Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1075
“….” หลังอ่านจดหมายจบ ทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปครู่ใหญ่ เบอร์นีจึงบ่นขึ้นมาอย่างเจ็บใจว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าไม่ควรไปตั้งความหวังอะไรกับเจ้าชายลำดับที่สี่คนนี้ ลองคิดถึงข่าวลือกับสถานที่ที่เขาไปตอนที่อยู่เมืองหลวงสิ ข้านึกว่าการขึ้นครองราชย์จะทำให้เขาเปลี่ยน….”
“ชู่วว” อีเกรโปดึงแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ “ระวังคำพูดหน่อย ขุนนางที่เข้าออกที่นี่ล้วนแต่เป็นคนที่สนับสนุนฝ่าบาทนะ ต่อให้ไม่ใช่ พวกเขาก็แสร้งทำเป็นสนับสนุนได้เหมือนกัน ถ้าถูกใครได้ยินเข้า เราจะเดือดร้อนเอาได้”
เรินต์แกนถอนหายใจออกมา “ชาตินี้พวกเราคงไม่มีทางได้ไปเหยียบเมืองหลวงใหม่แล้วล่ะ”
“อย่างนั้นก็ไม่ได้แย่อะไรนี่นา อยู่ที่นี่พวกเราก็ได้รับความนิยมอย่างมากไม่ใช่เหรอ?” อีเกรโปพูดปลอบ “พูดอีกอย่างก็คือนอกจากเมืองเนเวอร์วินเทอร์แล้ว คณะละครเคแกนไปที่ไหนก็ล้วนแต่เรียกได้ว่าเป็นคณะละครเวทีชั้นหนึ่ง รายได้พอจะเลี้ยงดูตัวเองได้ไม่เป็นปัญหา”
“ช้าเร็วหนังเวทมนตร์ก็จะมายังเมืองหลวงเก่า” จู่ๆ เคแกนก็พูดขึ้นมา “หลายวันมานี้ข้าพลิกดูบทละครที่เมย์แสดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าพบว่ามันมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่”
อีเกรโปตกตะลึง “พวกเรา…พวกเราก็ยังไปที่อื่นได้ อย่างเช่น อาณาจักรดอว์น อาจารย์ ขอเพียงท่านเอ่ยปาก โรงละครที่นั่นต้องยอมให้พวกเราไปพัก…”
เคแกนส่ายหัว “ข้าไม่ไปอาณาจักรดอว์น”
“อย่างนั้น…”
เคแกนเงยหน้าขึ้นมา “ข้าไปจะเมืองเนเวอร์วินเทอร์อีกครั้ง”
“อะไรนะ?”
“อาจารย์?”
ทั้งสามคนหน้าเปลี่ยนสีทันที
“เดินไปเมืองเนเวอร์วินเทอร์ครั้งหนึ่งอย่างน้อยต้องใช้เวลาเดือนนึง แล้วในช่วงนี้ทุกคนก็แทบจะไม่มีรายได้” อีเกรโปรีบพูดห้าม “ตัวพวกเรายังพอไหว แต่พวกนักแสดงหน้าใหม่กับเด็กฝึกหัดคงจะมีเงินไม่พอใช้แน่ แล้วมันก็จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของคณะละครด้วย”
เคแกนย่อมต้องรู้เรื่องนี้ การจะไปแสดงที่ต่างเมือง ถ้ามีโรงละครอยู่ตรงนั้นแล้วก็ถือว่าดีหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องขนเอาอุปกรณ์ทุกอย่างไปด้วย ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
แต่เขาไม่ได้หมายความอย่างที่ทุกคนคิดกัน “ข้าไม่ได้พาคณะละครไปด้วย”
ครั้งนี้เหล่าลูกศิษย์ตกตะลึงไปนานกว่าเดิม “อย่างนั้น…ท่านจะไปทำอะไร?”
“ไปหาโอกาสที่จะได้แสดงหนังเวทมนตร์” เคแกนค่อยๆ พูด “ถึงแม้ฝ่าบาทจะตรัสว่าช้าเร็วหนังเวทมนตร์จะกลายเป็นที่แพร่หลาย แต่พระองค์ไม่ได้ระบุเวลาเอาไว้ชัดเจน… 10 ปี หรือว่า 20 ปี? ไม่ว่าจะพูดยังไง ข้าก็ไม่สามารถรอนานขนาดนั้นได้ ต่อให้ระยะเวลาสั้นๆ แค่ 5 ปี คณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ก็จะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้พวกเราอยากจะไล่ตามยังไงมันก็ไม่มีทางทันแล้ว”
ถ้าอยากจะไล่ตามคลื่น ก็ต้องไล่ตั้งแต่ตอนที่มันเริ่มก่อตัว
“ปัญหาก็คือ ฝ่าบาททรงมีคณะสตาร์ฟลาวเวอร์อยู่แล้วน่ะสิ…” เบอร์นี่บ่น
“ตอนแรกคณะสตาร์ฟลาวเวอร์ก็มีแค่ดวงดาวกับดอกไม้สองคนเท่านั้น” เคแกนกวาดตามองเหล่าลูกนี้ “ยิ่งไปกว่านั้นความคิดของข้าก็ไม่เคยเปลี่ยนด้วย การแสดงที่ยอดเยี่ยมนั้นจำเป็นต้องอาศัยการฝึกซ้อมอย่างหนัก ถึงจะทำให้การแสดงอยู่ในระดับที่ดีที่สุดได้ ในเมื่อคณะสตาร์ฟลาวเวอร์ไม่สามารถดูแลละครทั้งหมดของฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง อย่างนั้นการที่พวกเราเข้าไปมันก็กลายเป็นการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง ถ้าเราสามารถแสดงละครระดับล่างพวกนั้นได้ดีกว่าอีกฝ่าย ไม่แน่เราอาจจะมีโอกาสได้แสดงหนังเวทมนตร์ก็ได้”
“ท่านจะไปแสดง…ละครระดับล่างพวกนั้นเหรอ?” อีเกรโปพูดเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“ถ้าอยากจะได้อะไรบางอย่าง เราก็มักจะต้องยอมทิ้งบางอย่างไป” เขาพยักหน้า “แต่ว่าต่อให้เป็นละครระดับล่าง มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะแสดงแบบเล่นๆ ได้ เราต้องแสดงมันให้เต็มที่”
เคแกนชะงักไปเล็กน้อย “แน่นอน มันมีโอกาสที่ฝ่าบาทจะปฏิเสธคำขอนี้ อย่างนั้นข้าก็จะขอเข้าไปอยู่ในคณะสตาร์ฟลาวเวอร์ในนามของข้าคนเดียว พวกเจ้ามีใครอยากจะตามข้าไปไหม?”
ไม่มีคนตอบ
ไม่รู้ว่าพวกเขายังตกตะลึงอยู่ หรือว่าพวกเขาไม่ยินยอมที่จะจากเมืองหลวงเก่าไป
หรือไม่ก็เป็นเพราะทั้งสองเหตุผล
เคแกนไม่รู้สึกแปลกใจ ความจริงแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกตกใจอย่างมากในตอนที่มีความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมา ก็เหมือนกับที่อีเกรโปได้บอกมา ต่อให้ไปที่อาณาจักรดอว์น เขาก็ยังมีชื่อเสียงอย่างมากอยู่ แต่ตอนนี้เขากลับจะทิ้งสิ่งเหล่านี้ไป นี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายๆ แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาแก่แล้ว….ความจำก็ไม่ดีเหมือนก่อน แม้แต่ขาก็เดินเหินไม่คล่องแคล่วเท่าไร ไปอยู่บนเวทีจะแสดงอะไรได้? ปกติก็จะได้แต่บทตัวประกอบที่ไม่สำคัญเท่านั้น ต่อให้แสดงดีแค่ไหน แต่คนอื่นก็มองเหมือนเป็นเรื่องตลกอยู่ดี
เรียกได้ว่าตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจจะมาทำงานอยู่เบื้องหลังเวที เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวจะมีโอกาสได้กลับไปแสดงอีก ในเมื่อฝ่าบาทไม่ยอมรับละครของเขา ส่วนเขาเองก็เขียนละครอย่าง ‘เมืองใหม่’ หรือ ‘แดดยามเช้า’ ไม่ได้ อย่างนั้นก็มีแต่ต้องใช้ฐานะนักแสดงเข้าไปลองดูเท่านั้น
น่าเหลือเชื่อมากงั้นเหรอ?
เคแกนมองดูสีหน้าลูกศิษย์ เหมือนว่ากำลังอ่านความคิดพวกเขา
ถูกต้อง มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ หลังตัดสินใจเช่นนี้ออกมา ตัวเขากลับรู้สึกโล่งใจอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว
ตัวเองแก่แล้วจริงๆ แต่ที่น่าแปลกก็คือภายในใจเขารู้สึกเหมือนได้กลับไปยังเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาตามครอบครัวเข้าไปในโรงละคร และได้ดูการแสดงละคร
ความตื่นเต้นที่เอ่อล้นขึ้นมาในใจตอนนี้เหมือนกับสมัยเขาหนุ่มๆ ไม่มีผิด
เขามีเหตุผลนับไม่ถ้วนที่จะหยุดตัวเอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าโอกาสที่จะได้แสดงหนังเวทมนตร์ เหตุผลเหล่านั้นก็กลายเป็นเหมือนฟองอากาศ
“อีเกรโปติดตามข้ามานานที่สุด เขารู้เรื่องการดูแลคณะละครดี ตอนข้าไม่อยู่ ก็ให้เขาเป็นคนรับผิดชอบแทน” เคแกนมอบหมายงานด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ช่วงนี้ในคณะละครมีเด็กใหม่ที่มีพรสวรรค์เข้ามาหลายคน ให้พวกเขาออกไปแสดงบ่อยหน่อย ขอเพียงละครยังแสดงไปได้ตามปกติ ข้าเชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
“อาจารย์…” ทั้งสามคนเหมือนอย่างจะพูดอะไร แต่ก็ถูกเขาห้ามเอาไว้
เขาทำตามเสียงของหัวใจในวัยหนุ่ม
เสียงนั้นกำลังบอกกับเขาว่า
เขาอยากแสดงหนังเวทมนตร์
……
เมืองเนเวอร์วินเทอร์ ดินแดนตะวันตกของเกรย์คาสเซิล
เป็นไปอย่างที่โรแลนด์คิดเอาไว้ หลังจากที่ได้วัตถุดิบมาครบแล้ว การสร้างระเบิดนาปาล์มก็เป็นไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
ในเวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ กองอุตสาหกรรมเคมีก็เอาระเบิดนาปาล์มที่ทำเสร็จเรียบร้อยมาวางไว้ตรงหน้าเขา
มันเป็นถังเหล็กที่สูงประมาณ 1 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เซนติเมตร ตรงกลางของถังเหล็กมีดินปืนสำหรับจุดระเบิดบรรจุเอาไว้ แล้วก็มีฟิวส์เชื่อมเอาไว้
“ฝ่าบาท นี่คือ ‘เพลิงสวรรค์ถล่มเมือง’ ที่กระหม่อมออกแบบมาพ่ะย่ะค่ะ” เลทนินพูดแนะนำอย่างตื่นเต้น มันแบ่งออกเป็นทั้งหมดสามชั้น ได้แก่ชั้นผงหิมะชนิดพิเศษ ชั้นช่วยเหลือการเผาไม้และชั้นเชื้อเพลิง เพื่อที่จะทำให้พื้นที่การเผาไหม้กระจายออกไปได้ไกลมากขึ้น ทั้งสามชั้นนี้จึงไม่ใช่โครงสร้างห่อหุ้มแบบธรรมดา หากแต่เป็นเหมือนเห็ดกลับหัว ไฟจากผงหิมะจะพุ่งขึ้นยังชั้นช่วยเหลือการเผาไหม้และชั้นเชื้อเพลิงเหมือนกับภูเขาไฟพ่ะย่ะค่ะ! แล้วก็….”
น่าจะเป็นเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เขาจะมีโอกาสได้มาแทนที่เคโม อดีตหัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งเมืองหลวงเก่าคนนี้จึงอธิบายผลงานที่ตัวเองภาคภูมิใจไม่หยุด ซึ่งการออกแบบหลายๆ อย่างของเขาก็ทำให้โรแลนด์รู้สึกประทับใจจริงๆ นอกจากเรื่องโครงสร้างตัวจุดระเบิดแบบกำหนดทิศทางและการสนับสนุนการเผาไหม้แล้ว เขายังเสนอแนวคิดเรื่องตัวจุดระเบิดแบบหน่วงเวลาด้วย โดยจะใช้ประโยชน์จากเชื้อปะทุไฟฟ้าที่สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำ ทำให้ระเบิดสามารถระเบิดขึ้นตามลำดับที่ตั้งเอาไว้ได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสังหารด้วย ต้องยอมรับเลยว่าคนที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพเหล่านี้นั้นมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
อย่างเช่นเลทนินที่ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญในการใช้ผลิตภัณฑ์ทางเคมีมาสร้างเป็นระเบิดอย่างมากทีเดียว
สิ่งเดียวที่ทำให้โรแลนด์รู้สึกสงสัยก็คือสไตล์และกลิ่นอายของชื่อที่เขาตั้ง
แต่ว่าสิ่งเหล่านี้นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเมื่อมันถูกเอาไปติดตั้งให้กับกองทัพอย่างเป็นทางการ เขาต่างหากถึงจะเป็นคนที่มีสิทธิ์เด็ดขาดในการตั้งชื่อ
“อย่างนั้นตอนนี้มาทดสอบเพลิงสวรรค์ถล่มเมืองของเจ้ากันดีกว่า” โรแลนด์พูดยิ้มๆ
…………………………………………………………………..