีที่ผ่านมากลับมีอายการ์ดเพียงตัวเดียวที่ได้ยกระดับกลายเป็นราชา
พวกมันถือเป็นปีศาจประเภทหนึ่งที่มีจำนวนน้อยอย่างมากในเผ่าพันธุ์ปีศาจ อัตราการเกิดของมันมากกว่าแฮทเชอร์และมาเธอร์ออฟโซลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สกายลอร์ดปล่อยวางเรื่องนี้พร้อมทั้งถามเปลี่ยนประเด็นขึ้นมา “งานฟื้นฟูหอคอยแห่งการให้กำเนิดเป็นยังไงบ้าง?”
“การก่อสร้างใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างราบรื่นดีขอรับ”
“ดีมาก ไปตรวจดูเป็นเพื่อนข้าหน่อย”
“ขอรับ ท่านสกายลอร์ด!”
ด้วยอิทธิพลของหินอาญาสิทธิ์ ทำให้มันไม่สามารถบินตรงลงไปยังใต้หุบเขาได้ มันจึงได้แต่ต้องเดินลงบันไดไปที่ละขั้นๆ
เมื่อความสูงลดต่ำลง ภาพทิวทัศน์ที่อยู่รอบข้างก็เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงขึ้นมา นั่นเป็นเพราะว่าในบรรยากาศมีละอองชีวิตล่องลอยอยู่เต็มไปหมด หน้าผาที่สูงชั้นกลายเป็นเหมือนภาชนะตามธรรมชาติ ขอเพียงพวกมันใส่ละอองชีวิตเข้ามาเรื่อยๆ ที่นี่ก็จะมีละอองชีวิตมากพอให้ปีศาจนับหมื่นๆ ตัวได้ใช้
แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของเฮคซอร์ด
ขอเพียงตั้งหอคอยแห่งการให้กำเนิดขึ้นมาบนสายแร่หินอาญาสิทธิ์ได้ เผ่าพันธุ์ของมันก็จะมีหมอกแดงให้ใช้อย่างต่อเนื่องและปักหลักอยู่ที่นี่ได้อย่างมั่นคงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องขนส่งหมอกแดงอีก
ในตอนที่มันเดินลงมาถึงด้านล่างสุด แสงเยือกเย็นสีม่วงน้ำเงินก็เข้ามาแทนที่พระอาทิตย์ ภายใต้แสงที่สะท้อนออกมาจากเสาหินอาญาสิทธิ์ หอคอยหินอันใหญ่โตแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้ามัน
แม้แต่เฮคซอร์ดก็ยังรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้เห็นมัน
“ไม่ว่าจะเห็นมันกี่ครั้ง ข้าก็ยังรู้สึกมันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ” นายทหารคนสนิทอุทานออกมาเบาๆ “เดิมมีแต่ตอนที่แหล่งกำเนิดเวทมนตร์ปรากฏขึ้นบนโลก เผ่าพันธุ์เราถึงจะได้เห็นการถือกำเนิดของมัน”
“ก็จริง แต่ตอนนี้ไม่ใช่สงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สองแล้ว” เฮคซอร์ดพูดพร้อมพยักหน้า
ถูกต้อง นี่คือหอคอยแห่งการให้กำเนิดที่เดิมไม่มีทางที่จะปรากฏขึ้นที่นี่ได้ — มันไม่ได้งอกขึ้นมาจากสายแร่หินอาญาสิทธิ์ หากแต่เป็นหอคอยที่สร้างเสร็จสมบูรณ์เอาไว้ก่อนแล้ว ถึงแม้ตอนนี้มันต้องอาศัยฐานขนาดใหญ่ถึงจะตั้งตรงได้ อีกทั้งลวดลายสีเทาน้ำตาลบนตัวหอคอยก็ทำให้มันดูเหมือนหอคอยที่ตายแล้ว แต่เฮคซอดรู้ดีว่านี่เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อไรที่ถึงเวลา มันก็สามารถใช้มาเธอร์ออฟโซลในการเชื่อมต่อเข้ากับสายแร่ได้อีกครั้ง
นี่คือการวิวัฒนาการที่พวกมันได้รับมาจากชิ้นส่วนสืบทอด ในช่วงเวลา 400 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์หรือว่าการใช้งานหินเวทมนตร์ เผ่าพันธุ์มันก็ล้วนแต่ก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดด และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือพวกมันพยายามที่จะทำให้เผ่าพันธุ์ของมันไม่ต้องพึ่งพาละอองชีวิต
แต่มันยังมีอีกประโยคหนึ่งที่ไม่ได้พูดออกมา นั่นก็คือมนุษย์ก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
เมื่อเดินเข้าไปในฐานของหอคอย สกายลอร์ดก็มองเห็นมาเธอร์ออฟโซลที่กำลังอยู่ในสภาพหลับลึก
มันคือจุดกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็เป็นร่างที่สำคัญที่สุดของเผ่าพันธุ์ มีแต่ตอนที่เจตจำนงของพระเจ้าปรากฏขึ้นมาบนโลก แล้วก็ช่วงเวลาที่พลังเวทมนตร์บนโลกมีความเข้มข้นที่สุดเท่านั้น มันถึงจะเข้าสู่สภาพที่สมบูรณ์และหลอมรวมเข้ากับสายแร่หินอาญาสิทธิ์ จากนั้นมันก็จะเปลี่ยนสายแร่ที่เป็นแท่งหินให้กลายเป็นหอคอยสูงใหญ่ แล้วก็ใช้พลังเวทมนตร์ในการให้กำเนิดละอองชีวิตปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดิน
แต่หลังจากที่ได้เทคโนโลยีใหม่มา พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนั้นอีก เมื่อมีหอคอยแห่งการให้กำเนิดที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วก็หมายความว่าเวลาที่ต้องใช้ในการเตรียมการรบของพวกมันก็จะลดน้อยลงอย่างมาก ขอเพียงมีทรัพยากรที่มากพอ พวกมันก็สามารถเปลี่ยนละอองแห่งชีวิตให้กลายเป็นอาวุธได้ แล้วก็เปลี่ยนดินแดนของศัตรูให้กลายเป็นดินแดนของตัวเองอย่างรวดเร็ว
รอบๆ ตัวมาเธอร์ออฟโซลมีร่างชั้นต่ำที่ไม่มีพลังเวทมนตร์เกือบร้อยตัวกำลังทำงานอยู่ พวกมันกำลังคอยดูแลร่างมาเธอร์ออฟโซลอย่างระมัดระวัง ทั้งในเรื่องการทำความสะอาดและการเลี้ยงดู และด้านล่างรอยแตกขนาดใหญ่นี้ก็มีร่างชั้นต่ำแบบนี้อยู่อีกนับพันนับหมื่นตัว เฮคซอดมองดูภาพการทำงานอย่างขมักเขม่นผ่านทางหน้าต่างของฐานหอคอย ร่างระดับต้นและทูมสโตนกำลังขุดอุโมงค์และเคลื่อนย้ายทรัพยากร ส่วนผู้ยกระดับก็ขี่อสูรสยองบินไปบินมาพร้อมออกคำสั่ง ส่วนตรงกึ่งกลางของรอยแตกก็มีร่างซิมไบออนท์ใหม่ล่าสุดที่เดอะแมสก์เลี้ยงดูขึ้นมาตั้งเรียงเป็นแถว ขอเพียงออกคำสั่ง เครื่องจักรสงครามที่แข็งแกร่งเหล่านี้ก็จะแห่กันออกไปโจมตีศัตรูทันที มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่มันคิดไปว่านี่ต่างหากที่เป็นแนวหน้าในสนามรบ
แต่ถึงจะพูดเช่นนี้ก็ไม่ถือว่าผิด เฮคซอดคิดในใจ ถ้าแนวป้องกันบนพื้นทวีปถูกทำลาย อนาคตของพวกมันก็จะริบหรี่ตามไปด้วย ข้าไม่สามารถเอาชนะและกลืนกินมนุษย์ที่นี่ได้ หนทางข้างหน้าของเผ่าพันธุ์มันก็ไม่มีทางสว่างไสวเช่นเดียวกัน
มันจำเป็นต้องชนะในศึกนี้เพื่อจักรพรรดิ!
……………………………………………………………..