Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1161 ความหวังอันริบหรี่
“อย่าขยับ” เสียงของเอเลน่าที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นมา
จากนั้นก็มีเสียงฉึบๆ ดังขึ้นมา เข็มหินแท่งหนึ่งถูกหักออก ความรู้สึกชาหายไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความรู้สึกเจ็บปวดที่เสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก
แอนเดรียกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องออกมา เธอโงหัวขึ้นมามองดูตำแหน่งที่ทุกคนยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ก่อนจะพบว่าที่ตรงนั้นถูกเข็มยาวของปีศาจแมงมุมแทงจนเต็มไปหมด ถ้าไม่เป็นเพราะแม่มดอาญาสิทธิ์มาช่วยเธอไว้ เกรงว่าเธอคงจะถูกเข็มแทงตายอยู่ตรงนั้นไปแล้ว
แต่ถึงแม้จะมีร่างกายที่เทียบเท่าได้กับอมนุษย์ แต่การจะหลบการโจมตีที่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างขนาดนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก ในตอนที่เธอถูกเอเลน่ากระโดดมาช่วยเอาไว้ เข็มหินเล่มหนึ่งได้แทงทะลุเข้ามาจากด้านข้างของต้นขาข้างหนึ่ง ก่อนจะทะลุไปยังหัวเข่าอีกข้างหนึ่งของเธอ หลังจากที่หักเอาเข็มหินออก ตรงรอยแผลมีสภาพเหวอะหวะ ผิวหนังและเนื้อเปิดลอกจนมองเห็นกระดูก เลือดสดๆ ไหลทะลักจนชุ่มกางเกง
เอเลน่าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเท่าไร ตรงท้องของเธอก็ถูกเข็มหินแทงทะลุเหมือนกัน เธอต้องหักเข็มทิ้งครึ่งหนึ่งและใช้เข็มอีกครึ่งหนึ่งอุดรูแผลเอาไว้เพื่อจะทำให้เครื่องในไม่ไหลออกมา โชคดีที่ร่างกายของทหารอาญาสิทธิ์ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด นี่จึงทำให้เธอยังสามารถรวบรวมสมาธิเอาไว้ในระดับสูงสุดได้
ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาที แอนเดรียรู้สึกได้ว่าบนหน้าผากของตัวเองนั้นโชกไปด้วยเหงื่อ เธอล้วงเอายาแก้ปวดที่ลีฟทำให้ออกมากินอย่างยากลำบาก รสชาติที่ทั้งขมทั้งฝาดของมันช่วยดึงสติของเธอกลับมา
อีกด้านหนึ่ง แอชเชสกำลังสู้อยู่กับผู้พิฆาตเวทมนตร์
คนอื่นๆ นั้นหลบลูกหลงจากการต่อสู้โดยมีแม่มดอาญาสิทธิ์คอยคุ้มครองอยู่ แต่ทุกคนต่างก็มีสภาพย่ำแย่เหมือนกัน บนตัวมีบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เต็มไปหมด ถ้าปีศาจแมงมุมยิงมาอีกครั้งหนึ่ง เกรงว่าสถานการณ์คงจะเลวร้ายมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ภายในป่ามีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าหลุมพรางที่อุรูคเตรียมการเอาไว้นั้นไม่มีทางที่จะมีปีศาจแมงมุมแค่สองตัวอย่างแน่นอน
ส่วนแม่มดอาญาสิทธิ์ก็ต้องคอยคุ้มครองคนบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถออกไปสู้ได้อย่างเต็มที่
สำหรับพวกเธอแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ย่ำแย่อย่างมาก
แอนเดรียคว้าแขนเอเลน่าเอาไว้ ก่อนจะตะโกนเสียงแหบแห้งออกมา “ให้ทุกคนมารวมกันแล้วหนีไปทางตะวันตก ถ้าช้าจะไม่ทันการ!”
“ไปทางตะวันตก?” เอเลน่างุนงง “แต่จุดรับตัวของกองทัพที่หนึ่งอยู่ทางใต้นี่….”
“ตรงนั้นไปไม่ได้แล้ว ถ้าเรากลับไปทางเดิมก็มีแต่จะถูกพวกปีศาจมันเข้ามาล้อมเอาไว้ ป่าเร้นลับทางตะวันตกเป็นทางหนีเดียวของเรา” ในอุโมงค์ใต้ดินนอกจากจะมีปีศาจซุ่มโจมตี เกรงว่าคงจะมีการเตรียมถังหมอกแดงเอาไว้เป็นจำนวนมากด้วย ถ้าถูกปีศาจที่ไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องหมอกแดงรุมล้อม จุดจบพวกเธอจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ ถึงแม้การหนีไปทางตะวันตกจะยิ่งทำให้อยู่ห่างจากจุดรับตัวออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ทำให้พวกเธอหนีห่างจากพวกศัตรูได้เหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญคือพวกเธอต้องอยู่รอดจนถึงตอนนั้นก่อน
ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว ที่ผู้พิฆาตเวทมนตร์ไม่ยอมลงมือตั้งแต่แรกนั้นไม่ใช่ว่ามันกำลังรอให้กองหนุนแม่มดอาญาสิทธิ์มาช่วยพวกเธอเพียงอย่างเดียว หากแต่ปีศาจที่มันวางกำลังเอาไว้ก็ต้องใช้เวลาในการมารวมตัวเหมือนกัน อุโมงค์ที่พวกมันขุดเอาไว้น่าจะมีกระจัดกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่ เพราะมีแต่วิธีนี้เท่านั้นพวกมันถึงจะเข้ามาใกล้พวกเธอได้ไม่ว่าพวกเธอจะซุ่มโจมตีอยู่ที่ไหน
และสัญญาณที่บอกให้ปีศาจลงมือก็น่าจะเป็นตอนที่ ‘ตัวปลอม’ บินออกมาจากทาคิลา
“ข้าเข้าใจแล้ว” เอเลน่าพยักหน้า พร้อมกับส่งสัญญาณเรียกเพื่อนๆ มารวมตัวกัน
ภายใต้การยิงคุ้มกันของปืนลูกซอง อุรูคจึงได้แต่ต้องเดินอยู่ด้านนอกและใช้พลังเวทมนตร์สร้างลมที่รุนแรงขึ้นมาทอนกำลังของพวกเธอ ถึงแม้บนร่างกายมันจะมีแสงสีน้ำเงินที่เกิดขึ้นจากการที่กระสุนไปกระแทกถูกบาเรียปรากฏขึ้นมาหลายครั้ง แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ากระสุนที่สาดกระจายออกไปของปืนลูกซองยากที่จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บได้
ทุกคนมารวมตัวกัน ปีศาจคุ้มคลั่งเองก็ปรากฏตัวขึ้นในป่า
“ระวังหอก!” แอชเชสตะโกน ก่อนจะยกดาบยักษ์เข้าไปฟันหอกกระดูกที่ถูกปาเข้ามาจนหักไปท่อนๆ
แม่มดอาญาสิทธิ์ยกปืนยิงระเบิดยิงกลับไป ภายในพื้นที่ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที
แต่แอนเดรียกลับรู้ว่าพวกเธอยังมีปัญหาที่อันตรายมากกว่านี้ที่ต้องแก้ไข
เธอหยิบเอารูนสดับมาจากแอชเชส ก่อนจะตะโกนบอกไลต์นิ่ง “ไปหาปีศาจแมงมุมสองตัวนั้น จากนั้นกำจัดพวกมันทิ้งซะ!”
“แต่ว่า…”
“มีแต่เจ้ากับเมซี่เท่านั้นที่ทำได้ รีบไปเร็ว แบบนั้นต่างหากถึงจะเป็นการช่วยเหลือพวกข้าได้มากที่สุด!”
การยิงแต่ละครั้งของปีศาจแมงมุมจะทิ้งช่วงห่างกันประมาณ 7 – 8 นาที ตอนนี้ผ่านไป 3 นาทีแล้ว ถ้าไม่สามารถกำจัดมันได้ก่อนการยิงครั้งต่อไป โอกาสที่พวกเธอจะลากร่างกายที่บาดเจ็บหลบฝนเข็มหินเหล่านั้นได้คงจะมีน้อยอย่างมาก
“แล้วก็ไปบอกให้ทิลลีหนีออกไปจากที่นี่!” แอชเชสตะโกนเสียงดังโดยไม่หันหน้ากลับมา
“ข้า…” ไลต์นิ่งลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันตอบว่า “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าอดทนไว้ก่อนนะ!
“แน่นอน” แอนเดรียฝืนยิ้มออกมา “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมานั่งยอมแพ้…” เธอตะโกนบอกแม่มดอาญาสิทธิ์ “เอาปืนมาให้ข้ากระบอกนึง!”
“เจ้าไหวเหรอ?” เอเลเน่าที่แบกเธอเอาไว้ข้างหลังขมวดคิ้วขึ้นมา “ถ้าไม่จับข้าเอาไว้แน่นๆ เจ้าจะกระเด็นตกลงไปนะ”
“วางใจได้ แค่มือเดียวก็พอแล้ว”
เธอรับเอาปืนยาวลูกเลื่อนมาจากแม่มดอาญาสิทธิ์ ก่อนจะใช้ฟันกัดคันชักลูกเลื่อนแล้วดึงมันไปข้างหลัง กระสุนถูกบรรจุเข้าไปในรังเพลิง จากนั้นเธอก็จับปืนพาดขึ้นไปบนไหล่ของเอเลน่าด้วยมือข้างเดียว ถึงเธอจะสูญเสียขาทั้งสองข้างไป ถึงพลังเวทมนตร์จะถูกใช้ไปจนหมด ถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลและความมึนงงจากการใช้พลังเวทมนตร์มากเกินไปจะกำลังทรมานเธออยู่ แต่เธอยังคงเป็นมัจจุราชผู้ปลิดชีพศัตรูด้วยกระสุนนัดเดียว
คนป่าเถื่อนอย่างแอชเชสกำลังสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
แล้วเธอจะมายอมแพ้ได้ยังไงล่ะ?
……
“ไลต์นิ่ง…พวกเราทำไงดีจิ๊บ?” เมซี่ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าร้อนใจ
“อย่าเพิ่งลน ใจเย็นก่อน” ไลต์นิ่งมองไปทางปีศาจคุ้มคลั่งหลายสิบตัวที่กำลังวิ่งอยู่ในป่าและควันไฟจากการระเบิดที่ลอยขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็น เธอรู้ว่าแอนเดรียพูดถูก ความได้เปรียบเพียงหนึ่งเดียวของเธอนั้นอยู่ที่ความเร็ว ถ้าเกิดถูกผู้พิฆาตเวทมนตร์ทำลายความสามารถ หากอยากจะบินขึ้นมาใหม่ก็คงจะยากแล้ว
ยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยิ่งต้องใจเย็น! การวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อเลือกใช้วิธีในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องที่สุดต่างหากถึงจะเป็นเรื่องที่นักสำรวจควรทำ! เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเธอไม่สามารถหนีออกมาได้ การกำจัดปีศาจแมงมุมทิ้งคือสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย และถ้าอยากจะกำจัดเจ้าสัตว์ประหลาดที่มีหินห่อหุ้มเอาไว้ทั้งตัว ก็จำเป็นต้องใช้ปืนยิงระเบิดที่ฝ่าบาททรงสร้างขึ้นมาใหม่ถึงจะทำได้
“เจ้าไปหาตำแหน่งของปีศาจแมงมุม ข้าจะไปหาซีกัลก่อน องค์หญิงทิลลีมีอาวุธที่ข้าต้องใช้อยู่!” ไลต์นิ่งรีบจัดแจงความคิดออกมาอย่างรวดเร็ว
“เข้าใจแล้วจิ๊บ!” เมซี่แปลงร่างเป็นเหยี่ยวเมอร์ลิน ก่อนจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
เธอเร่งความเร็วขึ้นไปจนถึงขีดสุด แค่พริบตาเธอก็มาถึงเครื่องบินที่บินวนอยู่รอบนอกจุดซุ่มโจมตี
“พวกนางล่ะ? ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” พอเปิดประตูห้องโดยสาร เวนดี้ก็ถามขึ้นมาอย่างกังวล
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ข้าต้องการอาวุธสำรอง!”
ไลต์นิ่งวิ่งเข้าไปในห้องโดยสาร ก่อนจะหยิบเอาเครื่องยิงและกระสุนระเบิดแบกเอาไว้ข้างหลัง ในเวลานั้นเอง ทิลลีถามขึ้นมาว่า “สถานการณ์ไม่ค่อยดีใช่ไหม?”
สาวน้อยลังเลเล็กน้อย สุดท้ายจึงพยักหน้าออกมา “อื้อ แอชเชสบอกให้พระองค์หนีไปจากที่นี่เพคะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ไลต์นิ่งกับเวนดี้ต่างตกตะลึง
“เพราะขืนข้าอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะเป็นภาระให้นางเปล่า…” น้ำเสียงของทิลลีฟังดูสั่นเครือเล็กน้อย เหมือนเธอพยายามข่มอะไรบางอย่างเอาไว้อยู่ “สัมปชัญญะบอกข้าว่าการหนีกลับไปที่ค่ายต่างหากถึงจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด”
“องค์หญิง…”
“แต่เจ้าอย่าลืมไปบอกนางนะว่าข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน! อีกไม่นานซีกัลจะพากองหนุนมาช่วย บอกให้พวกนางอดทนจนกว่าข้าจะกลับมา!”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง บนฟ้าก็มีเสียงร้องเรียกของเหยี่ยวเมอร์ลินดังขึ้นมา
“หม่อมฉันจะบอกแอชเชสให้เพคะ” ไลต์นิ่งมองดูทิลลี ก่อนจะกระโดดออกไปจากเครื่องบิน
น้ำหนักที่แบกอยู่บนหลังทำให้เธอไม่สามารถบินด้วยความสูงเหมือนอย่างปกติได้ ในตอนที่เธอตกลงไปจนถึงระดับความสูงประมาณ 10 กว่าเมตรจากพื้นดิน เธอถึงจะรักษาสมดุลของร่างกายได้ ถ้าในเวลานี้ผู้พิฆาตเวทมนตร์มาไล่จับเธออีกครั้ง เกรงว่าเธอคงหนีไม่รอดแน่
เชื่อใจเพื่อน เชื่อในความกล้าที่พวกนางมอบให้เธอ!
ไลต์นิ่งสูดหายใจ ก่อนบินไปยังตำแหน่งที่เมซี่บอก
หลังจากนั้น 30 วินาที ในที่สุดเธอก็มองเห็นเป้าหมาย มันคือปีศาจแมงมุมที่กำลังฟุบหมอบอยู่บนพื้น แล้วก็ค่อยๆ ขย้อนเอาผลึกหินสีดำออกมา ข้างกายมันมีหลุมขนาดใหญ่อยู่หลุมหนึ่ง เธอเหมือนจะมองเห็นรูสองสามรูอยู่ตรงก้มหลุม เหมือนว่ามันจะเชื่อมต่อเข้ากับที่อื่นเอาไว้
รอบๆ ปีศาจแมงมุมมีปีศาจคุ้มคลั่งคอยเฝ้าระวังอยู่สองตัว ไลต์นิ่งมองข้ามพวกมันไป ก่อนจะบิดเลียดยอดไม้ไปอยู่บนหัวเป้าหมาย เธอเล็งเป้าไปยังสัตว์ประหลาดที่กำลังเปิดเกราะของมันออกเพื่อยิงผลึกหินสีดำ ก่อนจะเหนี่ยวไกอย่างไม่ลังเล
สิ้นเสียง ‘ปัง’ เบาๆ กระสุนระเบิดก็พุ่งทะลุเข้าไปในร่างกายของปีศาจแมงมุม เปลวไฟที่หัวกระสุนพ่นออกมาสามารถระเบิดช่องท้องของมันได้ในพริบตา ร่างกายและเส้นเลือดของมันที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในหินสีดำถูกแรงระเบิดฉีกเป็นชิ้นๆ จนแหลกละเอียด!
ปีศาจแมงมุมล้มลงไปกับพื้นพร้อมส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
……………………………………………………………………………………