Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1160 กับดัก
“แม็กกี้!” แอชเชสตะโกนเสียงดัง ขณะเดียวกันก็กันทุกคนเอาไว้ด้านหลังตัวเอง
เสียงที่ตอบเธอกลับมาคือเสียงไอด้วยความเจ็บปวด
ถึงแม้จะฟังดูแล้วเหมือนสถานการณ์ของอีกฝ่ายจะย่ำแย่อย่างมาก แต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ยังมีชีวิตอยู่
“การตอบสนองของเจ้าเร็วมาก อมนุษย์” ปีศาจทำสีหน้าเสียดายที่มีแต่มนุษย์ที่จะทำได้ออกมา “ถ้าไม่เป็นเพราะเจ้าเข้ามาขวาง นางก็คงจะตายอย่างไม่เจ็บปวดไปแล้ว แต่เจ้าทำแบบนี้ มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากทำให้นางทุกข์ทรมานมากขึ้นเปล่าๆ”
บางทีการที่มันเลือกแม็กกี้เป็นเป้าหมายแรกอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อมองดูสายตาของอีกฝ่าย แอนเดรียก็รู้ได้ทันทีว่านี่อาจะเป็นการลงมือที่ผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องการต่อสู้ ประโยชน์ของแม็กกี้เรียกได้ว่ามีอยู่น้อยนิด แต่ในฐานะที่เป็นแม่มดเพียงคนเดียวที่พาทุกคนหนีออกไปได้ ทันทีที่กำจัดเธอทิ้งได้ ทางหนีของแม่มดคนอื่นๆ ก็เท่ากับถูกตัดทิ้งไปด้วย
เธอกัดริมฝีปากพร้อมกับแอบเหลือบมองไปด้านหลัง เธอเห็นกระดูกท่อนหนึ่งแทงลงไปบนไหล่ของแม็กกี้ เลือดสดๆ ไหลออกมาท่วมเสื้อผ้าของเธอจนแดงไปหมด กระดูกนั่นน่าจะแทงลึกไปถึงปอด ลมหายใจของแม็กกี้จึงดูแผ่วเบาอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากมีเลือดไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา ถ้าแอชเชสไม่กระโดดขึ้นไปขวางเอาไว้ เกรงว่ากระดูกนั่นคงจะแทงไปถึงหัวใจของเธอแล้ว
แต่ตอนนี้ถึงแม้เธอจะยังไม่ตาย แต่เธอก็ไม่มีทางที่จะใช้พลังเรียกเรืออาร์คเวทมนตร์พาทุกคนหนีออกไปได้
แต่อีกฝ่ายรู้เรื่องพลังของแม็กกี้ได้ยังไง?
“เจ้าคือ ‘ดวงตา’ ของมนุษย์ใช่ไหม? ถ้าไม่เป็นเพราะเจ้า พวกข้าก็คงไม่ถูกฝนเพลิงเล่นงานจนเป็นแบบนี้” คำพูดต่อมาของผู้พิฆาตเวทมนตร์ได้ทำให้ความหวังสุดท้ายของเธอแตกสลายไปจนหมด อีกฝ่ายชี้ไปยังซิลเวีย ก่อนจะหันมาชี้ที่แอนเดรีย “ส่วนเจ้าน่าจะเป็นมือยิงคนนั้น ช่างเป็นพลังที่น่าหวาดกลัวจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อ 400 ปีก่อนบางทีอาจจะไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ตอนนี้ไม่แน่อาจจะเป็นพลังที่รับมือได้ยากกว่าสุดยอดอมนุษย์เสียอีก โชคดีที่สุดท้ายแล้วพวกเจ้าก็มารวมกันอยู่ที่นี่”
พอพูดจบมันก็ยกมือขวาขึ้นมาทาบไว้ที่หน้าอก “ขออนุญาตให้ข้าได้แนะนำตัวเองก่อน ข้าคืออุรูค เป็นผู้บัญชาการในการทำศึกครั้งนี้ แล้วก็เป็นผู้ฝังศพของพวกเจ้าด้วย”
นี่คือแผนที่วางเอาไว้ล่วงหน้าเอาไว้นานแล้วอย่างแน่นอน
สีหน้าแอนเดรียยิ่งดูแย่ขึ้นมาทันที
มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรกัน ที่พวกเธอคิดว่าคลื่นพลังเวทมนตร์ที่ไหลทะลักออกมานั้นคือผู้พิฆาตเวทมนตร์?
ใช่แล้ว…นับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายมาเผาพื้นที่ด้านเหนือของป่าเร้นลับ หลังจากนั้นก็ลอบโจมตีลีฟ คลื่นพลังเวทมนตร์อันรุนแรงของมันก็ถูกทุกคนจดจำเอาไว้ในใจ
ความจริงแล้วสามารถย้อนกลับไปในนานกว่านั้นอีกหน่อย
ในตอนที่ไลต์นิ่งเจอกับผู้พิฆาตเวทมนตร์เป็นครั้งแรก เธอบอกว่าพลังเวทมนตร์ของมันรุนแรงจนเหมือนจะจับต้องได้ ในเมื่อพลังเวทมนตร์ของมันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มันจะถูกดวงตาแห่งเวทมนตร์ของซิลเวียมองเห็นถึงแม้จะอยู่นอกระยะก็ตาม
และในการต่อสู้อันยาวนานหลังจากนั้น การกระทำของอีกฝ่ายก็ยิ่งตอกย้ำให้พวกเธอเชื่อเช่นนั้น มันเปิดเผยร่องรอยของตัวเองให้ซิลเวียได้เห็น แล้วก็ทำให้ทุกคนเชื่อว่านั่นคือตัวมัน
แต่ทั้งหมดนี่กลับเป็นสิ่งที่ผู้พิฆาตเวทมนตร์วางแผนสร้างมันขึ้นมา
มันเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้ทุกคนตกหลุมพราง
หรือว่ามันวางแผนเพื่อวันนี้เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว?
แต่แบบนี้มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย! ต่อให้ศัตรูรู้ถึงการมีอยู่ของซิลเวียและตัวเธอจากศึกที่นอร์ธบาวด์ แล้วก็ตัดสินใจที่จะกำจัดพวกเธอหลังจากนั้น แต่เพื่อวางกับดักอันนี้แล้ว เจ้าปีศาจระดับสูงที่ชื่ออุรูคนี้ถึงกับยอมทิ้งเมืองทาคิลา แล้วก็ส่งปีศาจนับพันๆ ตัวไปตายบนที่ราบลุ่มบริบูรณ์เนี่ยนะ! ถ้าจะบอกว่ามันโหดเหี้ยมไม่สนใจชีวิตลูกน้องตัวเอง อย่างนั้นซากเมืองศักดิ์สิทธิ์ล่ะ? ถ้าไม่มีสายแร่หินอาญาสิทธิ์ พวกมันก็จะไม่สามารถตั้งเสาโอเบลิสได้ แล้วก็หมายความว่าในช่วงเวลา 400 ปีหลังจากนี้ปีศาจจะสูญเสียโอกาสในการยึดครองที่ราบลุ่มบริบูรณ์นี้ไป ถ้ามันยอมทิ้งโอกาสนี้เพียงเพื่อต้องการจะวางแผนฆ่าพวกเธอ แบบนั้นมันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ!
พวกเธอคุ้มค่าที่จะให้ศัตรูทำเช่นนี้จริงๆ เหรอ?
แอนเดรียรู้สึกภายในหัวตัวเองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย กลายเป็นซิลเวียที่ถามคำถามสำคัญออกมา
“…ทำไม? ทาคิลาน่าจะสำคัญกว่าพวกเราไม่ใช่เหรอ!”
ผู้พิฆาตเวทมนตร์ไม่ได้รีบลงมืออย่างที่คิดเอาไว้ หากแต่ส่ายหัวอย่างช้าๆ แล้วพูดว่า “ข้าบอกเจ้าไม่ได้”
“ก่อนตายอยากจะรู้คำตอบก็ไม่ได้เหรอ?”
“แต่พวกเจ้ายังไม่ตายนี่นา” น้ำเสียงของอุรูคแฝงเอาไว้ด้วยความเย้ยหยัน “ต่อให้ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเจ้าก็ยังไม่ยอมแพ้ไม่ใช่เหรอ?”
มันกำลังรออะไรอยู่
รอให้หินเวทมนตร์สำหรับขว้างฟื้นตัวเหรอ…
แต่แขนของมันก็ไม่ได้ลีบนี่นา
แต่ไม่ว่ายังไง นี่ก็คือโอกาส
แอนเดรียกลืนน้ำลาย เมื่อดูจากการปะทะครั้งที่แล้ว แอชเชสอย่างมากก็ทำได้เพียงแค่ยื้อเวลาเอาไว้เท่านั้น ส่วนพลังเวทมนตร์ของเธอก็เหลืออยู่ไม่เท่าไร ถึงพวกเธอร่วมมือกันก็ไม่สามารถทำให้โอกาสชนะเพิ่มขึ้นไปมากกว่า 50% ได้ ส่วนซิลเวีย คามิล่าและแม็กกี้นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย พวกนางมีแต่จะทำให้โอกาสในการชนะลดลงมากกว่าเดิม
คนเดียวที่จะกู้สถานการณ์ในตอนนี้ได้คือไลต์นิ่ง
ตอนนี้ไลต์นิ่งยังไม่ได้เปิดเผยตัวออกมา นั่นก็หมายความว่าเธอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติแล้ว ถ้าเธอพาซีกัลมาช่วย พวกเธอก็อาจจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมาชนะได้!
แทนที่จะฝืนลงมือสู้กับมัน สู้ถามคำถามเพื่อถ่วงเวลาดีกว่า!
เดิมในหัวของเธอก็มีคำถามหลายข้อที่อยากจะถามอยู่แล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แอนเดรียก็มองไปทางผู้พิฆาตเวทมนตร์ ก่อนจะถามเสียงเบาๆ ว่า “ข้าไม่เข้าใจ…ต่อให้พวกเราถูกตัวปลอมดึงดูดเอาไว้ แต่พวกเราก็ไม่มีทางมองข้ามศัตรูที่อยู่แถวๆ นี้ แล้วก่อนที่จะยิงปืน พวกเราก็ตรวจสอบดูรอบๆ จนแน่ใจแล้ว ที่นี่อยู่ห่างจากทาคิลา 8 – 9 กิโลเมตร ไม่มีทางที่เจ้าจะมาถึงที่นี่ได้ในเวลาสั้นๆ เจ้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่?”
“ในช่วงเวลาครึ่งนี้ปี พวกข้าขุดอุโมงค์ใต้ดินเอาไว้เยอะแยะมากมาย แต่ว่าข้าไม่ได้ขุดเอาไว้ด้านหน้า หากแต่ขุดเอาไว้ด้านหลังทาคิลา” อุรูคตอบอย่างช้าๆ “ทางเข้าอุโมงค์ตั้งอยู่ในเขตเหมืองหินอาญาสิทธิ์ ซึ่งมันก็ยากต่อการที่จะถูกพบอยู่แล้ว อีกทั้งอุโมงค์พวกนี้มันก็ถูกขุดเอาไว้ลึกมาก การที่พวกเจ้าจะมองข้ามมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” มันเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า “มนุษย์คอยจับตาดูพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ตลอดเวลาใช่ไหมล่ะ? ทุกๆ การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบนพื้นดินล้วนแต่ถูกพวกเจ้าจับตาดูเอาไว้จนหมด และความปลอดภัยอันนี้ก็ทำให้พวกเจ้าเข้ามาตกหลุมพรางโดยไม่รู้ตัว”
แถวนี้มีอุโมงค์เหรอ? แอนเดรียสังหรณ์ใจไม่ดี “ต่อให้เจ้าหลบอยู่ใต้ดิน นั่นมันก็แค่แอบซ่อนตัวเองเท่านั้น แต่การที่จะหาพวกข้าในพื้นที่ที่กว้างขนาดนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกทั้งหลายวันมานี้พวกข้าก็เปลี่ยนตำแหน่งอยู่หลายครั้ง แล้วเจ้ามองเห็นพวกข้าได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ข้ามองเห็นพวกเจ้า แต่เป็นพวกเจ้าที่มองเห็นข้า”
‘ตอนที่เจ้ามองเห็นมัน มันก็จะมองเห็นเจ้า’ นี่คือความสามารถของปีศาจดวงตา หรือว่าปีศาจที่ตัวเองฆ่าไปจะเป็นแค่ปีศาจดวงตา? แต่ร่างกายของมันน่าจะใหญ่กว่าผู้พิฆาตเวทมนตร์สิ หรือว่าอุรูคจะใช้วิธีการบางอย่างทำให้ปีศาจที่บินได้ตัวนั้นมีความสามารถบางส่วนของปีศาจดวงตา?
แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกแล้ว ตอนนี้เธอเข้าใจหมดแล้วว่าความรู้สึกไม่ปลอดภัยก่อนหน้านี้มันมาจากไหน
ในเมื่อมีอุโมงค์ลับอยู่ใต้ดิน แล้วจะมีผู้พิฆาตเวทมนตร์แอบอยู่แค่ตัวเดียวได้ยังไง?
ที่ศัตรูยังไม่ลงมือ นั่นเป็นเพราะว่ามันกำลังรอกองหนุนอยู่ มันคิดจะฆ่าพวกเธอทั้งหมดโดยไม่ปล่อยให้หนีรอดไปได้
ในเวลานั้นเอง กระสุนระเบิด RPG จำนวนหลายนัดพุ่งออกมาจากในป่าตรงไปหาอุรูค!
อีกฝ่ายบินหลบการลอบโจมตีครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย กระสุนระเบิดพุ่งทะลุเข้าไปในป่า ก่อนจะมีเสียงระเบิดตามขึ้นมาดังสนั่น
ยังไม่ทันที่คลื่นอากาศที่ร้อนผ่าวจะหายไป เสียงปืนจำนวนหลายนัดก็ดังตามขึ้นมา กระสุนปืนถูกสาดไปหาผู้พิฆาตเวทมนตร์
อุรูคถูกบีบให้ต้องบินสูงขึ้นไปจากเดิม ขณะเดียวกันบนร่างกายมันก็มีแสงสีน้ำเงินสว่างวาบขึ้นมา
“แม่มดอาญาสิทธิ์มาแล้ว!” ซิลเวียพูดอย่างดีใจ
“พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!” โซอี้พุ่งออกมาจากต้นไม้เป็นคนแรก ก่อนจะยืนคั่นกลางระหว่างศัตรูกับหน่วยจู่โจมพิเศษ จากนั้นแม่มดอาญาสิทธิ์อีก 7 คนก็ตามมา แล้วก็ยืนล้อมทุกคนเอาไว้
“รีบไปเร็ว พวกเราต้องหนีไปจากที่นี่…” แต่ภายในใจแอนเดรียตอนนี้รู้สึกตกใจถึงขีดสุด เธอรีบตะโกนบอกคนอื่นๆ โดยไม่ได้อธิบายอะไร
ทันใดนั้นเอง อุรูคก็ยกกำปั้นขึ้นมา
อีกด้านหนึ่งที่ไกลออกไปมีเสียง “ฟุบ” “ฟุบ” ดังทึบๆ ขึ้นมาสองครั้ง
ซิลเวียหน้าเปลี่ยนสีทันที ไม่มีใครรู้จักเสียงนี้ดีเท่าเธออีกแล้ว “ระวัง ปีศาจแมงมุม!”
เสาหินสีดำสองแท่งบินมาอยู่บนหัวของทุกคน จากนั้นก็มีเสียงระเบิดทึบๆ ดังขึ้นมา เข็มเล่มยาวจำนวนมากพุ่งโจมตีลงมาข้างล่าง
แอนเดรียรวบรวมพลังเวทมนตร์เฮือกสุดท้าย ก่อนจะรีบผลักอากาศที่อยู่ข้างหน้าขึ้นไปด้านบนด้วยความเร็วสูงสุด
แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลำแสงสีดำวาดผ่านมา ก่อนจะทำลายพลังเวทมนตร์ของเธอจนแตกละเอียด
ผู้พิฆาตเวทมนตร์ใช้สนามพลังปิดกั้นพลังเวทมนตร์!
เอเลน่าที่อยู่ใกล้เธอที่สุดกระโดดกอดเธอ ก่อนจะพุ่งเข้าหาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่อีกด้าน
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาแค่ชั่วพริบตา
แอนเดรียรู้สึกเหมือนตัวเองบินขึ้นมา โลกทั้งใบหมุนเคว้ง กระทั่งในตอนที่เธอตกลงบนพื้นดินอีกครั้ง เธอถึงได้พบว่าขาทั้งสองข้างของเธอสูญเสียแล้วรู้สึกไปเสียแล้ว
……………………………………………………………………..