Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1174 แผนสกุลเงินที่แก้ปัญหาได้ตลอดกาล
ภายในห้องประชุมมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา
เมื่อขนาดของสำนักบริการมีขนาดใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว อายุเฉลี่ยของเจ้าหน้าที่ในสำนักงานก็ลดลงเรื่อยๆ บวกกับมีการเริ่มใช้ระบบการสอบ คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต่างก็แสดงความได้เปรียบของพวกเขาออกมา พออายุ 20 ก็เรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานและกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่าง อายุ 25 ก็กลายเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส หรืออาจจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่คนสำคัญของหน่วยงานได้
ความจริงแล้วภายในห้องประชุมตอนนี้ก็มีเจ้าหน้าที่หนุ่มสาวอยู่ไม่น้อย
เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ต่างพากันก้มหน้าอย่างเขินๆ โรแลนด์จึงอดยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้
ถึงแม้ในเรื่องความมีวุฒิภาวะและการแก้ไขปัญหาของคนกลุ่มนี้จะยังไม่อาจสู้เจ้าหน้าที่อาวุโสได้ แต่ความอ่อนเยาว์และความอดทนของพวกเขาก็ทำให้หน่วยงานดูมีชีวิตชีวา ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลยุคใหม่ควรจะมีมากที่สุด
“สรุปแล้วก็คือพยายามเพิ่มจำนวนประชากรในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ให้ได้มากที่สุด นี่คือเป้าหมายที่พวกเจ้าต้องพยายามทำให้สำเร็จ รวมไปถึงการวางแผนและการก่อสร้างที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานก็ต้องเพิ่มตามจำนวนประชากรที่ขยายตัวให้ทัน การเพิ่มประชากรเท่านึงนั้นไม่ได้เป้าหมายสุดท้าย ข้าจะไม่ตั้งเป้าหมายสุดท้ายให้พวกเจ้า พวกเจ้ารู้แค่เพียงว่าตัวเลขนี้ยิ่งเยอะยิ่งดีก็พอ ดังนั้นพวกเจ้าเองก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามนั้นเหมือนกัน” เขารอให้เสียงหัวเราะเบาลงก่อนจะพูดสรุปต่อว่า “เพื่อที่จะให้มันเป็นตัวเลขกลมๆ อ่านง่ายๆ ดังนั้นข้าจะเรียกแผนการนี่ว่า ‘แผนการหนึ่งล้าน’ แล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
เหล่าเจ้าหน้าที่พากันเอามือขึ้นมาทาบที่หน้าอกพร้อมตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน
คำสั่งหลังจากนั้นล้วนแต่เป็นคำสั่งที่เป็นส่วนเสริมหรือส่วนขยายของแผนการหนึ่งล้าน อย่างเช่นการค้นหาแหล่งทรัพยากรบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ การตั้งโรงเรียนประจำและโรงเรียนอาชีพขึ้นมาเพื่อทำให้การเผยแพร่การศึกษามีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น คนในหน่วยพยาบาลจากปกติที่คัดเลือกมาจากคนในกองทัพก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจ้างงานชาวบ้าน ในเขตชุมชนที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นมีการตั้งคลินิกขนาดเล็กเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของหน่วยพยาบาล ขณะเดียวกันกองการศึกษาก็มีการเพิ่มหลักสูตรวิชาการแพทย์ระดับกลางเข้าไป แล้วก็คัดเลือกคนที่มีความเชี่ยวชาญจากในหน่วยฉุกเฉินของกองทัพมาฝึกสอนกึ่งเรียนรู้ด้วยตัวเอง ส่วนตำราเรียนก็ไปรวบรวมมาจากโลกแห่งความฝัน
การจะทำให้เมืองที่มีประชากร 2 แสนคนขยายกลายเป็น 4 แสนคน หรืออาจจะกลายเป็นเมืองขนาด 1 ล้านคนนั้นมันไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงแค่จำนวนตัวเลขเท่านั้น การขยายพื้นที่ที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องมีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เพิ่มมากขึ้น ไม่อย่างนั้นเพียงแค่สิ่งปฏิกูลในชีวิตประจำวันก็มีจำนวนมากพอที่จะทำลายสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากลงได้ง่ายๆ เมื่อความหนาแน่นของจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น หน่วยงานป้องกันโรคระบาดก็จำเป็นต้องทำงานหนักขึ้น ถึงแม้จะมีความสามารถของลิลลีอยู่ แต่การตรวจตราและการพยากรณ์ก็เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องครุ่นคิด
ส่วนความสำคัญของการศึกษานั้นไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ๆ กันอยู่ หากไม่ขยายการศึกษาออกไป ประชากรก็จะกลายเป็นภาระแทนที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการผลิต
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาเพียงแค่พูดถึงกรอบของแผนการอย่างคร่าวๆ ในการประชุมครั้งนี้ เพราะการจะสร้างเมืองใหญ่มีที่ประชากรหนึ่งล้านคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ประชุมกันแค่ครั้งสองครั้งแล้วจะตกลงกันได้ ถ้าอยากจะหาเส้นทางที่เหมาะกับเมืองเนเวอร์วินเทอร์ เช่นนั้นก็จะเป็นต้องให้สำนักบริหารทำการค้นหาและทดลองไปเรื่อยๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นอยู่การแผนการสร้างเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อยู่นั่น จู่ๆ บารอฟก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าลังเลว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงคิดที่จะส่งคนพวกนี้เข้าไปในโรงงานทั้งหมดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
โรแลนด์พยักหน้า “หรือไม่ก็ทีมวิศวะ กองทัพที่หนึ่ง ศูนย์วิจัย…ตรงไหนก็ได้ที่ต้องการคน”
“แต่ถ้าทำแบบนั้นอาจจะทำให้การเงินของสำนักบริหาณเกิดการขาดแคลนได้นะพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสำนักบริหารพูดอย่างลังเล “ตอนนี้รายได้หลักๆ ของสำนักบริหารมากจากการขายเครื่องดื่มยุ่งเหยิง น้ำหอมและเครื่องจักรไอน้ำ พระองค์เองก็ทรงทราบ เครื่องจักรไอน้ำนั้นเราต้องขายผ่านหอการค้าร่วม กว่าจะชำระเงินทีก็ต้องรอ 3 – 6 เดือน แต่ค่าจ้างของชาวเมืองนั้นต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือน จำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปก็ประมาณ 8 หมื่นเหรียญทอง ตอนนี้รายได้เรายังมากกว่าหลายจ่าย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินคงคลัง แต่ถ้าจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอีกเท่าหนึ่ง สถานการณ์มันจะไม่เหมือนตอนนี้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ…”
“เจ้ากังวลว่าถ้าเกิดเราได้รับเงินจากการขายสินค้าล่าช้าออกไป เมืองเนเวอร์วินเทอร์จะไม่มีเงินสำหรับจ่ายค่าจ้างใช่ไหม?” โรแลน์เลิกคิ้วถามขึ้นมาอย่างสนใจ สมแล้วที่เป็นผู้ชายเสนาบดีกองการคลังมาหลายอีก การที่สามารถคิดโยงไปถึงปัญหาเรื่องการเงินได้รวดเร็วแบบนี้ทำให้เขารู้สึกชื่นชมอย่างมาก
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ” บารอฟพูดพร้อมขีดๆ เขียนๆ ในสมุดไปพลาง “ยิ่งไปกว่านั้นเงินค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นตามอายุการทำงานด้วย ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่จำนวนเครื่องดื่มยุ่งเหยิงที่เราผลิตได้นั้นมีจำนวนเท่าเดิมในทุกๆ เดือน บวกกับแผนประชากรล้านคนที่จะทำให้กำลังการซื้อของอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์กับวูล์ฟฮาร์ทลดลง นี่จะทำให้รายได้ในอนาคตของเราลดลงอย่างมากแน่นอน หากเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ เกรงว่าเงินคงคลังของสำนักบริหารจะต้องร่อยหรอจนเหลืออยู่ไม่เท่าไรแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลองคำนวณดูคร่าวๆ แล้ว ประชากรที่เพิ่มขึ้นทุกๆ แสนคนในหนึ่งปี จะทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 30% นอกเสียจากพระองค์จะมีแหล่งรายได้ใหม่พ่ะย่ะค่ะ…”
ไนติงเกลที่ฟังถึงตรงนี้ตาเป็นประกายทันที เธอโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเขาว่า “บนที่ดินที่บ้านเก่าของหม่อมฉันมีเหมืองทองที่ยังไม่ได้ขุดอยู่”
โรแลนด์พอได้ฟังก็หัวเราะขึ้นมาทันที “ข้ายังไม่ได้จนถึงขั้นนั้นนะ”
“ไม่เป็นไร หากพระองค์ต้องการก็เอาไปได้เลยเพคะ”
“แค่กๆ ….วางใจได้ ถ้าถึงเวลาที่ต้องใช้จริงๆ ข้าก็ไม่เกรงใจหรอก…แต่ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้” เขาเองก็ตอบเสียงเบาๆ กลับไป จากนั้นก็มองไปทางบารอฟ “ความจริงในจุดนี้ข้าก็มีคิดเอาไว้แล้ว แถมข้ายังมีวิธีที่จะแก้ปัญหาที่เจ้ากังวลใจไปได้ตลอดกาลด้วย”
“แก้ปัญหา…ไปได้ตลอด?” หัวหน้าสำนักบริหารตกตะลึง
“ถูกต้อง เขาเองก็มองเห็นแล้วว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นเพราะรายได้ตามรายจ่ายไม่ทัน ถ้าเรามีวิธีที่ทำให้เรามีรายได้ไม่จำกัด ปัญหานี้มันก็จะหมดไปใช่ไหมล่ะ?”
เพราะไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้รายเร็วได้เท่ากับการพิมพ์เงินอีกแล้ว
ในตอนที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง ความขัดแย้งของเงินโลหะมีค่าก็จะปรากฏออกมา เนื่องจากมีขีดจำกัดในเรื่องการขุดเอาแร่ออกมาและเรื่องการหลอม ทำให้ปกติแล้วการผลิตของมันจะคงที่อยู่ที่ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเทคโนโลยีการผลิตพัฒนาขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนอาจจะสร้างสินค้าที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินตราที่มีอยู่รวมกันได้ในระยะเวลาสั้นๆ ในตอนที่เงินโลหะมีค่าทั้งหมดรวมกันแล้วยังไม่การตามทันการผลิตของสินค้าได้ ระบบการชำระเงินก็จะพังทลายลง
แต่เงินเครดิตไม่มีข้อจำกัดในเรื่องนี้
เงินกระดาษที่แจกจ่ายให้กับแม่มดก่อนหน้านี้ก็คือการทดลองอย่างหนึ่ง แต่ผลที่ออกมาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าถึงแม้จะใช้กระดาษธรรมดาๆ แต่ขอเพียงมีน้ำหมึกของดาร์คลาวด์ แม่พิมพ์ที่อันนาแกะสลักขึ้นมา และลายน้ำป้องกันการปลอมแปลงที่ทำมาจากของเหลวจากแมลงยางนั้นทำให้เงินกระดาษที่ว่าไม่สามารถทำปลอมแปลงได้
ไม่อย่างนั้นเครื่องดื่มยุ่งเหยิงที่อยู่ในร้านค้าของปราสาทคงจะถูกแย่งซื้อไปจนหมดแล้ว
หลังตัดปัญหาเรื่องการปลอมแปลงไป ก็เท่ากับว่าเมืองเนเวอร์วินเทอร์ในตอนนี้มีศักยภาพที่จะพิมพ์เงินออกมาแล้ว
เดิมเขาคิดจะรอให้จัดการกับกฎพื้นฐานต่างๆ เช่นรูปแบบสกุลเงิน มูลค่าเงินและกฎการแลกเปลี่ยนให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยคุยกับบารอฟอย่างละเอียด แต่ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายถามคำถามนี้ขึ้นมา เขาก็ไม่รังเกียจที่จะอธิบายให้ฟัง
ในขณะโรแลนด์กำลังเตรียมจะอธิบายความคิดของตนให้เหล่าเสนาบดีได้ฟังคร่าวๆ ประตูห้องประชุมจู่ๆ ก็ถูกผลักออก จากนั้นฟิลลิสก็รีบเดินเข้ามา
“ฝ่าบาท รายงานที่ส่งมาจากแนวหน้ามีความคืบหน้าแล้วเพคะ พาซาร์อยากให้พระองค์กับเสนาบดีของพระองค์รีบไปที่โถงใต้ดินของเมืองชายแดนที่สามเพคะ”
“รีบขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ใช่เพคะ” ฟิลลิสขมวดคิ้ว “พวกเราแกะเนื้อหาในจดหมายของผู้พิฆาตเวทมนตร์….ไม่สิ ของอุรูคราชาปีศาจที่เขียนให้กับราชาอีกตัวหนึ่งได้แล้วเพคะ!”
……………………………………………………………………….